เผยแพร่: ปรับปรุง:
คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
เปิดคริสต์ศักราช 2022 ศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เกิดประเด็นดราม่า อันโตนิโอ บราวน์ ปีกนอก แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส ไม่มีเหตุผล หรือต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น อยู่ๆ ดันถอดเสื้อและเครื่องป้องกัน จ็อกกิงออกจากสนามช่วงควอเตอร์ 3 ของเกมเอาชนะ นิว ยอร์ก เจ็ตส์ แบบหวุดหวิด 28-24 ที่สนามเม็ตไลฟ์ สเตเดียม เมืองนิวยอร์ก วันอาทิตย์ที่ผ่านมา (2 ม.ค.) เป็นเหตุให้ บรูซ เอเรียนส์ เฮดโค้ช ตัดหางปล่อยวัดทันที
สถานการณ์ดูเหมือนไม่เป็นใจแก่ แทมปา เบย์ บัคคาเนียร์ส สำหรับการป้องกันแชมป์ พวกเขาเสีย คริส ก็อดวิน บาดเจ็บเข่าพักถึงจบซีซัน ไมค์ อีแวนส์ ต้องกัดฟันเล่นทั้งๆ บาดเจ็บแฮมสตริง (ต้นขาด้านหลัง) และ ลีโอนาร์ด โฟร์เน็ตต์ รันนิงแบ็ก ซึ่งเป็นเป้าขว้างบอลสั้นๆ อยู่ในลิสต์ผู้เล่นบาดเจ็บ (Injury Reserve) อาจกลับมาลงเล่นช่วงเพลย์ออฟ แต่ก็ยังพอมองเห็นทางออกของพลพรรค “โจรสลัด” เพื่อก้าวไปสู่โทรฟี “วินซ์ ลอมบาร์ดี” ใบที่ 2 ติดต่อกัน ดังนี้
เชื่อมั่นปีกวัยหนุ่ม บัคคาเนียร์ส กำลังตามอยู่ 2 ทัชดาวน์ (10-24) ขณะ บราวน์ เปลื้องผ้าแล้วทิ้งเกมกลางทาง ทำให้ เบรดี เหลืออาวุธหลักแค่ ร็อบ กรอนคอฟสกี ไทต์เอนด์คูหู กับ อีแวนส์ ในสภาพไม่สมบูรณ์ จึงมิอาจสร้างปรากฎการณ์คัมแบ็กได้ หากไม่มีปีกโนเนมอย่าง ไทเลอร์ จอห์นสัน รับบอล 5 ครั้ง ระยะ 50 หลา กับ ซีริล เกรย์สัน ซึ่งถูกโปรโมตจากทีมชุดซ้อม รับบอล 6 ครั้ง ระยะ 81 หลา และทัชดาวน์นำไปสู่ชัยชนะ น่าจะทำให้ทั้งคู่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจาก เบรดี มากขึ้น ในภาวะคับขัน
เหตุผลที่ บัคส์ เซ็นสัญญา อดีตผู้เล่น พิตต์สเบิร์ก สตีลเลอร์ส เมื่อซีซันที่แล้ว คือ เพิ่มตัวเลือก และความแน่นของตำแหน่งปีก ตลอดจนสร้างปัญหาแก่ทีมรับคู่ต่อสู้ ในการป้องกัน อีแวนส์, ก็อดวิน และ บราวน์ ถึงเวลานี้ เบรดี ต้องสร้างความมั่นใจต่อการเติบโตของ จอห์นสัน กับ เกรย์สัน กระทั่งพวกเขาสามารถเป็นกำลังสำคัญของทีมในเพลย์ขว้างระยะยาว
เพิ่มอ็อปชันโจมตีแนวลึก กรณี อีแวนส์ ฟิตเต็มร้อย จัดว่าเป็นเป้าหมายที่รูปร่างสูงใหญ่, ความเร็วจัดจ้าน และสามารถเอาชนะการประกบในการบุกตรงพื้นที่ “เรด โซน (20 หลาแดนคู่ต่อสู้) เกมล่าสุด อีแวนส์, เกรย์สัน, จอห์นสัน, เพอร์ริแมน และ กรอนคอฟสกี ต่างรับบอลไม่ต่ำกว่าระยะ 20 หลา ในการเผชิญหน้า เจ็ตส์ เมื่อสถานการณ์บีบให้ เบรดี ต้องเน้นเกมขว้างจนทำผลงานได้ 410 หลา 3 ทัชดาวน์
นับจากนี้ผู้เล่นทั้งหมดต้องเค้นฟอร์มยิ่งกว่าเดิม สำหรับการปะทะทีมป้องกัน ระดับเพลย์ออฟ ซึ่งแน่นอนว่า มีความท้าทายมากกว่าทีมรับ เจ็ตส์ ดังนั้น เบรดี ต้องปรับการขว้างให้หลากหลาย ทั้งริมเส้นและตรงกลาง เพื่อขยายพื้นที่การป้องกัน บัคคาเนียร์ส ยังคงเป็นทีมที่น่ากลัวในการโจมตีแนวลึก เมื่อ เบรดี ทำหน้าที่รันเกมบุกให้ เอเรียนส์ กับ ไบรอน เลฟท์วิช โค้ชควอเตอร์แบ็ก แต่จะต้องดึงคนอื่นๆ เข้ามามีบทบาทรับบอลแนวลึกมากขึ้น นอกเหนือจาก อีแวนส์
ประสิทธิภาพเกมวิ่ง แทมปา เบย์ ได้ฟอร์มอันยอดเยี่ยมของ โฟร์เน็ตต์ กวาดชัยชน4 เกมโพสต์ซีซัน เข้าสู่ซูเปอร์โบว์ล 55 และคาดหวังว่า “เพลย์ออฟ เลนนี” จะคืนสนามช่วงเพลย์ออฟ แต่ถ้ากลับมาไม่ได้ ภาระก็จะตกเป็นของ โรนัลด์ โจนส์, วอจ์น และ เบลล์ หาก บัคส์ ไม่สามารถขยายโซนป้องกัน ด้วยอาวุธเกมขว้างที่หลากหลาย โดยปราศจาก บราวน์ ย่อมส่งผลกระทบต่อเกมวิ่ง เพื่อสร้างสมดุลของทีมบุก เบรดี ผสมผสานการวิ่งและขว้างอย่างลงตัว เพื่อเล่นงานคู่ต่อสู้ตามความเหมาะสม ก้าวไปสู่ตำแหน่งแชมป์ จุดเด่นนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ไม่มี ก็อดวิน กับ บราวน์
ทีมรับที่สมบูรณ์ การป้องกันของ บัคคาเนียร์ส เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง ผลักดันแฟรนไชส์สู่แชมป์สมัย 2 โดยปราบทั้ง วอชิงตัน ฟุตบอล ทีม, นิว ออร์ลีนส์ เซ็นต์ส, กรีน เบย์ แพ็คเกอร์ส และ แคนซัส ซิตี ชีฟส์ แนวรับแข็งแกร่งขึ้นด้วย เอ็นดามูกอง ซูห์ กับ วิตา เวีย แต่ทั้งคู่ถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัว
แดนหลังยังเป็นจุดที่น่ากังวลของ บัคคาเนียร์ส โดยเหลือ เดวิน ไวท์ ไลน์แบ็คเกอร์ เป็นตัวจริงเพียงหนึ่งเดียว หลัง ชาควิล บาร์เร็ตต์ กับ เจสัน ปิแอร์-พอล 2 ไลน์แบ็คเกอร์ตัวนอก บาดเจ็บเข่าทั้งคู่ และ ลาวอนเต เดวิด แม่ทัพทีมรับ เจ็บเท้า เป็นสาเหตุสำคัญให้เกมบุก เจ็ตส์ ไหลลื่น
เดวิด, บาร์เร็ตต์ และ ปิแอร์-พอล มีสิทธิ์กลับมาลงเล่นช่วงเพลย์ออฟ เช่นเดียวกับ โฟร์เนตต์ ขุมกำลังกองหลังระดับหัวแถวของลีก เปรียบดั่งกระดูกสันหลังของทีมชุดแชมป์ ซูเปอร์โบว์ล 55 ทำให้ เบรดี และทีมบุก เล่นงานขึ้น เมื่อเสียแต้มน้อย สร้าง “บิ๊กเพลย์” นำไปสู่แต้มสำคัญๆ และภาระทำระยะอาจลดลง กรณีได้เทิร์นโอเวอร์