ดาวิด โทมาล่า วัย 31 ปี เพิ่งตัดสินใจครั้งสำคัญคือการเปลี่ยนมาแข่งระยะ 50 กม. ในปีนี้ หลังจากที่ลงแข่งระยะ 20 กม. มาเกือบตลอดชีวิตนักกีฬา
เขาเริ่มเล่นเดินทนตั้งแต่อายุ 13 ปี ตามคำแนะนำของพ่อที่เป็นอดีตนักกรีฑาระยะสั้น
แม้จะทำผลงานดีในรุ่นเล็กเมื่อสามารถคว้าเหรียญทองศึกชิงแชมป์ยุโรปรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ประเภท 20 กม. ในปี 2011 แต่พอลงแข่งรุ่นใหญ่แล้วโทมาล่าเหมือนย่ำอยู่กับที่
นักเดินทนชาวโปแลนด์ไม่เคยจบการแข่งขันในระดับนานาชาติดีกว่าอันดับ 19 รวมถึง โอลิมปิก เกมส์ ที่กรุงลอนดอนปี 2012 ส่วน ริโอ เกมส์ โทมาล่าไม่สามารถทำเวลาผ่านเกณฑ์ควอลิฟายได้ด้วยซ้ำ
ใน โตเกียว 2020 โทมาล่า ก็ไม่สามารถทำเวลาผ่านเกณฑ์โอลิมปิกคือ 1:21:00 ชั่วโมง ในระยะ 20 กม.เช่นกัน ซึ่งหากการแข่งขันไม่ได้เลื่อนเพราะโควิด เราคงไม่ได้เห็นนักเดินทนรายนี้เดินทางมาญี่ปุ่นอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การแข่งขันถูกเลื่อนออกมาอีก 1 ปี และช่วงต้นปี 2021 ขณะที่เขากำลังหมดไฟในการแข่งขัน โทมาล่า ก็เกิดความคิดอยากหาความท้าทายใหม่ ด้วยการขยับไปแข่งในระยะ 50 กม. ซึ่งเขาเคยลองมาแล้ว 1 ครั้งในปี 2017 แต่ไม่จบการแข่งขัน
“ผมเคยคิดจะเปลี่ยนระยะอยู่บ้าง แต่มักจะมีบางอย่างคอยขวางเอาไว้ มันไม่ง่ายที่จะเปลี่ยนระยะลงแข่ง ผมต้องเปลี่ยนการฝึกซ้อม, ต้องการออกซิเจนมากขึ้น และระยะที่ไกลมากขึ้น แต่สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนคือเรื่องของจังหวะการเดิน ซึ่งผมรักษาความเร็วได้ง่ายกว่าระยะ 20 กม. ทุกอย่างขึ้นอยู่กับการซ้อมอย่างหนัก”
และในเดือนมีนาคม 2021 โทมาล่า ก็จบการแข่งระยะ 50 กิโลเมตรได้สำเร็จเป็นครั้งแรกจากการแข่งที่เมืองดูดิงเซ่ประเทศสโลวาเกีย และทำให้เขาผ่านเกณฑ์ควอลิฟายคว้าตั๋วโอลิมปิกได้สำเร็จ
“ผมต้องสู้อย่างหนักโดยเฉพาะในช่วงท้าย ผมไม่ได้ตระหนักเลยว่าการแข่งระยะไกลคือการสู้กับตัวเองล้วน ๆ ซึ่งมันทำลายคุณได้เลยทีเดียว”
แค่การได้ไปแข่งโอลิมปิกอีกครั้งก็เป็นสิ่งที่เกินกว่า โทมาล่า จะฝันถึงแล้ว และเขารู้ดีว่าด้วยประสบการณ์อันน้อยนิดของตัวเองคงไม่คิดไปไกลถึงเหรียญรางวัล แต่ขอฝึกซ้อมอย่างหนักเพื่อทำผลงานให้ดีที่สุด
และเมื่อสัญญาณออกสตาร์ตที่ ซัปโปโร โอโดริ ปาร์คดังขึ้น ดาวิด โทมาล่า ก็ทำให้ทุกคนต้องตกตะลึง
แม้จะต้องลงแข่งท่ามกลางอุณหภูมิสูงถึง 31 องศา แต่เขาก็ยังรักษาความเร็วไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ก่อนจะฉีกออกจากกลุ่มขึ้นนำเมื่อผ่านไป 30 กิโลเมตร และไม่มีท่าทีผ่อนคันเร่งจนเข้าเส้นชัยเป็นคนแรกด้วยเวลา 3:50:08 ชม.
