เจอร์เกน คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ส่งเสียงไม่เห็นด้วยกับกรณีที่ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ได้กลุ่มทุนระดับมหาเศรษฐีจากซาอุดิอาระเบีย เข้ามาเทคโอเวอร์ และคาดหมายถึงการใช้เงินระดับมหาศาลช่วงชิงความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว
การเข้าเทคโอเวอร์ของกลุ่มทุนจาก ซาอุดิอาระเบีย สร้างความไม่พอใจแก่บรรดา 19 สโมสรใน พรีเมียร์ ลีก ส่วนหนึ่งคือการให้เจ้าของเงินทุนซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาจ้างวานฆ่านักข่าวในประเทศ เป็นเจ้าของทีมฟุตบอล และมองว่าจะเป็นการใช้อำนาจเงินที่มี กอบโกยความสำเร็จแบบผิดธรรมชาติ
หนึ่งในคนที่คัดค้านคือ เจอร์เกน คล็อปป์ นายใหญ่ “หงส์แดง” ซึ่งไม่เห็นด้วยกับการบริหารฟุตบอลด้วยทุนนิยม อันนำมาสู่การซื้อนักเตะซูเปอร์สตาร์ จ่ายค่าเหนื่อยแพงระยิบได้แบบขนหน้าแข้งไม่ร่วง และท้าชิงกับทีมยักษ์ใหญ่แบบก้าวกระโดดในอนาคตอันใกล้
คล็อปป์ แสดงทัศนะว่า “เห็นได้ชัดว่ามีความกังวลเกี่ยวกับเรื่องสิทธิมนุษยชนที่เราทุกคนรู้ มันจะส่งผลต่อฟุตบอลอย่างไร เมื่อไม่กี่เดือนก่อนเรายังมีปัญหาเรื่อง ซูเปอร์ ลีก ของ 12 สโมสร และสิ่งที่พวกเขา (นิวคาสเซิล) ทำก็คือสร้างซูเปอร์ทีมเพื่อการันตีพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก ในไม่กี่ปีข้างหน้า”
“มันชัดเจนและเรารู้เลยว่าในช่วงเวลา 5-6 ปีข้างหน้า ถ้าเจ้าของทีมมีความอดทนมากพอ พวกเขาจะกลายเป็นทีมมหาอำนาจ พวกเขามีเงินมากพอที่จะซื้อลีกได้ และอาจกำลังคิดเรื่องนี้อยู่ก็ได้”
“กฎการเงิน ไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ ถูกใช้แบบไหนทุกวันนี้ไม่มีใครรู้ มันยังมีอยู่ใช่ไหม แน่นอนว่าแฟนบอล นิวคาสเซิล ต้องชอบใจแน่ แต่สำหรับพวกเราทุกคนคือมองเห็นว่า นิวคาสเซิล จะกลายเป็นบิ๊กทีมรายใหม่ กระนั้น เงินไม่สามารถซื้อทุกอย่างได้ มันต้องใช้เวลา แม้พวกเขามีเงินมากพอ แต่ก็ต้องรู้จักที่จะตัดสินใจผิดพลาดและแก้ไขมันได้ รวมถึงไปในจุดที่ต้องการ”
“สิ่งที่สำคัญกว่าตัวเงินคือการตัดสินใจที่ดี มันจะไม่เกิดขึ้นแบบชั่วข้ามคืน นิวคาสเซิล ตอนนี้ไม่อยู่ในจุดที่ปลอดภัยในลีก ไม่ชัวร์ 100 เปอร์เซนต์ว่าพวกเขาจะอยู่รอดต่อไป และมันจะมีการเปลี่ยนแปลงมากมายเกิดขึ้นในอีก 2-3 ปีข้างหน้า”