วันที่ 19 ธ.ค. 64 “โค้ชเช” เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนเทควันโดทีมชาติไทย ชาวเกาหลีใต้ เปิดเผยล่าสุดว่าตอนนี้ยังไม่ได้รับสัญชาติไทยอย่างเป็นทางการ หลังจากยื่นเอกสารขอสัญชาติไทยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติไปเมื่อวันที่ 13 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงที่เพิ่งเดินทางกลับมาจากประเทศญี่ปุ่น หลังช่วยให้ “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ คว้าเหรียญทองโอลิมปิก 2020 ซึ่งเป็นเหรียญประวัติศาสตร์ครั้งแรกของวงการเทควันโดไทย
4 เดือนที่แล้ว ผศ.ดร.พิมล ศรีวิกรม์ นายกสมาคมกีฬาเทควันโดแห่งประเทศไทย ได้พา “โค้ชเช” ซึ่งเข้ามารับงานกับทีมเทควันโดไทยตั้งแต่ปี 2002 ไปยื่นเอกสารขอสัญชาติไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งได้ยื่นเอกสารที่ต้องการครบทั้งหมดแล้ว ก่อนมีการสอบสัมภาษณ์และทดสอบทักษะความเป็นคนไทย ประเมินเป็นคะแนนด้วย รวมถึงพิมพ์ลายนิ้วมือแล้ว เหลือเพียงการดำเนินการจากภาครัฐ
ด้าน “โค้ชเช” ซึ่งตอนนี้ใช้ชื่อว่า “ชัชชัย เช” (ชัชชัย ชเว) บอกว่า ตัวเขาเข้าใจว่าเวลานี้อยู่ในช่วงใกล้ปีใหม่จึงอาจจะยังไม่มีความเคลื่อนไหวเพิ่มเติม แต่ก็ยังหวังว่าจะได้รับสัญชาติโดยเร็วที่สุด เพื่อดำเนินการเรื่องต่างๆ ได้อย่างสมบูรณ์ และสานต่อภารกิจนำนักกีฬาเทควันทีมชาติไทยไปคว้าชัยในรายการต่างๆ รวมถึงโอลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ในฐานะคนไทยแบบเต็มตัว
ทั้งนี้ พ.ต.อ.เอกพงษ์ กองนาค ผู้กำกับการฝ่ายกฏหมายและวินัย บก.อก.บช.ส. เปิดเผยในวันยื่นขอสัญชาติที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติว่า กรณีของ “โค้ชเช” ขอยื่นสัญชาติไทย ตามพระราชบัญญัติสัญชาติ พ.ศ.2508 ซึ่งมีเงื่อนไขว่า
1. โค้ชเช ต้องมีอายุบรรลุนิติภาวะแล้ว
2. เรื่องความประพฤติต้องตรวจสอบทั้งทางคดีอาญา และคดีความมั่นคงว่ามีคดีหรือไม่
3. การมีอาชีพ ซึ่งโค้ชเชมีอาชีพเป็นโค้ชทีมชาติ
4. ต้องมีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 5 ปี
5. ต้องมีความรู้ด้านภาษาไทย แต่เนื่องจากโค้ชเช เป็นผู้ที่ประกอบความดีความชอบ เข้าเงื่อนไขตามพระราชบัญญัติสัญชาติ มาตรา 11(1) เป็นไปตามแนวทางของ การกระทรวงมหาดไทย
หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบเอกสารต่างๆ ให้ครบทั้ง 5 ส่วน และเมื่อได้เอกสารครบถ้วนแล้ว จะทำเรื่องเสนอไปที่กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งจะทำเรื่องเข้าอนุกรรมการกลั่นกรองของมหาดไทย โดยมีอธิบดีกรมการปกครองเป็นประธาน แล้วจะส่งเข้าคณะกรรมการชุดใหญ่ที่มีปลัดกระทรวงเป็นประธาน
ถ้าผ่านความเห็นชอบแล้ว จะส่งต่อไปให้รัฐมนตรีพิจารณา แล้วเลขาธิการคณะรัฐมนตรีจะเสนอต่อไปยังสำนักงานราชเลขาธิการ นำความกราบบังคมทูลพระกรุณา ขอพระราชทานพระบรมราชานุญาต
จากนั้น “โค้ชเช” จะต้องมาทำการปฏิญานตนว่าจะเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตต่อประเทศไทย แล้วจึงจะส่งเรื่องกลับไปที่กระทรวงมหาดไทย เพื่อให้เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ประกาศในราชกิจจานุเบกษาว่า “โค้ชเช” ได้สัญชาติไทยเรียบร้อย และจะนำเอกสารนี้มาขอหนังสือรับรองเป็นหนังสือสำคัญจากสันติบาล แล้วจะนำไปขอทำบัตรประจำตัวประชาชนจึงจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์
ตามปกติแล้วจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน แต่เนื่องจากว่าผู้บังคับบัญชาตำรวจแห่งชาติ ผู้บัญชาการตำรวจสันติบาล รวมถึงกระทรวงมหาดไทยให้ความสนใจ อาจทำให้ใช้เวลาเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม เวลานี้ผ่านมาแล้ว 4 เดือน “โค้ชเช” ก็ยังไม่ได้รับสัญชาติไทย