จากกรณีที่นางพรพักตร์ ภูริหิรัญพัชร์ แม่ของ “กัปตัน อิสรานุอุดม ภูริหิรัญพัชร์” นักยิงปืนทีมชาติไทย วัย 17 ปี ลงแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ 2020 ออกมาเปิดเผยว่าตนเองหมดเงินไปนับ 10 ล้านบาท จากการที่ต้องขายบ้าน 2 หลัง ราคาหลังละ 7 ล้าน และ 4 ล้านบาท เพื่อเอามาเป็นเงินสนับสนุนอุปกรณ์กีฬา รวมถึงค่าเดินทางด้วย และรถที่มี 4 คัน เหลือใช้ตอนนี้เพียงแค่คันเดียวเท่านั้น เพื่อลงทุนให้ลูกชายเพื่อการฝึกซ้อมยิงปืน ไปแข่งขันโอลิมปิก รวมแล้วก็หมดไปไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท และมีความพยายามเปลี่ยนตัวนักกีฬาก่อนการแข่งขันอีกด้วย จนกลายเป็นประเด็นดราม่าโจมตีสมาคมกีฬายิงปืนแห่งประเทศไทย
ทว่า “บิ๊กเสือ” สกล วรรณพงษ์ นายกสมาคมกีฬายิงปืนฯ ออกมาเปิดเผยข้อเท็จจริงของกรณีดังกล่าวว่า ตัวนักกีฬา และคุณแม่ทำผิดระเบียบของสมาคม ด้วยการไม่ยอมมาเก็บตัวฝึกซ้อมร่วมกับนักกีฬาคนอื่นๆ จึงไม่สามารถเบิกจ่ายกระสุนจริง ขนาด .22 ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่อาจเกิดอันตรายถึงชีวิตได้
ขณะที่หากนักกีฬาเข้าแคมป์ฝึกซ้อมร่วมกับสมาคมก็จะมีกระสุนให้คนละ 300 นัดต่อวันอย่างแน่นอน ทว่าการไม่ยอมเข้าร่วมฝึกซ้อมในสนามฝึกที่สมาคมจัดไว้ให้ และออกไปฝึกเองนั้นถือว่าผิดกฎของสมาคมอยู่แล้ว จึงไม่สามารถนำกระสุนไปเบิกจ่ายให้ได้
นอกจากนี้เรื่องการพยายามเปลี่ยนตัวนักกีฬาไปแข่งขันโอลิมปิกนั้น ต้องยอมรับว่านักกีฬาที่ได้โควต้าไปแข่งขันนั้น ผลงานช่วง 3 ปีหลัง หากเทียบกับนักกีฬาคนอื่นที่อยู่ในสมาคมแล้วถือว่าเป็นรอง โดยที่ผ่านมาเรามีการเก็บสถิติมา และโควต้าดังกล่าวก็เป็นของประเทศไทย จึงสามารถเปลี่ยนแปลงตัวนักกีฬาได้ หากว่าเกิดอาการบาดเจ็บ หรือไร้ระเบียบ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เปลี่ยน ถือว่าให้โอกาสนักกีฬา
ดังนั้นเมื่อจบการแข่งขันแล้วถือว่า “กัปตัน” นั้นพ้นสภาพของนักกีฬาทีมชาติไทย โดยตนขอยืนยันว่า สมาคมจะไม่สนับสนุนนักกีฬาที่ไม่มีระเบียบวินัย เพราะยังมีนักกีฬาอีกจำนวนมากที่ต้องดูแล และสามารถพัฒนาได้
พร้อมกันนี้ขอให้หน่วยงานอื่นๆ อย่าพยายามให้การสนับสนุน หรือให้ท้ายกับนักกีฬาที่ไม่ปฏิบัติตามกฏระเบียบของสมาคมกีฬาอีกด้วย
เผยแพร่: 3 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.