นอร์เวย์ เคยเป็นที่จดจำของวงการลูกหนัง ด้วยนักเตะแกนหลักส่วนใหญ่ ค้าแข้งบนสังเวียนระดับ พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ เช่น ยอห์น อาร์เน รีเซ, โอเล กุนนาร์ โซลชา, ยอห์น คาริว และ ทอเร อังเดร โฟล ก่อนเข้าสู่ช่วงเวลาตกต่ำ ไม่เคยฟาดแข้งเมเจอร์ใดๆ เลย นับตั้งแต่ยูโร 2000 กระทั่งถึงเวลาของสายเลือดใหม่ เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์, มาร์ติน โอเดการ์ด และ ซานเดอร์ เบอร์เก 3 ทหารเสือ ซึ่งถูกจับตาว่าจะเป็น “โกลเดน เจเนอเรชัน” แทน เบลเยียม ที่มาถึงช่วงบั้นปลายยุคทอง
ย้อนอดีตฤดูใบไม้ผลิ 2016 เด็กหนุ่มวัย 15 ปี ถูกขนานนามว่า เป็นสมบัติล้ำค่าแห่งนอร์เวย์ ทว่าเกือบจะหันหลังให้อาชีพนักฟุตบอลมาแล้วครั้งหนึ่ง เพราะสถิติยิงประตูไม่ได้ 16 เกม นับตั้งแต่ก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ ไบรน์ สโมสรระดับดิวิชัน 2 ลีกนอร์เวย์ อย่างไรก็ตาม เออร์ลิง เบราท์ ศูนย์หน้าอนาคตไกล ถูกสร้างขึ้นด้วยความห้าวหาญ ซึ่งผิดกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกัน
อัลฟ์-อิงเก คุณพ่ออดีตนักเตะ น็อตติงแฮม ฟอเรสต์, ลีดส์ ยูไนเต็ด และ แมนเชสเตอร์ ซิตี กล่าว “ผมเห็นความกระตือรือร้นในตัว เออร์ลิง เสมอ ตั้งแต่ประมาณ 11-12 ขวบ เขาจะออกนอกบ้านตามลำพัง เพื่อไปสนามกีฬาในร่ม ฝีกฝนทักษะ และเล่นกับเด็กที่โตกว่า เขามีความมุ่งมั่นภายในตัวที่จะพัฒนาตัวเองให้เก่งยิ่งขึ้น”
เออร์ลิง เกิดที่เมืองลีดส์ ประเทศอังกฤษ ระเบิดฟอร์มดุจปิศาจร้าย ภายใต้ใบหน้าอ่อนเยาว์ และผมสีบลอนด์ ด้วยการขัดเกลาของ โอเล กุนนาร์ โซลชา กุนซือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คนปัจจุบัน สมัยแยกทาง ไบรน์ ร่วมทัพ โมลด์ เอฟเค เดือนกุมภาพันธ์ 2017 และแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวหลังย้ายสู่ เรด บูลล์ ซัลซ์บวร์ก เป็นนักเตะวัยรุ่นคนแรก ซึ่งกดแฮตทริกเกมประเดิมสนาม ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก นับตั้งแต่ เวย์น รูนีย์ เมื่อปี 2004 ถล่ม เกงค์ 6-2
