หลังจากสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ประกาศแต่งตั้ง “มาดามแป้ง” นวลพรรณ ล่ำซำ ซึ่งคลุกคลีอยู่ในวงการฟุตบอลไทยมาถึง 15 ปี เข้ามาทำหน้าที่ผู้จัดการทีมฟุตบอลชายชาติไทย ชุดใหญ่ และ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี (U-23) โดยมีภารกิจในการพาทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลอายุไม่เกิน 23 ปีชิงแชมป์เอเชีย 2022 รอบคัดเลือก, ทีมฟุตบอลชายทีมชาติไทยชุดใหญ่เข้าร่วมแข่งขัน ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอาเซียน 2021 หรือ เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2021 และ ฟุตบอลเอเชียนคัพ 2023
โดย “บิ๊กอ๊อด” พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ประมุขลูกหนังไทย ได้เผยถึงการกลับมาแต่งตั้งผู้จัดการทีมชาติไทย เพราะที่ผ่านมาผลงานของทีมชาติไทยไม่เป็นไปตามที่ตั้งใจไว้ จึงได้ส่งจดหมายเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องกับฟุตบอลไทยเข้ามาร่วมกันหาทางออก “โดย สมาคมฯ เล็งเห็นว่าคุณนวลพรรณ ล่ำซำ มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ในการพาฟุตบอลหญิงทีมชาติไทยไปฟุตบอลโลกมาแล้วถึง 2 สมัย จึงได้ประกาศแต่งตั้งให้ทำหน้าที่ ผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติไทยชายชุดใหญ่ และรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป”
ด้าน “มาดามแป้ง” ได้เผยถึงสาเหตุที่เข้ารับตำแหน่งนี้ว่า “การที่พูดว่าแฟนบอลพูดว่าแป้งจะมากู้วิกฤตศรัทธาบอลไทย คงจะไม่ใช่ เพราะฟุตบอลถือเป็นกีฬาที่รวมใจคนทั้งชาติอยู่แล้ว ส่วนตัวมองว่าวิกฤตที่ทีมชาติไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้เกิดจากหลายด้าน อาทิเรื่องการเงินที่เกิดกับสมาคมฯ ซึ่งกระทบกันทั่วโลกเพราะการระบาดของไวรัสโควิด-19 อีกหนึ่งวิกฤตคือการที่อันดับโลกทีมชาติไทยตกไปถึง 20 อันดับ ซึ่งตัวเองไม่สามารถกู้วิกฤตนี้ได้คนเดียว จึงได้ปรึกษากับโค้ชหลายคนที่เคยคุมทีมชาติไทยๆม่ว่าจะเป็นโค้ชซิโก้หรือโค้ชท่านอื่น”
“ส่วนการรับตำแหน่งผู้จัดการทีม ส่วนตัวมองว่าฟุตบอลชายน่าจะทำงานง่ายกว่าฟุตบอลหญิง เพราะมีระบบลีกที่ดีอยู่แล้ว หน้าที่ของผู้จัดการทีมคือประสานงานเหมือนที่เคยผ่านมา ดูแลการเดินทาง อาหาร เพราะหลายประเทศค่อนข้างลำบาก ที่สำคัญคือเวลาเรียกตัวนักเตะมาทีมชาติไทย ต้องยอมรับว่านักเตะทุกคนต้องเสียสละอย่างมาก เพราะมีความเสี่ยงที่จะบาดเจ็บ ในฐานะประธานสโมสร แป้งเข้าใจดีว่าต่างก็กลัวนักเตะตัวเองบาดเจ็บ ฉะนั้นจึงเป้นหน้าที่ของผู้จัดการทีมที่จะต้องปรึกษาหารือกับประธานสโมสร ซึ่งที่ผ่านมาได้พูดคุยกับประธานสโมสรหลานคนทั้ง ทั้ง ระวิ (เอสซีจี เมืองทองฯ), เนวิน (บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด) หรือ ปวิณ (บีจี ปทุมฯ) ซึ่งหลังจากนี้จะเริ่มประชุมกับประธานสโมสรต่าง ๆ ทันที ส่วนระยะเวลาในการเก็บตัว แป้งมองต่างจากคนอื่น เพราะคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน ซึ่งทั้งหมดนี้จะมีการพูดคุยกับประธานสดมสรแต่ละท่านอีกที”
นอกจากนี้ “มาดามแป้ง” ยังเปิดเผยว่า นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ให้สิทธิ์ผู้จัดการทีมป้ายแดง เลือกหัวหน้าผู้ฝึกสอนคุมทัพช้างศึกทั้ง 2 ชุด “ด้วยระยะเวลาอันสั้น เราจึงจำเป็นจะต้องใช้โค้ชไทยในการคุมทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี ซึ่งจะเป็นโค้ชที่มีไลเซ่นส์ และไม่ติดงานคุมทีมที่ไหนอยู่ในขณะนี้ ฉะนั้นตัด โค้ชจเด็จ มีลาภ และ “โค้ชโอ่ง” ดุสิต เฉลิมแสน ออกไปได้เลย แต่ทีมชาติชุดใหญ่ยังขอเวลาคิดก่อน เพราะยังมีเวลาให้ตัดสินใจ”
ส่วนการทำหน้าที่หลายอย่างของมาดามแป้ง ทั้งประธานสโมสรการท่าเรือ และมูลนิธิมาดามแป้งนั้น ผู้จัดการทีมชาติไทย กล่าวว่า จะไม่มีผลกระทบ และไม่มีความลำเอียงอย่างแน่นอน “ถ้าหลังจากนี้มีการแข่งที่ทับซ้อมกัน แป้งจะเดินทางไปกับทีมชาติไทยทุกครั้งโดยไม่ลังเล ส่วนในฐานะที่มาเป็นผู้จัดการทีมชาติไทย ย่อมอยากเห็นผลงานที่ดีที่สุด ฉะนั้นมั่นใจว่าโค้ชจะเลือกนักเตะที่ดีที่สุด ไม่ต้องกลัวว่าจะมีแต่นักเตะการท่าเรือ ขอให้มั่นใจว่าแป้งจะทำหน้าที่อย่างดีที่สุด เพราะที่ผ่านมาทั้งฟุตบอลหญิงหรือสโมสร แป้งไม่เคยก้าวก่ายการทำงานของโค้ชอยู่แล้ว”
เผยแพร่: 3 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.