คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน
ทันทีที่ บาส สมรักษ์ คำสิงห์ ได้รับการเปิดตัวเป็นว่าที่ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในนามพรรคการเมืองหนึ่งเมื่อกลางสัปดาห์ที่แล้ว เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็พรั่งพรูมาจากทั่วสารทิศอัดแน่นเต็มสื่อสังคมออนลายน์ เช่น ขี้โม้ โดนฟ้องล้มละลาย เป็น ส.ส. ได้หรือ ตายตั้งแต่เปิดตัว กรรม ผมไม่แน่ใจว่า ผู้คนรังเกียจตัวตนของ ฮีโร่โอลิมปิค คนนี้หรือรังเกียจพรรคที่สังกัดกันแน่
ก็จริงนะครับที่ บาส ผ่านเส้นทางการทำธุรกิจมามากมาย โดยที่ไม่ได้มีความรู้หรอก อยากทำอะไรก็ทำ ยิ่งพรรคพวกชวนร่วมหุ้นก็เอาเลย ไม่เคยขัด สรุปทำธุรกิจมาหลายอย่างทั้ง ปั๊มน้ำมัน โรงงานน้ำดื่ม หมู่บ้านจัดสรร รถบัส รถทัวร์ ร้านหมูกระทะ ฯลฯ แต่ละอย่างนี่ล้มเหลวหมดสิ้น ขนาดมีข่าวว่า ล้มละลาย แต่ความจริงเขาเคลียร์เรื่องเงินเรื่องทองไปหมดแล้ว มันไม่ถึงขนาดศาลสั่งเป็นบุคคลล้มละลายหรอก ประสบการณ์ที่ผ่านมาก็เพียงแค่ได้เก็บไว้เป็นบทเรียนเท่านั้น
บาส เป็นนักกีฬาไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ที่คว้าเหรียญทอง โอลิมปิค เกมส์ มาได้ อันนั้นจาก มวยสากลสมัครเล่น ที่ แอ๊ตแลนตา จอร์เจีย สหรัฐอเมริกา ในปี 1996 แต่ความจริง เขาผ่านมาทั้งสิ้น 4 โอลิมปิค เกมส์ ตั้งแต่ที่ บารเซโลนา 1992 แอ๊ตแลนต้า 1996 ซิดนีย์ 2000 และ เอเธนส์ 2004
มันเป็นเรื่องที่แปลกทีเดียวที่ บาส ต้องทนชกอยู่ในรุ่น เฟเธ่อร์เหวท 57 กิโลกรัม มาตลอด เนื่องจากสมาคมมวยสากลสมัครเล่นหาใครมาแทนไม่ได้จริงๆ งานนี้ก็ต้องขอกันเลย มาชกให้หน่อย ตนจะขอเลื่อนขึ้นมาชกในรุ่น ไล้ท์เหวท 60 กิโลกรัม สบายๆ ก็ไม่ได้ มีน้องเขาชกอยู่แล้ว งั้นก็ต้องคุมน้ำหนัก อันนี้เราต้องเข้าใจนะครับว่ามันผิดธรรมชาติของมนุษย์ที่ร่างกายต้องใหญ่โตขึ้น มันจึงเป็นเรื่องที่ต้องใช้ความอดทนอย่างแสนสาหัส เหนื่อยมาก ซึ่งวิธีที่ทำเป็นประจำคือ อดข้าว นั่นเอง แล้วจะเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เวลาเขาเก็บตัวทีมชาติกันนี่ระยะยาวเป็นปีๆนะครับ จะได้พักก็ทีละ 2-3 วัน 1 สัปดาห์ อย่างมากก็ 10 วัน นั่นแสดงว่า การอดกินของอร่อยของชอบ การอดกินให้อิ่มแปร้ เป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นเป็นปกติของนักชกผู้นี้ ไม่เหมือนมนุษย์คนอื่นๆ
