เจอร์เกน คล็อปป์ กุนซือ ลิเวอร์พูล ยกย่องความเป็นมืออาชีพของลีก หลังเอาชนะ แอตเลติโก มาดริด 2-0 ที่สนาม แอนฟิลด์ การันตีเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย ศึกยูฟา แชมเปียนส์ ลีก โดยเหลือโปรแกรม 2 นัด เมื่อวันพุธที่ 3 พฤศจิกายน
ทีมจากย่านเมอร์ซีย์ไซด์ ยืดสถิติไร้พ่ายเป็น 25 เกม นับตั้งแต่เดือนเมษายน ทาบสถิติสโมสรซึ่ง บ็อบ เพสลีย์ ทำไว้ตลอดระยะเวลา 9 เดือน เมื่อปี 1982
ประเด็นสำคัญ “เดอะ เรดส์” ฝ่าด่าน กรุ๊ป ออฟ เดธ เข้ารอบน็อกเอาท์ โดยไม่ต้องกังวลผลการแข่งขันกับ เอฟซี ปอร์โต และ เอซี มิลาน
บิ๊กบอสชาวเยอรมัน กล่าว “หาก บ็อบบี (โรแบร์โต ฟิร์มิโน) ไม่ได้ออกจากสนามเพราะเจ็บแฮมสตริง (ต้นขาด้านหลัง) มันคงจะเป็นค่ำคืนที่สมบูรณ์แบบกว่านี้”
“จากผลการจับสลากแบ่งสาย ผมไม่คาดว่ามันจะออกมาแบบนี้ โดยเหลืออีก 2 เกม มันวิเศษมาก งานของเราจบแล้ว แต่เราจะพยายามชนะ 2 เกมสุดท้าย”
แชมป์ 6 สมัย คุมเกมอยู่หมัด นับตั้งแต่ เฟลิเป ปราการหลัง แอต.มาดริด ถูกไล่ออกท้ายครึ่งแรก ข้อหาฟาวล์ตัดเกม ซาดิโอ มาเน กองหน้า เซเนกัล ซึ่งเป็นการตัดสินที่น่าประหลาดใจของกรรมการ แดนนี มักเกลี
“ผมต้องการให้คู่แข่งเหลือ 10 คน หรือเปล่า? ไม่เลย แต่มันเป็นการเตะตรงเอ็นร้อยหวาย ซึ่งตามกฎระบุว่า เป็นใบแดง ผมไม่ได้คิดว่าเกมจะพลิกอะไรมากมาย แต่แน่นอนว่า รูปเกมมันแตกต่าง เมื่อเหลือ 10 คน”
อย่างไรก็ตาม อดีตเทรนเนอร์ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ เกิดความกังวล “หงส์แดง” จะเหลือผู้เล่น 10 คน จึงเปลี่ยน มาเน ผู้ยิงประตูที่ 2 ออก เพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าโทสะของแนวรับ “ตราหมี”
“ผมเกลียดการทำแบบนั้นมากกว่าที่คุณคิด ผมไม่กังวลว่า ซาดิโอ จะคุมอารมณ์ไม่อยู่ แต่ห่วงเวลาแย่งลูกกลางอากาศ แล้วมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น เราเห็นว่านักเตะ แอตเลติโก นอนเกลือกกลิ้ง เพื่อทำให้ตัวผู้เล่นเหลือเท่ากัน ผมไม่ชอบวิธีนี้ แต่มันเป็นสิ่งที่ทำได้”