เนเธอร์แลนด์ส 1970 กับ อังกฤษ ยุค 2000 กับ 2010 เคยถูกขนานนามว่า “โกลเดน เจเนอเรชัน” ด้วยขุมกำลังที่เต็มไปด้วยซูเปอร์สตาร์แทบทุกตำแหน่ง ทว่าสำหรับทีมชาติ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมีนักเตะคุณภาพเหล่านั้น เกิดขึ้นพร้อมกัน ยุคหลังจึงมีการผ่อนผันให้ใช้กับทีมๆ หนึ่งที่มีผู้เล่นฝีเท้าระดับอ๋องราว 3-4 คน อาทิ โรมาเนีย 1994 อิลี ดูมิเตรสคู มิดฟิลด์เปี่ยมพรสวรรค์, ฟลอริน ราดูโชยู กองหน้าที่จบสกอร์คมกริบ และ จอร์จี ฮาจี เพลย์เมกเกอร์อัจฉริยะ ที่เล่นได้ทั้งกองหน้าตัวต่ำ และตัวริมเส้น ต่างอยู่ในชุดล้ม อาร์เจนตินา แชมป์โลก 2 สมัย ที่ไม่มี ดีเอโก มาราโดนา เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้าย นับเป็นผลงานดีสุดของประเทศเฉพาะ ฟุตบอลโลก จวบจนปัจจุบัน
คล้ายคลึงกับ นอร์เวย์ ชุดปัจจุบัน ที่มีแกนหลักเป็นดาวรุ่งค้าแข้งลีกระดับสูงของยุโรป เริ่มตั้งแต่ รูเน ยาร์สไตน์ นายทวาร แฮร์ธา เบอร์ลิน, คริสตอฟเฟอร์ เอเยอร์ กองหลัง เซลติก, ซานเดอร์ เบอร์เก มิดฟิลด์ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, โอเดการ์ด จอมทัพ รีล มาดริด (ยืมตัวไป อาร์เซนอล) และ เออร์ลิง เบราท์ กองหน้า โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซึ่งถูกเปรียบเทียบกับขุมกำลังยุคทองของ เบลเยียม อย่าง เอเดน อาซาร์, เควิน เดอ บรอยน์, โรเมลู ลูกากู, แยน แฟร์ตองเกน และ ธิโบต์ คูร์ตัวส์
ส่วนนักเตะแกนหลักคือจอมเก๋า รูเน ยาร์สไตน์ วัย 36 ปี เป็นผู้เล่นอายุมากสุดของทีม ครั้งหนึ่งเคยถูกยกย่องให้เป็นผู้รักษาประตูดีสุดอันดับ 4 ของบุนเดสลีกา เยอรมัน รองจาก มานูเอล นอยเออร์, ปีเตอร์ กูลัคซี และ ลูคัส ฮราเด็คกี ด้วยประสบการณ์อันล้นเหลือ สามารถสร้างความเชื่อมั่นแก่ คริสตอฟเฟอร์ เอเยอร์ ปราการหลังวัย 22 ปี ซึ่งสามารถเล่นบอลด้วยเท้าได้ดี และรูปร่างสูงใหญ่ป้องกันลูกกลางอากาศ ขยับขึ้นมาแดนกลาง ซานเดอร์ เบอร์เก วัย 22 ปี ครบเครื่องทั้งเกมรุกและรับ ตามสไตล์ “บ็อกซ์ ทู บ็อกซ์” แจ้งเกิดเต็มตัวกับ เกงค์ สโมสรระดับ จูปิแลร์ ลีก เบลเยียม เคยมีข่าวเชื่อมโยงกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล 2 ยักษ์ใหญ่แห่ง พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ ก่อนถูก เชฟฯ ยูไนเต็ด แย่งไปเสียก่อน
ด้านซูเปอร์สตาร์แม้อายุน้อยแต่ต้องยกให้คนนี้ มาร์ติน โอเดการ์ด วัย 22 ปี พิสูจน์คุณภาพที่ถูก รีล มาดริด ดึงตัวจาก สตอร์มสกอดเซ็ต เข้าสังกัดตั้งแต่อายุ 16 เริ่มฉายแวว หลังปล่อยให้ รีล โซเซียดัด ยืมตัว ทะลวงตาข่าย 4 ประตู กับ 6 แอสซิสต์ และช่วยทีมคว้าโควตา ยูฟา ยูโรปา ลีก ฤดูกาลที่แล้ว นอกเหนือจากจุดเด่นเกมรุก ตามตำราเพลย์เมกเกอร์สมัยใหม่ ปั้นเกมได้ทั้งตรงกลาง และริมเส้น ยังแสดงถึงความทุ่มเท เล่นเพรสซิงแดนบนแบบไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ทำให้ ซีเนอดีน ซีดาน เทรนเนอร์ “ราชันชุดขาว” เรียกกลับก่อนครบกำหนดสัญญายืมตัว 2 ปี
