จากเด็กสลัมขี้อายที่ลียง “คาริม เบนเซม่า” นาทีนี้ขอลุ้นคว้า “บอลทอง”

นาทีนี้นักเตะอายุ 30 ปีขึ้นไปไม่มีใครร้อนแรงเกิน คาริม เบนเซม่า ขนาดที่ ลิโอเนล เมสซี่ กับ คริสเตียโน โรนัลโด้ ยังเทียบไม่ติด ชนิดที่ว่าดาวยิง “ราชันชุดขาว” รีล มาดริด มีลุ้นคว้าตำแหน่งนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีหรือ “บัลลงดอร์” เลยทีเดียว

รีล มาดริด ทำแต้มขาดคว้าแชมป์ ลา ลีกา สเปน สมัยที่ 35 ไปครองเรียบร้อยแล้ว ส่วนถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ก็กำลังจะทวงความยิ่งใหญ่ในฐานะแชมป์สูงสุด 13 สมัย ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศพบกับ ลิเวอร์พูล ตัดสินกันวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ ณ สนาม สต๊าด เดอ ฟรองซ์ ประเทศฝรั่งเศส

ผลงานอันยอดเยี่ยมดังกล่าวของ รีล มาดริด ในฤดูกาลนี้ต้องขอบคุณความยอดเยี่ยมของ เบนเซม่า แม้ว่าตอนนี้จะวัย 34 ปีแล้วก็ตาม โดยปีนี้รวมทุกรายการกดไปแล้ว 43 ประตูจาก 43 นัด แถมปลายปีนี้เจ้าตัวจะนำทัพ ฝรั่งเศส ไปล่าแชมป์โลกที่ กาตาร์ อีกด้วย

เบนเซม่า เกิดที่ Bron-Terraillon แถบชานเมืองลียง ประเทศฝรั่งเศส เมื่อปี 1987 โดยอาศัยอยู่ในอาคารสงเคราะห์ที่สุดแสนจะวุ่นวายพร้อมกับครอบครัวใหญ่พ่อแม่รวมถึงพี่น้องอีก 7 คนแบ่งเป็นผู้หญิง 4 คนและผู้ชาย 3 คน

แม่ของ เบนเซม่า มีชื่อว่า วาฮิด้า เกิดและเติบโตขึ้นที่ ลียง ส่วน ฮาฟิด ผู้เป็นพ่อนั้นอพยพมาฝรั่งเศสจากแถบตะวันออกเฉียงเหนือของ แอลจีเรีย เส้นทางคล้ายๆ กับครอบครัวของ ซีเนอดีน ซีดาน ตำนานจอมทัพทีมชาติฝรั่งเศส โดยพ่อและแม่ของ เบนซ์ นั้นเริ่มตั้งรกรากอยู่ใกล้ๆ กับทางรถไฟใต้ดินของ ลียง ในเขตชานเมืองที่ๆ ถูกสังคมและเศรษฐกิจทอดทิ้งอย่างสิ้นเชิงทำให้ต้องปากกัดตีนถีบกันสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอด

สำหรับละแวกที่พักอาศัยของ เบนเซม่า นั้นค่อนข้างวุ่นวายเต็มไปด้วยแรงงานอพยพทำให้ถูกมองว่าเป็นแหล่งอาชญากรรมทำให้มักได้ยินเสียงไซเรนรถของเจ้าหน้าที่อยู่เป็นประจำสลับกับเสียงเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ 50 ซีซี ทำให้ทุกคนฝันอยากจะย้ายออกจากที่แห่งนี้เพื่อมีชีวิตสภาพความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

สโมสรแรกของ เบนเซม่า คือ Bron Terraillon SC ที่เริ่มค้าแข้งเมื่ออายุได้เพียง 8 ขวบเขาเป็นเด็กที่ขี้อายตัวเล็กผอมแห้ง โดยได้รับฉายาว่า “โคโค่” (Coco) จากเพื่อนๆ ทันทีที่ยิง 2 ประตูในการแข่งขันรุ่นไม่เกิน 10 ปีทำให้เริ่มเตะตาอะคาเดมี่ของ โอลิมปิก ลียง

เบนเซม่า พัฒนาฝีเท้าอย่างก้าวกระโดดขึ้นมาเล่นชุดใหญ่ให้กับ ลียง อย่างรวดเร็วในปี 2004 คว้าแชมป์ ลีก เอิง ฝรั่งเศส 4 สมัยติดต่อกัน รวมทุกรายการยิง 66 ประตูจาก 148 นัด ช่วงเวลานั้น ลียง คือขาประจำของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ทำให้ฝีเท้าของเขาเริ่มเตะตาหลายทีมยักษ์ใหญ่ของยุโรป โดยฤดูกาล 2004-05 กับ 2005-06 เข้าถึงรอบ 8 ทีม และฤดูกาล 2006-07 กับ 2007-08 เข้าถึงรอบ 16 ทีม

ฤดูกาล 2007-08 เบนเซม่า สร้างความปั่นป่วนให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และยิงประตูได้ด้วย สุดท้ายแล้ว ลียง จอดป้ายด้วยสกอร์รวม 1-2 แต่ก็ทำให้ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อยากได้ตัวกองหน้าชาวฝรั่งเศสรายนี้สู่ถิ่น โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด อย่างมาก ในที่สุดเป็น รีล มาดริด ที่ได้ตัวไปในปี 2009 ด้วยค่าตัวราว 40 ล้านยูโร

แม้ว่า เบนเซม่า จะยิงประตูให้กับ รีล มาดริด อย่างต่อเนื่องเรียกได้ว่าผลงานคงเส้นคงวาแทบทุกฤดูกาลคว้าแชมป์ ลา ลีกา สเปน มาแล้ว 3 สมัยกับ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก อีก 4 สมัย ทว่าต้องอยู่ใต้เงาของ คริสเตียโน โรนัลโด้ จนกระทั่งแนวรุกโปรตุเกสย้ายออกไป ดาวยิงฝรั่งเศสได้พุ่งขึ้นมาเป็นแกนหลักฉุด “ราชันชุดขาว” ที่เป๋อยู่พักใหญ่ให้กลับมาได้ในปีนี้ภายใต้การคุมทัพของ คาร์โล อันเชล็อตติ

ล่าสุดถ้วย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เบนเซม่า ทำแฮตทริกใส่ ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในรอบ 16 ทีม, ยิง เชลซี 4 ประตูในรอบ 8 ทีมและยิง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 ประตูในเกมรอบตัดเชือกนัดแรก ก่อนจะยิงอีกประตูในนัดที่สอง รวมปีนี้ในศึกยุโรปกดไปแล้ว 15 ประตูนำดาวซัลโว ณ ขณะนี้

นอกจากนี้จะไปฟุตบอลโลกปลายปีนี้ที่กาตาร์กับทีมชาติฝรั่งเศสในฐานะแกนหลัก หลังจาก เบนเซม่า ต้องหลุดจากทีมไปพักใหญ่เพราะพัวพันเซ็กซ์เทปแบล็คเมล์ ซึ่งทันทีที่กลับมาในศึก ยูโร 2020 เป็นต้นมาก็กดไปถึง 9 ประตู ดังนั้นหากจะเปรียบชีวิตเขาก็เหมือนกับไวน์ที่ยิ่งเก็บยิ่งเก่ายิ่งอร่อยและปีหน้าก็จะมีชื่อลุ้น บัลลงดอร์ อย่างแน่นอน หลังจากที่ผ่านมาไม่เคยมีชื่อติด 3 อันดับแรกด้วยซ้ำ