เผยแพร่: ปรับปรุง:
ชื่อของ “ภูริพล บุญสอน” เด็กหนุ่มจากสมุทรปราการ กลายเป็นที่รู้จักในชั่วข้ามคืน หลังแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวในกีฬาแห่งชาติ ครั้งที่ 47 “ศรีสะเกษเกมส์” โดยคว้า 2 เหรียญทอง ในระยะ 100 ม. และ 200 ม. พร้อมพังสถิติประเทศไทยในระยะ 100 ม. และ 200 ม. ที่อยู่ยั้งยืนยงมาเป็นเวลากว่า 20 ปี ของลมกรดรุ่นพี่ระดับตำนานแบบหมดจดและราบคาบ
โดยทำเวลาได้ 10.19 วินาที ทำลายสถิติประเทศไทยของ เหรียญชัย สีหะวงษ์ ที่เคยทำได้ในการแข่งขันเอเชี่ยนเกมส์ 1998 ด้วยเวลา 10.23 วินาที และยังเป็นการทำลายสถิติประเทศไทยในรอบ 24 ปี รวมถึงยังเป็นการทำลายสถิติกีฬาแห่งชาติที่จิระพงศ์ มีนาพระ เคยทำไว้ด้วยเวลา 10.31 วินาที อีกด้วย นอกจากนี้ยังคว้าแชมป์ 200 ม. ด้วยเวลา 20.58 วินาที ทำลายสถิติประเทศไทยของ เหรียญชัย สีหะวงษ์ อีกเช่นกัน ซึ่งเคยทำไว้ 20.69 วินาทีในซีเกมส์ ครั้งที่ 20 ที่บรูไน เมื่อปี 1999 หรือเมื่อ 23 ปีที่แล้ว
โดยเจ้าบิว ถือว่ามีดีเอ็นเอของการเป็นนักกีฬาอยู่เต็มตัว เพราะพ่อเคยเป็นนักวิ่งระยะไกล ส่วนแม่ก็เป็นนักกีฬาวอลเลย์บอล ทำให้เขาชื่นชอบการเล่นกีฬามาตั้งแต่เด็ก ซึ่งกีฬาแรกที่เจ้าตัวหลงรักก็คือฟุตบอลเหมือนเด็กผู้ชายทั่วไป ทว่าความเร็วที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็ก ดันไปเข้าตา อ.ธนกฤต ศรีวัฒนา โค้ชกรีฑาโรงเรียนเซนต์ราฟาแอล จ.สมุทรปราการ ชักชวนให้มาเป็นนักกีฬานักกรีฑา และลงแข่งขันในนามตัวแทนโรงเรียนเซนต์ราฟาแอล ในกีฬากรีฑาประจำจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเพียงครั้งแรกที่ได้ลงสนามแข่ง ภูริพล ในวัย 9 ขวบ ก็ประสบความสำเร็จคว้าแชมป์ในรุ่น 10 ปี มาครอง
ฝีเท้าของ ภูริพล บุญสอน ได้รับการขัดเกลาจากโค้ชหลายท่าน กระทั่งมาอยู่ภายใต้การดูแลของโค้ชวัฒนา สุวรรณรักษา ในรั้วโรงเรียน “อัสสัมชัญ สมุทรปราการ” ผลงานก็กลายเป็นที่ประจักษ์ในวงการกรีฑา เมื่อคว้าแชมป์ 200 เมตร ในรุ่นอายุ 12 ปี ในการแข่งขันกรีฑานักเรียน กีฬาระหว่างโรงเรียนส่วนกลาง ประจำปีการศึกษา 2561 โดยทำสถิติ 25.25 วินาที
ในวัย 14 ปีเจ้าตัวลงสับฝีเท้าในรายการแข่งขันกีฬานักเรียน-นักศึกษาแห่งชาติ ณ สนามกีฬาภายในจังหวัดจันทบุรี เมื่อปี 2563 คว้าแชมป์วิ่ง 100 ม.ด้วยเวลา 10.44 วินาที ซึ่งถือว่าเป็นสถิติเวลาที่ไม่เคยมีเด็กในรุ่นนี้ทำได้มาก่อน ทำให้ถูกส่งชื่อเข้าร่วมแข่งขัน กรีฑาชิงชนะเลิศแห่งประเทศไทย เพื่อเก็บคะแนน เข้าแข่งขันโอลิมปิก 2024 ศูนย์ฝึกกรีฑาแห่งชาติ จ.ปทุมธานี เมื่อปีที่ผ่านมา ซึ่งก็สามารถคว้าแชมป์ในการวิ่ง 200 เมตร ด้วยเวลา 21.33 วินาที และได้อันดับ 3 ในการวิ่ง 100 เมตร ทำเวลา 10.80 วินาที แม้ไม่ดีกว่าสถิติเดิมที่ทำได้ แต่ก็เพียงพอที่จะได้รับโอกาสให้เข้าไปเก็บตัวในแคมป์ทีมชาติไทย
