เจ้าพ่ออีเวนท์ “วินิจ เลิศรัตนชัย” ทำธุรกิจไม่กลัวเจ๊งด้วยอารมณ์ศิลปิน (คลิป)

วินิจ เลิศรัตนชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เฟรชแอร์ เฟสติวัล จำกัด กลับมามีชื่อเสียงโด่งดังอีกครั้ง หลังประกาศศักดาจัดศึกแดงเดือดบนทวีปเอเชียเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในเกม The Match Bangkok Century Cup 2022 ระหว่าง ลิเวอร์พูล พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน วันที่ 12 กรกฎาคมนี้

จากเดิมชื่อของ วินิจ เลิศรัตนชัย เคยเป็นที่รู้จักจากการเป็นดีเจวิทยุในคลื่น “สไมล์เรดิโอ” เมื่อสักช่วง 30 ปีก่อน จัดรายการซันเดย์ แก๊ป, โลกสวยด้วยเพลง ของคลื่นไนท์สปอต รวมถึงการไปโผล่ในละครโทรทัศน์ และเป็นพิธีกรอยู่บ้างประปราย และปัจจุบันเขากลายเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก

ถึงเขาจะประสบความสำเร็จมากแค่ไหน แต่สิ่งหนึ่งที่ยังไม่เคยเปลี่ยนไปจากวัยเด็ก คือการทำงานอย่างหนัก แม้ครอบครัวของเขาจะเลี้ยงดูปูเสื่อมาเป็นอย่างดี แต่ พี่วินิจ ก็ไม่อยากรบกวนทางบ้านเสียเท่าไหร่ เขาตัดสินใจทำงานพิเศษหาเงินด้วยตัวเองมาตั้งแต่สมัยเรียน

เราได้มีโอกาสพูดคุยเปิดใจกับ วินิจ เลิศรัตนชัย ที่ทำงานหนักตั้งแต่เด็ก จนกลายมาเป็นนักธุรกิจชื่อดัง และจะเรียกได้ว่าเป็นผู้บุกเบิกอีเวนต์กีฬาคนแรกๆ ของเมืองไทย และเขายังบอกอีกว่าตัวเขาไม่ใช่นักธุรกิจเหมือนคนอื่นๆ อีกด้วย

– “วินิจ” สมัยก่อนกับปัจจุบัน ไฟในการทำงานยังเหมือนเดิมไหม

เหมือนเดิมครับ แต่มันอาจเป็นความเคยชินมากกว่า ที่บอกว่าเหมือนเดิมก็จะเป็นตั้งแต่ตอนเรียนหนังสือ เพราะว่าเราไม่ได้เรียนเฉยๆ พ่อแม่ให้เงินไปเรียนหนังสือที่พอใช้ในระดับหนึ่ง แต่เราก็ไม่อยากรบกวนท่านมากเกินไป พอมีช่องมีเวลาก็ไปหางานพิเศษ ไปฝึกงานบ้าง ไปรับของมาขายบ้าง มองหลายๆเรื่องว่าอะไรที่จะสามารถลดภาระพ่อแม่ได้ก็ขวนขวายทำงานตลอด ไม่ได้เกี่ยงเรื่องเวลา กี่โมงกี่ยามก็ได้ จนเราคิดว่างานกับชีวิตมันไปด้วยกันโดยไม่ได้รู้สึกว่ามันแยกออกจากกัน ทุกวันนี้ก็เหมือนกัน เราก็เปิดตัวเองอยู่ตลอดเวลาในการรับรู้เรื่องใหม่ๆ

