เผยแพร่: ปรับปรุง:
ราฮีม สเตอร์ลิง ซัดเบิกร่อง ก่อนที่ แฮร์รี เคน จะมาซัดประตูแรกของตัวเองในทัวร์นาเมนต์ เป็นลูกปิดกล่องช่วยให้ อังกฤษ เอาชนะ เยอรมนี 2-0 ตบเท้าผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อหน้าแฟนบอลในสนามเวมบลีย์
ศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโร “ยูโร 2020” วันอังคารที่ 29 มิถุนายน 2564 เป็นการลงสนามในรอบ 16 ทีมสุดท้าย เกมบิ๊กแมตช์ “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ลงเล่นที่สนามเวมบลีย์ พบ “อินทรีเหล็ก” ทีมชาติเยอรมนี
อังกฤษ ผ่านเข้ารอบน็อคเอาต์ในฐานะแชมป์กลุ่ม ดี ด้วยผลงานชนะ 2 นัด เสมอ 1 นัด คว้าไป 7 คะแนน ขณะที่ เยอรมนี ผ่านเข้ารอบในฐานะอันดับ 2 ของกลุ่ม เอฟ มี 4 แต้ม จาก 3 นัด
เกมนี้ แกเร็ธ เซาธ์เกต กุนซือใหญ่มาในแผนการเล่นกองหลัง 3 คน วาง โดยวาง ลุค ชอว์ และคีแรน ทริปเปียร์ เล่นวิงแบ็คซ้าย-ขวา ขณะที่ บูกาโย่ ซาก้า ออกสตาร์ทตัวจริง ประสานงานในเกมรุกร่วมกับ ราฮีม สเตอร์ลิง และแฮร์รี เคน
ขณะที่ โยอาคิม เลิฟ เฮดโค้ชอินทรีเหล็ก จัดทัพในแผนกองหลัง 3 คนเช่นเดิม พร้อมกับส่ง ติโม แวร์เนอร์ ลงเล่นเป็นหัวหอกตัวเป้า โดยมี โธมัส มุลเลอร์, ไค ฮาแวร์ตซ์ ทำเกมอยู่ด้านหลัง และใช้ โทนี โครส, เลออน โกเร็ตซ์กา คุมเกมแดนกลาง
เริ่มเกมในช่วง 15 นาทีแรก เป็นเยอรมนี ที่ขึงเกมบุกเข้าใส่อังกฤษอย่างต่อเนื่อง แต่ยังหาจังหวะจบสกอร์เน้นๆ ไม่ได้ อย่างไรก็ตามเกมผ่านเข้าสู่ช่วง 30 นาทีแรก กลายเป็น “สิงโตคำราม” ที่เป็นฝ่ายครองบอลเพื่อทำเกมบุกได้เยอะกว่า แต่ยังไม่มีใครทำอะไรกันได้เช่นกัน หมดเวลา 45 นาทีแรก เสมอกันไปแบบไร้สกอร์ 0-0
ครึ่งเวลาหลัง เยอรมนี เปิดฉากบุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง แต่เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 75 กลายเป็น อังกฤษ ที่ได้ประตูออกนำ 1-0 จากจังหวะที่ ลุค ชอว์ หลุดมาทางกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนปาดเข้ากลางให้ ราฮีม สเตอร์ลิง ชาร์จจ่อๆ เข้าไป
นาทีที่ 85 อังกฤษ มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะการตัดบอลจากความผิดพลาดของเยอรมนี แจ็ค กรีลิช ได้บอลทางริมกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนเปิดมาให้ แฮร์รี่ เคน พุ่งโหม่งเข้าไป ถือเป็นประตูแรกในทัวร์นาเมนต์นี้ของศูนนย์หน้าจากทีมท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์
ช่วงเวลาที่เหลือทั้งสองทีมไม่มีใครทำอะไรกันได้ หมดเวลาการแข่งขัน 90 นาที อังกฤษ เอาชนะ เยอรมนี 2-0 ตบเท้าผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายไปรอพบผู้ชนะระหว่าง ยูเครน หรือสวีเดน
รายชื่อ 11 ตัวจริงของทั้งสองทีม
อังกฤษ : จอร์แดน พิคฟอร์ด (GK), คีแรน ทริปเปียร์, ไคล์ วอล์คเกอร์, จอห์น สโตนส์, แฮร์รี่ แม็กไกวร์, ลุค ชอว์, คาลวิน ฟิลลิปส์, ดีแคลน ไรซ์, ยูกาโย่ ซาก้า, ราฮีม สเตอร์ลิง, แฮร์รี่ เคน
เยอรมนี : มานูเอล นอยเออร์ (GK), มัตธิอัส กินเตอร์, มัตส์ ฮุมเมิลส์, อันโตนิโอ รูดิเกอร์, โรบิน โกเซนส์, โทนี โครส, เลออน โกเร็ตซ์กา, โยชัว คิมมิช, โธมัส มุลเลอร์, ไค ฮาแวร์ตซ์, ติโม แวร์เนอร์