ซึ่งก็ทำให้เจ้าตัวพัฒนาฝีเท้าขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วภายใต้การฝึกสอนของโค้ช รวมถึงคำแนะนำจากรุ่นพี่ในทีมชาติ จนทำให้เจ้าตัวขยับสถิติการวิ่งระยะ 100 เมตรของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว โดยก่อนเข้ามาเก็บตัวในแคมป์ทีมชาติไทย สถิติวิ่ง 100 ม. ของภูริพลอยู่ที่ 10.80 วินาที ทว่าหลังเก็บตัวได้ 4 เดือน เจ้าตัวกดสถิติและเวลาของตัวเองลงมาอีก โดยดีขึ้นเรื่อย ๆ จนในการวิ่ง 100 ม. ศึกกรีฑาดาวรุ่งมุ่งเอเชียนเกมส์ ที่สมาคมจัดขึ้น เจ้าตัวทำเวลาได้ดีถึง 10.20 วินาที กระทั่งมาคว้าเหรียญทองและทำลายสถิติประเทศไทยในกีฬาแห่งชาติครั้งล่าสุด ด้วยเวลา 10.19 วินาที
“การที่ผมทำลายสถิติ 2 รายการในศรีสะเกษเกมส์ครั้งนี้ แน่นอนว่ารู้สึกดีใจมาก ไม่คิดว่าจะทำได้ขนาดนี้ เป็นเวลาที่ดีที่สุดเท่าที่เคยทำได้ ก่อนมาแข่งขันวางเป้าหมายแค่ติด 1 ใน 3 ของการแข่งขันทุกรายการเท่านั้น หลังจากนี้ก็คงต้องกลับไปซ้อมหนักต่อไป เพื่อพัฒนาสถิติขึ้นมาอีกในอนาคตต่อไป” เจ้าบิว กล่าว
แม้จะอายุเพียง 16 ปี แต่ก็สูงถึง 183 ซม. ซึ่งถือเป็นโครงสร้างที่ดีสำหรับนักวิ่ง ที่ต้องใช้ช่วงก้าวขายาว ทำให้สมาคมกีฬากรีฑาฯ เลือก ภูริพล ติดทีมไปแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 31 ที่ประเทศเวียดนาม ในเดือนพฤษภาคมนี้ รวมถึงกรีฑาเยาวชนชิงแชมป์โลก 2022 ที่เจ้าตัวควอลิฟายได้สิทธิ์มาในทัวร์นาเมนต์กีฬาแห่งชาติ ซึ่งจะแข่งขันในเดือนสิงหาคมนี้ และต่อด้วยเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ที่ประเทศจีน ในเดือนกันยายนอีกด้วย
ในขณะที่ “แฝดเล็ก” พล.ต.ต.ศุภวณัฏฐ์ อาริยะมงคล หัวหน้าผู้ฝึกสอนกรีฑาทีมชาติไทย ถึงกับเอ่ยปากชมลมกรดหน้าใหม่ว่า เป็นนักกีฬามีความมุ่งมั่ง มีระเบียบวินัยที่ดีเยี่ยม มีโครงสร้างร่างกายที่ดีมาก ๆ เป็นสิ่งที่ดีที่จะต่อยอดพัฒนาตัวเองไปได้อีกไกล “ผมมองว่ามีโอกาสที่ภูริพลจะพัฒนาตัวเองขึ้นไปได้อีก และมีโอกาสที่ประเทศไทย จะมีนักวิ่งที่ทำเวลา 100 เมตร ได้ในระดับ 9 วินาที ด้วย ส่วนจะทำได้หรือไม่ได้นั้น มีการพูดคุยกับภูริพลแล้วว่าไม่ต้องกังวลหรือกดดัน ขอให้ฝึกซ้อมและขอให้ทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดก็พอ”
แม้จะยังไม่เคยสัมผัสเวทีแข่งขันต่างประเทศสักครั้ง แต่สถิติที่เจ้าบิวทำได้นั้นถือว่าก้าวผ่านระดับอาเซียนไปแล้ว เพราะสถิติ 10.19 วินาที ดีกว่าเหรียญทองซีเกมส์ครั้งล่าสุดที่ “ฮานาฟี มูฮัมหมัด ไฮคาล” จากมาเลเซียทำไว้ 10.35 วินาที ส่วนในระดับเอเชีย “ซู ปิงเทียน” ลมกรดชาวจีนเบอร์หนึ่งของเอเชีย เคยทำสถิติไว้ในเอเชียนเกมส์ จาการ์ตา 2018 ด้วยเวลา 9.92 วินาที ซึ่งหลายฝ่ายต่างจับตามองว่ามีโอกาสที่ ภูริพล จะพัฒนาจนกดสถิติได้ต่ำกว่า 10 วินาที จนมีลุ้นเหรียญใดเหรียญหนึ่งในเอเชียนเกมส์ หรืออาจจะสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักวิ่งไทยที่ผ่านเข้าสู่รอบไฟนอลโอลิมปิกเกมส์ก็เป็นได้