– เริ่มทำอีเวนต์กีฬามาเยอะแค่ไหน

จริงๆในด้านกีฬาผมทำมาเยอะ เพียงแต่ว่าอาจจะไม่ได้เป็นธุรกิจหลักที่เห็นได้ชัดเจน ส่วนใหญ่จะเป็นภาคบันเทิง ดนตรี หรือว่างานแสดง งานอีเวนต์ใหญ่ๆ ส่วนใหญ่ก็จะทำงานประเภทนั้น งานกีฬาสำหรับผมก็สนใจเป็นพื้นฐานอยู่แล้ว ไม่ใช่แต่เรื่องธุรกิจ ผมสนใจเรื่องกีฬาเป็นส่วนตัว เล่นกีฬาเป็นประจำ ออกกำลังกายเสมอ เล่นฟุตบอล ตีปิงปอง เป็นนักกีฬาขนานแท้ สมัยก่อนที่ยังทำงานอยู่ที่บริษัทเดิมยังเป็นแค่ผู้รับจ้าง ตอนนั้นช่วงปี 2002 ผมก็เป็นผู้นำลีดส์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่สมัยอลัน สมิธ ยังเล่นอยู่ มาทัวร์ในเมืองไทย รวมถึงนิวคาสเซิ่ล เมื่อปี 1996 ตั้งแต่สมัยอลัน เชียเรอร์ ยังเล่นอยู่ และมีบ็อบบี ร็อบสัน เป็นผู้จัดการทีม อันนั้นคืองานใหญ่ที่เคยทำ จากนั้นก็ออกมาทำธุรกิจของตัวเองแล้วก็มีพาร์ทเนอร์ด้วย เช่น ธุรกิจสนามกีฬา อย่าง สนามฟุตบอลหญ้าเทียมเอส-วัน ที่ถนนบางนา-ตราด อันนั้นก็ถือสนามหญ้าเทียมให้เช่ายุคแรกๆ หลังจากนั้นธุรกิจนี้ก็เกิดขึ้นมาเต็มไปหมดเลย พอคนหันมาทำธุรกิจตรงนี้กันเยอะผมก็ถอยออกมา แล้วผมก็จะพยายามคิดเรื่องใหม่ๆ เสมอ

– สโมสรระดับโลกเคยมาเยือนประเทศไทยมากมาย แต่ขาดช่วงไปหลายปี เป็นเพราะอะไร

ในรอบ 10-20 ปีที่ผ่านมาสโมสรบิ๊กเนมมาเยือนไทยกันเยอะมาก ทั้งบาร์เซโลน่า, รีล มาดริด, นิวคาสเซิ่ล, เชลซี หรือ แมนฯ ยูไนเต็ด กับลิเวอร์พูล ก็มาบ่อยๆ แต่หลังจากนั้นก็ขาดช่วงไป ตรงนี้ไม่ได้เป็นเพราะเราอย่างเดียว อยู่ที่สถานการณ์โรคระบาดที่เป็นกันทั่วโลก ทุกคนต้องบับเบิ้ลอยู่แต่ในที่ของตัวเอง การเดินสายไปยังที่ต่างๆก็มีอุปสรรคมากมาย และเป็นเพราะเรื่องของเม็ดเงินและเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาด้วย เพียงแต่ว่าหลังจาก 2 ปีผ่านไปแล้ว สถานการณ์ก็คลี่คลายขึ้น เราก็คิดว่าทุกอย่างก็น่าจะกลับมาอยู่ในโหมดปกติ ช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมาทุกอย่างมันอั้นไปหมด แต่เมื่อสถานการณ์กำลังจะกลับมา ทุกอย่างก็จะมีชีวิตชีวาไปด้วย อีเวนต์คอนเสิร์ต, กีฬา เริ่มกลับมาอีกครั้ง น่าจะทำให้องค์ประกอบโดยรวมตื่นตัวขึ้น เศรษฐกิจในประเทศก็จะดีขึ้น

– ทำไมถึงกล้าเอา “แมนฯยู” กับ “ลิเวอร์พูล” มาเตะที่ไทย

โครงการแมนฯยู – ลิเวอร์พูล เกิดขึ้นในท่ามกลางสถานการณ์ความเสี่ยงสูง เพราะว่าการเจรจา การติดต่อสื่อสาร รวมถึงระยะเวลาที่เป็นไปได้ของทั้งสองทีม ไม่สามารถเกิดขึ้นในเวลาพร้อมกันได้ง่ายๆ ถ้าสถานการณ์เป็นปกติ ก็จะเจ้าภาพจากประเทศต่างๆที่จะมาดึงตัวพวกเขาไปเล่น เพราะฉะนั้นโอกาสที่สองทีมจะว่างพร้อมกันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ตั้งแต่ 2 สโมสรก่อตั้งมา ยังไม่เคยมาแข่งขันกันในทวีปเอเชียเลย ก็แสดงว่าคิวต่างๆ มันไม่ตรงกันเสียที ที่เราตัดสินใจทำเพราะมันยังอยู่ในสถานการณ์ความเสี่ยง เพราะถ้าไม่มีสถานการณ์นี้โอกาสก็แทบจะเป็นศูนย์ หรือติดลบ แต่โรคโควิด-19 มาได้จังหวะจะโคนพอดี ฟุตบอลโลกก็ถูกขยับไปปลายปี มันเป็นช่องว่างที่ในอีกร้อยปีข้างหน้าก็ไม่รู้จะมีแบบนี้อีกหรือเปล่าผมก็ไม่กล้าคิดแทน ถือว่าโชคดีที่มีโควิด มีความเสี่ยง เราถึงมีโอกาสนี้ ถ้ารอให้ฟ้าเปิดเราคงทำไม่ทันคนอื่นเขา

