เผยแพร่: ปรับปรุง:
คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
ย้อนกลับไปราวๆ 2-3 เดือนก่อน ผมมีโอกาสเข้าแอพพลิเคชัน “เน็ตฟลิกซ์” ผู้ให้บริการชมภาพยนตร์และซีรีส์แบบออนไลน์ แล้วได้พบสารคดีชุดหนึ่งของบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ซึ่งมีชื่อว่า “Untold : Malice at the Palace” ชั่วแว้บหนึ่งก็ยังไม่ได้ติดใจอะไรมากมาย ด้วยความที่ผมไม่ได้จ่ายรายเดือน หรือเป็นสมาชิก จึงรู้มาเพียงคร่าวๆ ว่า เป็นเหตุการณ์ตะลุมบอนครั้งมโหฬารสุดของลีก ประมาณ 17 ปีก่อน
กระทั่งการแข่งขันฤดูกาล 2021-22 ระหว่าง ดีทรอยต์ พิสตันส์ เยือน แอลเอ เลเกอร์ส วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน ตามเวลาบ้านเรา โดยเบื้องหลังพบว่า เมตตา แซนดิฟอร์ด-อาร์เทสต์ ที่เรารู้จักกันดีในนาม “รอน อาร์เทสต์” หรือ “เมตตา เวิลด์ พีซ” โคจรมาพบกับคู่กรณี เบน วอลเลซ เซ็นเตอร์ระดับตำนาน NBA พร้อมข้อความ “คู่หูคู่นี้น่าจะเอาชนะคู่หูคู่ไหนก็ได้ ผู้ยิ่งใหญ่ในยุค 2000 ด้านเกมรับ ไม่มีใครโต้แย้งได้” จึงนึกถึงเรื่องราวนี้ขึ้นมา
ขอแทรกระหว่างบรรทัดสักนิด ดีกรีของพวกเขาก็เป็นไปตามที่คุยไว้นั่นแหละครับ เวิลด์ พีซ (พ้นว่รรคนี้ไป จะขอเรียกว่า อาร์เทสต์) เคยคว้ารางวัลป้องกันยอดเยี่ยม ปี 2004, ติดทีมป้องกันยอดเยี่ยมรวม 4 สมัย ปี 2003, 2004, 2006 และ 2009 ส่วน วอลเลซ ที่เพิ่งได้รับการบรรจุเข้าหอเกียรติยศ (ฮอลล์ ออฟ เฟม) เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา คว้ารางวัลป้องกันยอดเยี่ยม 4 สมัย ปี 2002, 2003, 2005 และ 2006
เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2004 (สหรัฐอเมริกา) คู่ระหว่าง ดีทรอยต์ พิสตันส์ (เจ้าถิ่น) พบ อินเดียนา เพเซอร์ส ณ สนาม เดอะ พาเลซ ออฟ ออเบิร์น ฮิลล์ส ถูกเปลี่ยนเป็นความโกลาหล ไม่เพียงแค่การทะเลาะวิวาทของผู้เล่นด้วยกัน แต่ยังลุกลามถึงผู้ชมที่อยู่บนอัฒจันทร์ด้วย
เกมดังกล่าวน่าจะทราบผล 99.99 เปอร์เซ็นต์ อินเดียนา ขึ้นนำ 97-82 เหลือเวลาไม่ถึง 1 นาที ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทำให้ อาร์เทสต์ ฟอร์เวิร์ด ทีมเยือน ณ เวลานั้น หวดฟาวล์หนักๆ ใส่ วอลเลซ ที่กำลังขึ้นเลย์อัพแบบโล่งๆ กลายเป็นชนวนของความรุนแรง วอลเลซ เกิดอาการไม่พอใจ ผลักอก อาร์เทสต์ เกือบหงายท้อง ผู้เล่นทั้ง 2 ฝ่ายพยายามห้ามปราม และผสมโรง
ขณะ อาร์เทสต์ กำลังนอนสบายใจเฉิบอยู่บนโต๊ะจดสกอร์ รอคำตัดสินของกรรมการ ก็ถูกแก้วเครื่องดื่มของแฟนๆ คนหนึ่งลอยมาที่นั่งผู้ชมโดนตัว ส่งผลให้เหตุการณ์ลุกลามเสมือนราดน้ำมันบนกองไฟ อดีตผู้เล่น ชิคาโก บูลล์ส ไม่มีความลังเลที่จะก้าวขึ้นอัฒจันทร์เพื่อเอาเรื่อง (แม้บทสรุปจะเป็นการชกผิดคน) เดือดร้อนเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยต้องเข้ามายุติความวุ่นวาย
ผลลัพธ์เป็นไปตามคาด NBA ลงโทษสถานหนักแก่ผู้เล่นที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุทะเลาะวิวาท โดย อาร์เทสต์ ซึ่งถือเป็นคนจุดชนวน ถูกแบน 86 เกม รวมฤดูกาลปกติกับเพลย์ออฟ ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็นสถิติแบนผู้เล่น 1 คน นานสุดของลีก และสูญเสียค่าจ้าง 5 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 170 ล้านบาท) ระหว่างชดใช้ความผิด
ขณะที่ สตีเฟน แจ็คสัน กับ เจอร์เมน โอ’นีล 2 เพื่อนร่วมทีม เพเซอร์ส โดนแบน 30 และ 15 เกม ตามลำดับ วอลเลซ เซ็นเตอร์ ดีทรอยต์ โดน 6 เกม เบ็ดเสร็จผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด ถูกแบนรวม 146 เกม ต้องสูญเสียค่าจ้างรวมมากกว่า 11 ล้านเหรียญสหรัฐ (ราว 370 ล้านบาท)
จากวันนั้นถึงวันนี้ NBA มักถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าหน่อมแน้มเกินเหตุอย่างหนาหู แต่หากทบทวนเหตุการณ์ “Malice at the Palace” ท่านจะเข้าใจว่า NBA พยายามสุดความสามารถ เพื่อป้องกันเหตุชุลมุนแบบนี้เกิดขึ้นซ้ำสองในวงการกีฬา และท่านผู้อ่านคนใดสนใจติดตามเบื้องลึกเบื้องหลัง เหตุการณ์ชุลมุนครั้งประวัติศาสตร์แบบนี้ ลองรับชมในรูปแบบภาพยนตร์ทาง “เน็ตฟลิกซ์” ความยาวประมาณ 69 นาที
สุดท้ายนี้ ขอเรียนตามตรงว่า ผมไม่ได้รับเงินรับทองจาก “เน็ตฟลิกซ์” ดังที่เรียนไว้ว่า ผมไม่ได้จ่ายค่ารายเดือนของเขาอยู่แล้ว และแอพพลิเคชันของเขา ถึงผมไม่โปรโมตทุกคนย่อมรู้จักกันดีอยู่แล้ว ไม่มีความจำเป็นหรือเหตุผลใดๆต้องมาใช้บริการนักเขียนไส้แห้งคนหนึ่งช่วยเชียร์ เพียงแค่ผมพบเห็นแล้วนำมาเล่าสู่กันฟังเท่านั้น