เผยแพร่: ปรับปรุง:
วินซ์ แม็กแมน ประธานบริหาร และซีอีโอของศึกมวยปล้ำชื่อดังของโลก WWE ประกาศวางมืออย่างเป็นทางการ ท่ามกลางข่าวฉาวเรื่องชู้สาวกับลูกจ้างในบริษัทหลายคน ทั้งที่ตัวเองมีภรรยา อย่าง ลินดา แม็กแมน อยู่แล้ว ก่อนเจ้าตัวจะอายุครบ 77 ปีในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า
ตามการรายงานของ “วอลล์ สตรีท เจอร์นัล” สื่อในสหรัฐอเมริกา ระบุว่า วินซ์ แม็กแมน จ่ายเงินให้ผู้หญิง 4 คนที่เขามีความสัมพันธ์ด้วย คนละ 3 ล้านเหรียญสหรัฐ รวมทั้งสิ้น 12 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณเกือบ 1,300 ล้านบาท เพื่อแลกกับการปิดเรื่องนี้ให้เงียบที่สุด
อย่างไรก็ตามเรื่องดังกล่าวหลุดรอดออกมาสู่สาธารณะจนได้ ทำให้ประธานบริหารของศึกมวยปล้ำ WWE ถูกวิพากย์วิจารณ์อย่างหนัก จนเจ้าตัวต้องประกาศยุติบทบาทประธาน WWE เอาไว้ชั่วคราว และแต่งตั้งสเตฟานี แม็กแมน ลูกสาวของเขาขึ้นมาดูแลทุกอย่างแทน
หนึ่งในผู้หญิงที่มีสัมพันธ์กับ วินซ์ แม็กแมน ออกมาแฉว่าเธอถูกบีบบังคับให้ทำออรัลเซ็กซ์ด้วยการใช้ปากขณะที่เธอเพิ่งเข้ามาเป็นนักมวยปล้ำของ WWE และภายหลังเธอถูกลดตำแหน่ง และไม่ได้รับการต่อสัญญาฉบับใหม่ตั้งแต่ปี 2005 ซึ่งเธอปฏิเสธที่จะมีเพศสัมพันธ์กับเขาหลังจากนั้น
นอกจากนี้ผู้หญิงอีกหนึ่งคนซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสัญญาของ WWE ออกมาแฉว่าเธอได้รับเงิน 1 ล้านดอลลาร์เมื่อปี 2008 แลกกับการส่งภาพเปลือยให้ วินซ์ แม็กแมน นอกจากนี้ผู้หญิงอีกคนซึ่งเป็นอดีตผู้จัดการของ WWE ยังได้รับเงิน 1 ล้านดอลลาร์ และมีเพศสัมพันธ์กับเขา
วินซ์ แม็กแมน ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ว่า “ผมกำลังจะอายุ 77 ปีในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า ผมรู้สึกว่ามันถึงเวลาที่ต้องวางมือจากตำแหน่งประธาน และซีอีโอของ WWE แล้ว”
“ผมอยากจะขอบคุณครอบครัวที่มีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จขององค์กรเรา และอยากขอบคุณนักมวยปล้ำทุกคนทั้งอดีต และปัจจุบัน รวมไปถึงพนักงานทุกคนของผมด้วย”
“และที่สำคัญที่สุดผมต้องขอบคุณแฟนคลับของเราที่ให้เราเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในความบันเทิงทุกๆสัปดาห์ที่บ้านของพวกคุณ” อดีตประธาน WWE ทิ้งท้าย
ทั้งนี้ วินซ์ แม็กแมน ยังไม่ได้หายไปจากองค์กร WWE แต่เขาจะขยับมาทำงานอยู่เบื้องหลัง เน้นไปที่การควบคุมเรื่องการแสดง และการถ่ายทำต่างๆ ซึ่งงานบริหารจะยกให้ สเตฟานี แม็กแมน ลูกสาวของเขา และนิค คาน ประธาน WWE คนปัจจุบัน ดูแลทั้งหมด