“ตอนที่เข้าช่วง 15 กิโลเมตรสุดท้าย ผมรู้ดีว่ามีความเป็นไปได้ที่ตัวเองจะหมดแรง เพราะนี่คือการแข่ง 50 กิโลเมตรที่อะไรก็เกิดขึ้นได้ บางครั้งคุณเดินได้เร็วแล้วไม่สามารถจบการแข่งขัน แต่ผมทำความเร็วได้อย่างสบาย ๆ ดังนั้นจึงพยายามเดินไปให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้
“แต่ในท้ายที่สุด สิ่งสำคัญคือการคว้าเหรียญรางวัล ผมจึงผ่อนแรง เพราะเหรียญทองก็ยังคงเป็นเหรียญทองอยู่ดี”
“ปีนี้เปลี่ยนแปลงชีวิตผมไปเกือบทุกอย่าง เพราะผมเริ่มแข่ง 50 กม.ครั้งแรก และนี่คือการแข่งครั้งที่ 2 ในชีวิตแต่กลับได้เหรียญทองโอลิมปิก ซึ่งมันบ้าบอสิ้นดี”
น่าเสียดายที่อีก 3 ปีข้างหน้า เราจะไม่ได้เห็น โทมาล่า ลงป้องกันแชมป์ เพราะรายการเดินทน 50 กม. ถูกถอดออกจากการแข่งขันโอลิมปิกนับตั้งแต่ปารีส 2024 เป็นต้นไป เนื่องจากไม่มีการแข่งในประเภทหญิงนั่นเอง
ป.ล.การแข่งเดินทน 50 กม.ไม่ได้มีแค่เรื่องราวของโทมาล่าเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องอื่นให้พูดถึงอีกมากมายทั้ง โยอันน์ ดินิซ จากฝรั่งเศส เจ้าของสถิติโลกและแชมป์โลกปี 2017 วัย 43 ปี ที่ขอลุ้นเหรียญโอลิมปิกครั้งสุดท้ายในการลงแข่งสมัยที่ 3 แต่ไม่จบการแข่งขัน รวมทั้ง เฆซุส อังเคล การ์เซีย นักกีฬาวัย 51 ปี อดีตแชมป์โลกจากสเปนที่ลงแข่งโอลิมปิกเป็นสมัยที่ 8 ก่อนคว้าอันดับที่ 35 และ เคลาดิโอ เปาลิโน วิลลานูเอวา ฟลอเรส จาก เอกวาดอร์ ที่ขอสู้ต่อจนจบการแข่งขัน แม้จะเข้าเส้นชัยเป็นคนสุดท้ายก็ตาม
—————————
ติดตามการถ่ายทอดสดโอลิมปิกเกมส์ 2020 ได้ทุกวันทาง T-Sports ร่วมด้วย Thai PBS, NBT, PPTV, JKN 18, ทรูโฟร์ยู 24, GMMTV 25 และ AIS PLAY ระหว่างวันที่ 23 กรกฎาคม – 8 สิงหาคม 2564
ดูตารางถ่ายทอดสดฟรีทีวี คลิก https://stadiumth.com/olympic
ดูตารางถ่ายทอดสด AIS PLAY คลิก https://m.ais.co.th/fbapOlympic