มาถึงนักเตะที่ถูกพูดถึงมากสุดชั่วโมงนี้ เออร์ลิง เบราท์ ฮาแลนด์ วัย 20 ปี คุณสมบัติครบถ้วน ทั้งความเร็ว, พละกำลัง, สัญชาตญาณยอดดาวยิงตั้งแต่ยังละอ่อน บวกความสามารถเฉพาะตัว สำหรับเล่นงานแนวรับจนเสียทรง ได้รับรางวัล “โกลเดน บอย อวอร์ด” หลังทะลวง 46 ประตู จาก 55 เกม ฤดูกาลที่แล้ว สัญลักษณ์แห่งยุคทองลูกหนังแดนไวกิง ถูกจัดอันดับเป็น 1 ใน 3 กองหน้าที่สมบูรณ์แบบของโลก เทียบเท่า แฮร์รี เคน ของ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ ด้อยกว่าแค่ โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี กับ คาริม เบนเซมา และคาดว่าจะเป็นเบอร์ 1 ของลูกหนังยุโรป ตลอด 10 ปีข้างหน้า
คนอื่นๆ ที่น่าจับตาก็มี อเล็กซานเดอร์ โซร์ล็อธ อาจถูกแฟนลูกหนังอังกฤษ ปรามาสฝีเท้าหลังล้มเหลวระดับ พรีเมียร์ ลีก กับ คริสตัล พาเลซ ทว่ากลับมาพิสูจน์ตัวเอง ขณะย้ายไป แทร็บซอนสปอร์ สโมสรลีกตุรกี ฤดูกาลที่แล้ว ทะลวงตาข่าย 24 ประตู กับ 8 แอสซิสต์ ตลอด 34 เกม กระทั่งถูกสโมสรนักปั้น อาร์เบ ไลป์ซิก ดึงตัวมาทดแทน ติโม แวร์เนอร์ กองหน้า เชลซี และคาดว่ายังสามารถพัฒนาได้อีกขั้น เมื่อร่วมงานกับขุมกำลังวัยฉกรรจ์ของ จูเลียน นาเกลส์มันน์ เทรนเนอร์หนุ่มไฟแรง
ด้าน เยนส์ เพ็ตเตอร์ เฮาเก แนวรุกวัย 21 ปี เติบโตจากอะคาเดมี โบโด/กลิมท์ ย้ายสู่ เอซี มิลาน รองจ่าฝูง กัลโช เซเรีย อา เดือนตุลาคมที่ผ่านมา ประจำการทางกราบซ้าย ทักษะ, ตวามเร็ว และลูกเล่นแพรวพราว กระทั่งถูกเปรียบฝีเท้ากับ คริสเตียโน โรนัลโด วัยหนุ่ม ถึงแม้ยังไม่สามารถการันตีตัวจริง และลงสนามภายใต้ยูนิฟอร์ม “ปิศาจแดงดำ” อย่างสม่ำเสมอ แต่ก็น่าจะได้ชมฝีเท้าบ่อยขึ้นในอนาคตอันใกล้
น่าเสียดายเหลือเกินที่แฟนๆ ลูกหนัง ไมได้เห็นขุมกำลังเปี่ยมพรสวรรค์เหล่านี้ของ นอร์เวย์ บนทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์อย่าง ยูโร 2020 ซึ่งฟาดแข้งล่าช้ากว่ากำหนด 1 ปี เนื่องจากสถานการณ์ โควิด-19 ประลองฝีเท้ากับชาติมหาอำนาจต่างๆ แต่เชื่อมั่นว่าสัก 2-3 ปีข้างหน้า ลูกทีมของ สตาเล โซลบักเคน จะเป็นที่ยอมรับของวงการลูกหนังดังที่ควรจะเป็น
เผยแพร่: 3 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.