– ถ้านักธุรกิจหรือเอกชนสนใจจะจัดงานแบบนี้ ต้องทำอย่างไร

การจัดงานแบบนี้คนจัดต้องไม่ใช่นักธุรกิจ เพราะถ้าเป็นนักธุรกิจจริงๆ เขาจะไม่ทำงานแบบนี้ มันมีความเสี่ยงเต็มไปหมดเลย ทั้งเม็ดเงินลงทุน ทั้งปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ฟ้าฝน โรคระบาด ฯลฯ ความเสี่ยงมันสูงจริงๆ สำหรับตัวผมไม่ใช่นักธุรกิจ 100 เปอร์เซนต์ จริงอยู่ที่ผมอาจจะทำธุรกิจ แต่ความเป็นนักธุรกิจของผมค่อนข้างติดลบเสียด้วยซ้ำไป ผมว่าผมมีอารมณ์ของความเป็นศิลปินมากกว่าที่จะเป็นนักธุรกิจ

– การจัดงานอีเวนต์กีฬาในอดีต กับปัจจุบัน

มูลค่าของกีฬามันโตขึ้นเรื่อยๆ ไม่มีลดถดถอย ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ใดๆก็ตามที่เกิดขึ้นในโลก วงการกีฬาแข็งแรงขึ้น โตขึ้น ใหญ่ขึ้น มีมูลค่ามากขึ้น และคนก็ให้ความสนใจมากขึ้นเหมือนกัน อันนี้คือเสน่ห์ของมัน เพราะฉะนั้นมูลค่าในการจัดการก็จะใหญ่ขึ้นเป็นเงาตามตัว ผมยกตัวอย่างโครงการนี้ เราไม่ใช่แค่ว่าจะจัดฟุตบอลวันเดียว มันมีการเตรียมการด้านอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาความปลอดภัย, ความพร้อมของสนามแข่งขัน, สนามที่สองทีมต้องใช้ในการเก็บตัว, สิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่ต้องเตรียมให้เขา หรือพาร์ทเนอร์ในส่วนของสปอนเซอร์ต่างๆ จะต้องมีการดูแลจัดสรรเอาใจใส่เป็นอย่างดี และสิ่งเหล่านี้ในปัจจุบันก็มีความสำคัญขึ้นเรื่อยๆ แตกต่างกับในอดีตตรงที่หลายๆเรื่อง ณ เวลานั้นยังไม่มี แต่ตอนนี้ต้องมี

– “THE MATCH” บ่งบอกว่า “วินิจ” จะกลับมาทวงบัลลังก์เจ้าพ่ออีเวนต์กีฬา ?

มีคนถามเข้ามาเยอะว่าเราจะกลับมาทวงคืน กลับมาแสดงความเป็นใหญ่ หรือความเป็นเจ้าอะไรก็ตามแต่ ผมไม่เคยมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในสมองเลย ผมสามารถทำงานร่วมกับทุกคนได้ สามารถคิดงานใหม่ๆขึ้นมาได้ ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะเป็นคู่แข่งกับใคร ไม่เคยคิดว่าตรงนี้ต้องทำแล้วไปแข่งกับใคร งานที่ผมทำ มันก็จะเป็นชิ้นงานที่ผ่านไปแต่ละส่วนไปเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องทำแล้วได้เหรียญ ไม่จำเป็นต้องทำแล้วจะต้องได้ประกาศนียบัตร หรือต้องได้รับคำนิยมชมชื่นจากใคร สิ่งสำคัญที่สุดคือทุกงานไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ต้องทำให้คนที่รับงานเรานั้นมีความสุข

และนี่คือการพูดคุยกับ วินิจ เลิศรัตนชัย หัวเรือใหญ่ในการจัดศึกแดงเดือด The Match Bangkok Century Cup 2022 ระหว่าง ลิเวอร์พูล พบ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่จะระเบิดศึกกันในวันอังคารที่ 12 กรกฎาคมนี้ เวลา 20.00น. เท่านั้นยังไม่พอยังมีโชว์มินิคอนเสิร์ตของ แจ็คสัน หวัง จากวงบอยแบนด์เกาหลีชื่อดัง GOT7 ที่จะขึ้นแสดงในช่วงเวลา 18.00น. อีกด้วย สาวก “ผี-หงส์” หรือชาว “อากาเซ่” ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง