Thailand Sport Magazine Sponsored

ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่ โอเอช ลูเวิน! / แมวดำ

Thailand Sport Magazine Sponsored
Thailand Sport Magazine Sponsored

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   


คอลัมน์ สกอร์บอร์ด โดย แมวดำ

ขณะที่ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ดำเนินมาถึงช่วงโค้งสุดท้ายของฤดูกาล แม้การลุ้นแชมป์-ตกชั้นจะจบไปแล้ว แต่อันดับในตารางคะแนนก็มีความหมาย โดยเฉพาะทีมที่มีเจ้าของทีมเป็นคนไทยอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ตอนนี้เก็บไปแล้ว 66 คะแนนจากการลงสนาม 36 นัด ส่งให้ทัพ “จิ้งจอกสยาม” จบฤดูกาลด้วยการเก็บคะแนนมากที่สุดเป็นอันดับที่ 2 ในประวัติศาสตร์สโมสร นับตั้งแต่ก่อตั้งพรีเมียร์ลีก โดยฤดูกาลที่ทีมเก็บคะแนนได้มากที่สุดเกิดขึ้นในฤดูกาล 2015/16 ซึ่งพวกเขาเป็นแชมป์พรีเมียร์ลีก ด้วยผลงาน 81 คะแนนจาก 38 เกม

นอกจากนี้ เลสเตอร์ ซิตี้ ยังคงขยับเข้าใกล้กับการกลับไปลุยศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ฤดูกาล 2016/17 โดยเกมใน 2 นัดสุดท้ายของลีกต้องบุกเยือน เชลซี และเปิดบ้านพบ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ หากสามารถเก็บได้อย่างน้อย 4 แต้มก็จะการันตีการจบ 4 อันดับแรกของลีกแน่นอน ไม่เพียงแค่นั้น เพราะ เลสเตอร์ ของเรายังได้ลุ้นถ้วยแชมป์เอฟเอ คัพ ในนัดชิงชนะเลิศ กับ เชลซี ที่สนามเวมบลีย์ วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคมนี้อีก และหากประสบความสำเร็จก็จะเป็นแชมป์ฟุตบอลถ้วยรายการนี้สมัยแรกของสโมสรอีกด้วย เรียกว่านาทีนี้เหล่าบรรดามิตรรักแฟนเพลง (แข้ง) “จิ้งจอกสยาม” ต่างก็ต้องกระหยิ่มยิ้มย่องยินดีปรีดาเป็นอย่างยิ่ง

หาก เลสเตอร์ เป็นทีมพี่ สโมสร โอเอช ลูเวิน แห่งจูปิแอร์ลีก ก็น่าจะเป็นทีมน้อง แน่นอนว่าการจบฤดูกาลด้วยอันดับ 11 ของลีกสำหรับทีมน้องใหม่ไม่ใช่เรื่องน่าเกลียด รวมถึงการที่ชวดตั๋วเพลย์ออฟ 1 และ เพลย์ออฟ 2 อีกทั้งมีแต้มตามหลัง เบียร์ช็อต แชมป์โปรลีก (ลีกรอง) ที่เลื่อนชั้นมาด้วยกันเพียงแค่ 2 แต้มเท่านั้น

ทว่าหากดูจากผลงานช่วง 16 นัดแรกของฤดูกาลที่เพิ่งจบไปนั้น โอเอช ลูเวิน ก้าวไปรั้งอันดับ 3 ของตารางคะแนน ซึ่งหลังจบฤดูกาล มาร์ค บรีส์ กุนซือ วัย 59 ปี ของทีม มองเห็นปัญหาของทีมว่า เกิดจากอาการล้าจากฤดูกาลที่ยาวนานตั้งแต่การเพลย์ออฟเพื่อเลื่อนชั้นยันเริ่มฤดูกาลในลีกสูงสุดเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว และปัญหาโลกแตกคือความฟิตปลายฤดูกาลที่ไม่อาจเทียบเท่าช่วงแรก จนส่งผลให้ผู้เล่นหลายคนในทีมได้ของขวัญที่ไม่มีใครต้องการนั้นคือ “อาการบาดเจ็บ” มารบกวนผลงานของทีมเข้าไปอีก

และเมื่อจบฤดูกาลลงไปกุนซือชาวเบลเยียม พูดถึงเป้าหมายของทีมฤดูกาลหน้าว่าเป็นเรื่องยากที่ตอบว่าจะเป็นอย่างไร อยากจบที่อันดับเท่าไหร่ เพราะต้องรอดูว่าใครกันบ้างที่จะย้ายเข้า และออกจากทีม รวมทั้งยังยอมรับว่าทีมจะต้องเปลี่ยนไปมากอย่างแน่นอน

ตอนนี้นอกจากการปรับเปลี่ยนพื้นผิวของสนามหญ้าที่ “คิง เพาเวอร์ แอท เดน ดรีฟ” รังเหย้าของทีมแล้ว (สำหรับสนามแห่งนี้เคยได้รับการโหวตจากโค้ช และกัปตันทีมเยือนเรื่องพื้นสนามแข่งยอดเยี่ยม ประจำฤดูกาล 2019/20 มาแล้ว) ยังมีผู้เล่นที่ต้องเดินออกจากสโมสรแห่งนี้นับ 10 รายแล้ว โดยแบ่งเป็นผู้เล่นที่หมดสัญญากับทีม 5 ราย อาทิ เฟรดเดอริค ดูปลุส , ดาวิด ฮูแบร์ , ซามี่ เคห์ลี่ , โอลิวิเยร์ มีนี่ และ เดอร์ริค ชิมังก้า ขณะเดียวกับที่อีก 6 ราย ย้ายทีม ประกอบด้วย เฌเรมี่ แพร์เบต์ (ไป เอฟซี ลีแอช) , สตอลโลน ลิมบอมเบ้ , จอร์ดี้ กิลเลเค่นส์ และ เบรนท์ เลส์ (ไป ลีร์เซ่ เคมเปนโซเน่น) , ทอม ฟาน ไฮฟท์ (ไป เคเอฟซี แมนเดล ยูไนเต็ด) ด้าน ซาส์ช่า โคติช บาดเจ็บหนักจนต้องแขวนสตั๊ด

เมื่อดูแล้วหลายๆ คนเป็นตัวหลัก แต่ที่ต้องออกจากทีมส่วนใหญ่ก็เนื่องมาจากปัญหาอาการบาดเจ็บนี่แหละ และการเปลี่ยนแปลงระดับนี้ถือว่าเป็นการถ่ายเลือดเลยก็ว่าได้ จากนี้คงต้องรอดูคนที่มาใหม่ว่าจะยกระดับและพาทีมสู่ความสำเร็จมากน้อยเพียงใด…

Thailand Sport Magazine Sponsored
ผู้สื่อข่าว กีฬา

ข่าวกีฬา นักกีฬา กีฬา ในร่ม indoor outdoor ต้องทำ sport ให้เป็น กีฬา หลักของประเทศ ดูข้อมูล กอล์ฟ บาสเก็ตบอล ฟุตบอล ว่ายน้ำ วอลเล่ย์บอล มวย แข่งรถ แบดมินตัน และ อีสปอร์ต Dedicated to all sport news from Thailand, with news updates, stories and event reports on many different types of sporting activities that the Thailand currently holds, across all of the asia.

This website uses cookies.