ความภาคภูมิใจที่ยิ่งใหญ่ของเจ้าตัวและแฟนกีฬาทั่วไปคงอยู่ที่การคว้าเหรียญทองเหรียญแรกใน โอลิมปิค เกมส์ ในปีนั้นนั่นแหละ แต่ถ้าพูดถึงโมเม้นท์ประทับใจที่อยู่ในความทรงจำของผมในฐานะที่เป็น แฟนพันธุ์แท้ โอลิมปิค มันกลับอยู่ที่ความพ่ายแพ้อย่างหมดรูปใน โอลิมปิค เกมส์ ซิดนีย์ 2000 มากกว่า ผมรู้สึกประทับใจในหัวจิตหัวใจของนักสู้อย่าง สมรักษ์ คำสิงห์ ที่เขารับใช้ชาติอย่างภาคภูมิใจและพยายามคว้าเหรียญทองที่ 2 มาให้ได้ แม้ว่าจะมาแบบไม่พร้อมเอาเลย
ก่อนไป ซิดนีย์ 2000 ขณะที่ บาส วิ่งออกกำลังในเมืองไทย โชคไม่ดีวิ่งไปตกหลุม เอ็นหัวเข่าถึงกับขาด สมาคมฯ ต้องส่งไปผ่าตัดที่ บุลกาเรีย ประเทศที่เด่นทางด้านการผ่าตัดให้นักกีฬา เวลาฝึกซ้อมน้อยลงไปอีก แถมเต้นฟุตเวิร์คได้ไม่พลิ้วเท่าที่ควร ตอนที่ชกกับ ร้อคกี้ ฆัวเร้ซ (Rocky Juarez) จาก สหรัฐ อเมริกา ในรอบ 8 คน กลางยกที่ 3 บาส ยังมีคะแนนนำอยู่ด้วยซ้ำ แต่หลังจากนั้น คะแนนของคู่ต่อสู้ขึ้นเร็วมากจนแซงไปเยอะ ยกสุดท้ายจึงไม่มีทางเลือกแล้ว ต้องรอบวกหนักๆ ขอหมัดเดียว แต่ก่อนครบยก คะแนนของคู่ต่อสู้ไปอีกจนนำห่าง 15 หมัด โดนจับแพ้ จบเลย
นักชกเจ้าของฉายา โม้อมตะ เป็นคนง่ายๆ ตรงๆครับ ตอนได้เหรียญทองได้รับเงินรางวัลก็แบ่งให้บรรดานักชกในทีมครึ่งหนึ่ง ตนเองเก็บไว้เพียงครึ่งเดียว เพราะตกลงกันไว้อย่างนั้น และถือว่าเป็นทีมเดียวกัน เขาอยู่ง่ายกินง่าย ข้าวไข่เจียวหมูสับ กะเพราไก่ไข่ดาว บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป นี่กินเป็นประจำอยู่แล้ว ทุกวันนี้ บาส ยังสังกัดกองทัพเรืออยู่ ไม่ได้ลาออก หากไม่ได้เป็น ส.ส. ก็กลับมาทำงานกับกองทัพเรือต่อ ถ่ายละคร ถ่ายรายการต่อไป ไม่ได้อดอยากอะไร
ทุกวันนี้ปักหลักอยู่ที่ ขอนแก่น บ้านเกิด ชาวบ้านได้อาศัยพึ่งพา บาส มานานนมแล้ว เพราะเขาว่า ส.ส. ในเขตจริงๆหายหัวไปหมด การลงสมัคร ส.ส. นี่ก็แค่หวังมาพัฒนาบ้านเกิดของตนเอง ช่วยเหลือคนบ้านเดียวกันเท่านั้น ไม่ว่าจะเรื่องกีฬา อุปกรณ์ สนามกีฬา หรือเรื่องอื่นๆ ที่หยิบมาเล่านี้ ผมแค่มองเขาในบางมุม มองความยากลำบากที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เรือเอก สมรักษ์ คำสิงห์ แห่งราชนาวีไทย จะได้รับเลือกเป็น ส.ส. หรือไม่ อยู่ที่ชาวบ้านครับ
เผยแพร่: 3 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.