จากการประชุมคณะกรรมการการกีฬาแห่งประเทศไทย ซึ่งมี “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นประธานกรรมการ บอร์ด กกท. มีมติจะขอยกเลิกเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนอินดอร์แอนด์มาเชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ซึ่งกำหนดจัดระหว่าง 13-26 พ.ย. 2566 ที่กรุงเทพฯ กับ ชลบุรี
โดย “เสธ.โต” พลเรือเอก สุรวุฒิ มหารมณ์ ที่ปรึกษาคณะกรรมการเตรียมนักกีฬาทีมชาติไทย ได้กล่าวว่า หากเลื่อนหรือยกเลิกการจัดจริงๆ ย่อมเป็นเรื่องที่เสียชื่อประเทศชาติอย่างแท้จริงในความคิดเห็นของตน ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าทำไมปล่อยเวลาให้ล่วงเลยมานานแล้วไม่ทำงานกัน พอเวลาใกล้จะทำไม่ทัน ก็จะมาหาเรื่องยกเลิก ซึ่งประเทศไทยเคยเป็นเจ้าภาพมหกรรมเกมแข่งขันระดับนานาชาติมากว่า 10 ครั้ง ใหญ่กว่านี้ก็หลายแมตช์ แต่ก็ไม่เคยเกิดความผิดพลาดแบบนี้
“ไม่ว่ารัฐบาลจะเปลี่ยนหรือไม่ ซึ่งในเมื่อครั้งที่กีฬาซีเกมส์ ที่จะจัดขึ้นที่จังหวัดนครราชสีมา ก็ยังจัดได้ไม่มีปัญหาและประสบความสำเร็จผ่านพ้นไปด้วยดี การที่จะเลื่อนหรือยกเลิกต้องคิดให้ดี ชื่อเสียงของประเทศไทย เป็นของทุกคน แล้วก็ไม่ใช่ของรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง ไม่ใช่ของหน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่ง เพราะเราทำสัญญาเอ็มโอยูไว้ชัดเจน ซึ่งเราก็เลื่อนมา 2 ปีแล้วจากสถานการณ์โควิด-19 ซึ่งมันไม่มีเหตุผลอะไรตอนนี้ที่จะบอกยกเลิกการแข่งขัน เพียงแต่ว่าที่แน่ๆคนทำงานมีประสิทธิภาพไม่พอ เลยทำให้เกิดความเสียหายขึ้นได้”
พลเรือเอกสุรวุฒิ ยังกล่าวต่อว่า ทางออกตอนนี้ต้องจัดกีฬาเอเชียนอินดอร์ แอนด์ มาร์เชียลอาร์ตเกมส์ ครั้งที่ 6 ให้ได้ตามกำหนดวันเวลาเดิมที่ตั้งเอาไว้ ซึ่งต้องเริ่มทำกันวันนี้อย่างจริงจัง ซึ่งทำได้แน่นอน ทุกคนต้องจริงจังร่วมกันจัดเกมนี้ขึ้น เงินไม่ใช่ปัญหา ผมคิดว่าควรจะใช้ความพยายามในการแก้ปัญหามากกว่า ถ้าจัดรายการนี้ไม่ได้ การเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพครั้งต่อไปในอีก 2 ปีข้างหน้า ความเชื่อถือของคนกีฬาในระดับเอเชียและอาเซียนจะมองประเทศไทยอย่างไร
อย่าอ้างเรื่องการเปลี่ยนถ่ายรัฐบาล ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องปกติที่ทุกรัฐบาลจะต้องเข้ามาดำเนินการสิ่งที่ไทยได้ทำเอาไว้ในรัฐบาลที่ผ่านมาเนื่องจากมีข้อตกลงมีสัญญากันไว้อยู่แล้ว หากกรณีเลิกใครจะเป็นผู้รับผิดชอบในเรื่องของค่าปรับ เพราะต้องหาคนรับผิดชอบเนื่องจากเป็นเงินหลวง ผมขอย้ำว่าจะมาอ้างเปลี่ยนถ่ายรัฐบาลแล้วจัดไม่ได้ ก็ไม่ควร
ขอให้ทุกคนคิดถึงผลเสียที่จะเกิดจากการยกเลิกครั้งนี้เป็นเรื่องสำคัญด้วย และที่สำคัญการยกเลิกจัดการแข่งขันก็ต้องรอมติจากคณะรัฐมนตรีรัฐบาลชุดใหม่ที่มีอำนาจในทางกฎหมาย ไม่ใช่การประชุมจากเมื่อวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมา