คอลัมน์ “ริงไซด์ ไฟต์คลับ” โดย “ลักษมณ์ นันทิวัชรินทร์”
วันก่อนนี้มีกระทู้ในเว็บบอร์ดกีฬาชื่อดังที่น่าสนใจสำหรับชาววงการมวยโลกไทย คือมีคนตั้งกระทู้ถามว่า “ปัจจุบันประเทศไทยยังมีแชมป์โลกมวยสากลอยู่ไหมครับ” ซึ่งก็มีคนเข้ามาตอบอยู่ 2-3 คน ซึ่งเป็นภาพที่แสดงให้เห็นเลยว่าวงการมวยโลกบ้านเราตอนนี้มันซบเซาขนาดไหน แฟนกีฬาทั่วๆ ไปนี่ไม่ต้องหวังเลยว่าจะรู้จักแชมป์โลกของเรา คือมีแชมป์โลกหรือเปล่ายังไม่รู้เลย อย่าว่าแต่จะรู้จักชื่อเสียงเรียงนาม หรือสถิติการชกต่างๆ หรือเปล่าด้วย เอาจริงต่อให้แฟนมวยที่ติดตามแบบไม่ใกล้ชิดนักดีไม่ดียังไม่รู้เลย (เฉลยก็คือตอนนี้เรามีแชมป์โลกอยู่ 2 คน คือ น็อกเอ๊าท์ ซีพีเฟรชมาร์ท แชมป์โลกรุ่น 105 ปอนด์ของสมาคมมวยโลก WBA และเพชรมณี ซีพีเอฟ แชมป์โลกรุ่นเดียวกันของสภามวยโลก WBC)
ถือเป็นเรื่องน่าเสียดายเลยเพราะแฟนมวยรุ่นเก่าน่าจะจำความยิ่งใหญ่ของแชมป์โลกระดับตำนานของเรา ตั้งแต่โผน, ชาติชาย, “ไอ้แสบ” แสนศักดิ์, มาจนถึงสด, สามารถ, เขาทราย ฯลฯ ที่ชกแต่ละครั้งพาดหัวหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ทุกฉบับ มีการถ่ายทอดสด มีการทำข่าวเบื้องหน้าเบื้องหลังต่างๆ มากมาย ต่อให้มารุ่นกลางๆ อย่าง แสน ส.เพลินจิต “พยัคฆ์หน้าขรึม” วีระพล นครหลวงโปรโมชั่น จนถึง “เจ้ากร” พงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม ก็ยังเป็นที่ติดตามของแฟนๆ แต่มารุ่นหลังนี่ นอกจาก “เจ้าแหลม” ศรีสะเกษ นครหลวงโปรโมชั่น ที่ไปโด่งดังในระดับโลกในช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา จนตอนนี้ก็ตกลงมาแล้ว แชมป์โลกที่มีอยู่คนสองคนนี่ เข้าข่ายชกกันเองดูกันเองล้วนๆ
เรื่องนี้ถ้าจะว่าไปต้องว่ากันยาว ตั้งแต่ระบบการสร้างมวยของเรา ที่เน้นคืนทุนก่อน ด้วยการ “ชง” ให้ได้เข็มขัดอะไรซักเส้นมาโปรโมทให้ได้ก่อนเลย ทำให้ “ศักดิ์ศรี” ของตำแหน่งแชมป์ มันลดลงไป ที่เรียกว่า “แชมป์โหล” หรือ “เฝือ” นั่นเอง บางคนชกไม่กี่ครั้ง ก็ชงให้ได้ชิงเข็มขัดเส้นเล็กๆ สถาบันตั้งเองบ้าง สถาบันย่อยบ้าง เพื่อให้ได้ตำแหน่งมาโปรโมท เอามาขายสปอนเซอร์ หรือนักการเมืองที่ต้องการจัดกิจกรรมมาโปรโมทตัวเองอีกทีหนึ่งไปด้วย พอต้องการตำแหน่งแชมป์เร็วๆ แบบนี้ ก็ตามมาด้วยการ “ส่องกล้อง” หาคู่ชกที่จะไม่ทำให้แผนผิดพลาด บางทีเอานักมวยเพิ่งเริ่มชกมาชกด้วย บางทีจัดนักมวยที่สถิติการชกแพ้มากกว่าชนะมาขึ้นเวทีเจอกับนักมวยเรา พอจัดนักมวยไม่มีระดับพวกนี้มา นักมวยเองก็ขาดความกระตือรือร้นที่จะฟิตซ้อม คือซ้อมนิดๆ หน่อยๆ ก็ชนะได้แล้ว บางทีซ้อมมากไปแต่ขึ้นเวทีไปชกไม่ทันเหงื่อซึม คู่ชกที่จัดมาก็ลงนอนซะแล้ว มวยเราที่เคยซ้อม 2-3 เดือน ลงนวม 2-3 ร้อยยก ก็ซ้อมแค่ไม่กี่วันพอ ลงนวมไม่ต้องถึง 100 ยกก็พอแล้ว ฝีมือนักมวยเราเลยอยู่แค่นี้ ไม่มีการพัฒนา ทางค่ายเองก็ไม่เน้นที่จะหาเทรนเนอร์ชั้นดีมาพัฒนาฝีมือนักมวย เรียกว่าซ้อมกันเองไปตามมีตามเกิด นักมวยเราเลยไม่สามารถไปเจอมวยดีๆ ของจริงได้ ไปเจอทีไรก็ไปชักตลอด ก็ชกกันเองอยู่อย่างนี้
มุมหนึ่งก็เข้าใจทางค่าย ที่ไม่สามารถจะรับภาระลงทุน “ปั้น” นักมวยได้อย่างแต่ก่อน ก็ต้องเอาทางลัดเพื่อถอนทุนคืนให้เร็วที่สุดอย่างที่ว่า แต่พอเป็นแบบนี้มันก็ทำให้วงการเรามันสะละวันเตี้ยลงไปเรื่อยๆ มวยไม่ดี โอกาสที่จะมีรายการถ่ายทอดสดออกทีวีก็น้อยลง หรือมีก็ต้องชกกันบ่ายโมงบ้าง บ่ายสองโมงบ้าง แฟนมวยจะได้ดูซักกี่คน ข่าวคราวก็ยิ่งเงียบเหงา แฟนๆ นอกวงการก็จะไม่รู้จักนักมวยเราแบบนี้แหละ ตอนนี้ก็ได้แต่หวังว่าจะมีมวยดีๆ ที่จะให้ค่ายมวยยอมทุ่มจริงๆ ในการปั้น เพื่อสร้างความคึกคักให้วงการ กลับมาเป็นกีฬายอดนิยมของแฟนๆ อีกครั้ง
เผยแพร่: 3 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.