เผยแพร่: ปรับปรุง:
ปิดฉากไปอย่างยิ่งใหญ่กับงานบางแสน42 ชลบุรีมาราธอน มีนักวิ่งทั่วสารทิศเข้าร่วมแข่งขันกว่า 11,00 คน บิลลิลิง ยิเมอ นักวิ่งเอธิโอเปีย ควงคู่ ฟริด้า เจฟเคว นักวิ่งเคนย่า คว้าแชมป์โอเวอร์ออล์ ด้านที่ 1 ชายไทย ได้แก่ วิรัตน์ วัยดารา และที่ 1 หญิงไทยตกเป็นของแชมป์เก่า อรอนงค์ วงศร ผู้จัดเผยปีนี้สถิตินักวิ่งขาแรง TOP 100 ชายหญิงที่เข้าเส้นชัยเร็วกว่าปีที่ผ่านมา
การแข่งขัน บางแสน42 ชลบุรีมาราธอน งานวิ่งมาราธอนมาตรฐานระดับ World Athletics Elite Label แห่งเดียวในไทย จัดการแข่งขันอย่างยิ่งใหญ่เป็นปีที่ 6 โดยได้รับเกียรติจาก นางสาวฐิติลักษณ์ คำพา รองผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายวิทยา คุณปลื้ม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชลบุรี นายณรงค์ชัย คุณปลื้ม นายกเทศมนตรีเมืองแสนสุข และ นายรัฐ จิโรจน์วณิชชากร Race Director งานวิ่งบางแสน42 ชลบุรีมาราธอน เป็นประธานเปิดการแข่งขันและปล่อยตัวนักวิ่งกว่า 11,000 คน ณ บริเวณหน้าโรงแรมบางแสนเฮอริเทจ จังหวัดชลบุรี
ผลการแข่งขันที่ 1 ฝ่ายชายได้แก่นักวิ่งปอดเหล็กจากเอธิโอเปีย บิลลิลิง ยิเมอ เข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ด้วยเวลา 02:27:06 ชั่วโมง อันดับ 2 ได้แก่ เอลุด โลคาล จากเคนย่า เวลา 02:31:53 ชั่วโมง อันดับ 3 ได้แก่ วิรัตน์ วัยดารา เวลา 02:35:39 ชั่วโมง ส่วนที่ 1 ฝ่ายหญิงตกเป็นของ ฟริด้า เจฟเคว จากเคนย่า คว้าแชมป์ฝ่ายหญิงพร้อมสร้างสถิติใหม่ให้สนามที่เวลา 02:50:23 ชั่วโมง อันดับ 2 ได้แก่ มาร์กาเร็ต โจโกน่า จากเคนย่า เวลา 02:51:15 ชั่วโมง และอันดับ 3 ได้แก่ ได้แก่ อรอนงค์ วงศ์สอน เข้าเส้นชัยด้วยเวลา 02:59:02 ชั่วโมง
สำหรับแชมป์นักวิ่งชาวไทยอันดับ 1 ฝ่ายชาย ได้แก่ ได้แก่ วิรัตน์ วัยดารา เวลา 02:35:39 ชั่วโมง และแชมป์นักวิ่งชาวไทยอันดับ 1 ฝ่ายหญิงยังคงเป็นแชมป์เก่าสนาม อรอนงค์ วงศร เข้าเส้นชัยด้วยเวลา 02:59:02 ชั่วโมง นับว่าเป็นสถิติใหม่ของอรอนงค์กับสนามบางแสน42
นายรัฐ พูดถึงสถิติ “ศึกชิงคิงคองแห่งชาติ” ของเหล่านักวิ่งขาแรงงานบางแสน42 ชลบุรีมาราธอนว่า “ผลการแข่งขันในปีนี้ มีการทำลายสถิติเดิมจากปีที่แล้วมากขึ้นหลายนาที โดยสถิติการแข่งขันล่าสุด นักวิ่ง Top 100 ชาย ทำสถิติคว้าคิงคองตัวที่ 100 ด้วยเวลา 03:04:49 ชั่วโมง เร็วกว่าปีที่แล้ว 7 นาที ส่วนนักวิ่งฝ่ายหญิงทำลาย ทำสถิติคว้าคิงคองตัวที่ 100 ด้วยเวลา 03:54:05 ชั่วโมง เร็วกว่าปีที่แล้ว 9 นาที นับเป็นการสร้างสีสันให้กับวงการวิ่งไทย อีกทั้งยังมีนักวิ่งเกินครึ่งที่สามารถทำสถิติใหม่ให้กับตนเอง ทำให้เห็นได้ว่านักวิ่งไทยมีการพัฒนา มีการซ้อมและความตั้งใจที่ดีมาก และมีความพร้อมที่จะกลับมาร่วมงานวิ่งมาราธอนอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง นับเป็นสัญญาณการฟื้นตัวที่เด่นชัดของวงการวิ่งของไทย”