สธ.เตือน “ผู้ปกครอง” เฝ้าระวัง “บุตรหลาน” ช่วงสงกรานต์ หวั่นเด็กชวนกันเล่นน้ำเสียชีวิต
เมื่อวันที่ 8 เม.ย. นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในเดือนเมษายน ซึ่งตรงกับช่วงที่อากาศร้อน และเป็นช่วงปิดเทอมและเป็นช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยพบว่าทุกปีจะมีเด็กจมน้ำเสียชีวิตจำนวนมาก แม้ว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ทางรัฐบาลจะขอความร่วมมืองดกิจกรรมรวมกลุ่มเล่นสาดน้ำ งดประแป้ง เพื่อลดการสัมผัสกันใกล้ชิดกัน ลดความเสี่ยงติดเชื้อโควิด-19 ก็ตาม แต่อาจมีหลายครอบครัวที่พาเด็กๆ ไปพักผ่อนตามแหล่งน้ำที่จัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ เช่น น้ำตก ทะเล อ่างเก็บน้ำ สวนน้ำ หนองน้ำ เป็นต้น หรือเด็กๆ อาจชวนกันไปเล่นน้ำกันเองตามบริเวณแหล่งน้ำดังกล่าว ซึ่งเด็กอาจพลัดตก ลื่นลงน้ำ หรือเกิดการจมน้ำขณะเล่นน้ำจนอาจทำให้เสียชีวิตได้ จากข้อมูลกองยุทธศาสตร์และแผนงาน สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา (ปี 2554-2563) ในเดือนเมษายน มีคนจมน้ำเสียชีวิต 3,372 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปีจมน้ำเสียชีวิตในเดือนเมษายน 889 ราย เฉพาะช่วงเทศกาลสงกรานต์ 3 วัน (13-15 เมษายน) ในช่วง 10 ปีดังกล่าว พบว่าในทุกกลุ่มอายุจมน้ำเสียชีวิต 470 ราย ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 124 ราย เฉลี่ยวันละ 4 ราย มากกว่าช่วงวันปกติถึง 2 เท่า โดยในวันที่ 14 เมษายน พบว่า เกิดเหตุเด็กจมน้ำเสียชีวิตสูงที่สุดเฉลี่ย 5 ราย โดยเหตุการณ์การจมน้ำที่มักพบบ่อยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา ในกลุ่มผู้ใหญ่จะกินเลี้ยงและมักดื่มสุรา หลังจากนั้นจะชวนกันออกไปเล่นน้ำสงกรานต์ตามคลอง น้ำตก และลงว่ายน้ำ ส่วนในกลุ่มเด็กจะชวนกันไปเล่นน้ำตามแหล่งน้ำต่างๆ เด็กไม่มีความรู้เรื่องความปลอดภัยทางน้ำ ไม่มีทักษะการเอาชีวิตรอดเมื่อตกลงไปในน้ำ ว่ายน้ำไม่เป็น และไม่ใช้อุปกรณ์ในการช่วยพยุงตัวในน้ำขณะเล่นน้ำ หรือทำกิจกรรมทางน้ำ รวมถึงไม่รู้วิธีการช่วยเหลือคนตกน้ำ จมน้ำที่ถูกต้อง ทำให้จมน้ำเสียชีวิต
นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้อแนะนำเพื่อให้ปลอดภัยในช่วงสงกรานต์ มีดังนี้ 1.พ่อแม่ผู้ปกครองดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิด ไม่ปล่อยให้เด็กๆ ชวนกันไปเล่นน้ำกันเองตามบริเวณแหล่งน้ำต่างๆ 2.หากครอบครัวพาเด็กๆ ไปพักผ่อนตามแหล่งน้ำ ขอให้ดูแลเด็กอย่าให้คลาดสายตา ไม่ให้เด็กยืนใกล้บริเวณขอบบ่อ หรือสระน้ำ เพราะอาจพลัดตกหรือลื่นลงน้ำได้ 3.หากลงเล่นน้ำ ให้นำขวดน้ำพลาสติกเปล่าขนาด 1.5 ลิตร หรือแกลลอนพลาสติกเปล่า ปิดฝา ใช้สะพายแล่งติดตัวไปด้วย หากหมดแรงให้นำมากอดแนบหน้าอกและลอยตัวไว้ 4.ห้ามดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพราะหากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือจมน้ำจะไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ 5.แหล่งน้ำที่จัดให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยว ต้องมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล มีเสื้อชูชีพให้บริการ มีกฎระเบียบให้ผู้มารับบริการทุกคนต้องสวมเสื้อชูชีพทุกครั้งที่เดินทางหรือทำกิจกรรมทางน้ำ แบ่งเขตพื้นที่สำหรับเล่นน้ำหรือทำกิจกรรมทางน้ำที่ปลอดภัย ต้องมีอุปกรณ์ช่วยคนตกน้ำติดตั้งเป็นระยะ มีเพียงพอ เข้าถึงได้ง่าย และติดป้ายแจ้งเตือน เช่น ห้ามลงเล่นน้ำ น้ำลึก น้ำวน เป็นต้น รวมทั้งป้ายบอกระดับความลึกของน้ำด้วย และ 6.ใช้หลัก “ตะโกน โยน ยื่น” เพื่อช่วยเหลือคนตกน้ำ ได้แก่ ตะโกนเรียกให้ผู้ใหญ่มาช่วยและโทรแจ้งทีมแพทย์กู้ชีพ 1669 โยนอุปกรณ์ใกล้ตัวเพื่อช่วยคนตกน้ำ เช่น เชือก ถังแกลลอนพลาสติกเปล่า หรือวัสดุที่ลอยน้ำได้โดยโยนครั้งละหลายๆ ชิ้น และยื่นอุปกรณ์ที่อยู่ใกล้ตัว เช่น ไม้ เสื้อ ให้คนตกน้ำจับและดึงขึ้นมาจากน้ำ หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422