“ขีโล้วปั๊งฮ่วย” บ่างช่างยุ / กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

คอลัมน์ EYE ON SPORTS โดย กษิติ กมลนาวิน ราชวังสัน

เมื่อวันก่อนได้ยินเพื่อนของผมที่เป็นเสี่ยมีกิจการอยู่แถวเยาวราช คุณอุดม ตรงมณีธรรม ประธานชมรมเครื่องมือเครื่องเหล็กแห่งประเทศไทย หยิบยกคำในภาษาจีน “ขีโล้วปั๊งฮ่วย” แปลว่า ติดเตาแล้วกระพือให้ไฟแรงๆ หมายถึง บ่างช่างยุ มาให้ฟัง คำนี้ทำให้ผมนึกถึงเพื่อนร่วมทีมใน แมนเช้สเต้อร์ ยูนายถิด ที่ต่างก็ไม่เอา คริชติอาโน โรเนาโด (Cristiano Ronaldo) และแต่ละคนก็ร่วมกันกระซิบข้างหู เอริก เติ้น หากฆ์ (Erik ten Hag) ผู้จัดการทีมชาวดั๊ทช์ ว่าตัวปัญหาของทีมคือหมอนี่นั่นแหละ จน CR7 ถูกจับนั่งสำรอง ปรากฏว่าผลงานของ แมน ยูนายถิด ดีขึ้นมากเลยแฮะ

เรื่องของ บ่าง มักไม่ค่อยมีดี รังแต่จะทำให้เสื่อมไปหมด วันนี้ก็มีตัวอย่างเรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีที่รวมแล้วไม่ให้เกิน 8 ปี แม้ว่าจะเขียนไว้อย่างชัดเจนในรัฐธรรมนูญ แต่ก็จะมีแก๊งค์นักกฎหมายที่ตั้งตนเป็นเซียน คอยเขียน คอยตีความ แล้วพลิก ปลิ้นถ้อยคำบทบัญญัติของกฎหมายตามใจตน เอาซะสิ่งที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญชัดๆอยู่แล้วก็ยังเชื่อถือไม่ได้ซักพยางค์ กลายเป็นว่าต่อแต่นี้ไปต้องรอเหล่าเนติบริกรแก๊งค์นี้ออกมาตีความซะก่อน แก๊งค์นี้จะสิงอยู่ได้กับทุกฝ่าย ใครจะขึ้นใครจะลง หรือยิ่งเกิดวิกฤตยิ่งดี คนพวกนี้จะเป็นที่ต้องการ ได้ประโยชน์ แต่บ้านเมืองบรรลัย ขนาดรัฐธรรมนูญซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ ยังเชื่อถือไม่ได้

ชื่อของ คริชติอาโน ในวัย 37 ปี ยังขายได้ดีโดยเฉพาะสินค้า ของที่ระลึกของสโมสร นอกจากนั้น ยังมีฝีเท้าและพรสวรรค์ในการจบสกอร์ที่เกินมาตรฐานนักเตะในวัยนี้อย่างมาก ฤดูกาลที่ผ่านมาเขากดสกอร์ทั้งใน เพรอมิเอ ลีก และ แชมเปี้ยนส์ ลีก รวมกันได้ถึง 24 ประตู มากที่สุดในทีม อย่างไรก็ตาม ระบบการเล่น แท้คติค ของทีมต้องเป็นไปตามเขา เพื่อนร่วมทีมจะขาดอิสระในการเล่น โค้ชชิ่งก็ถูกแทรกแซง กลายเป็นอิทธิพลกดดันแบบ รัฐซ้อนรัฐ หรือ รัฐพันลึก อันนี้หลายๆสโมสรยักษ์ใหญ่ที่เคยมีแผนจะคว้าตัวไปร่วมทีม แต่เมื่อมาคิดดูแล้วทีมเหล่านั้นเล่นฟุตบอลสมัยใหม่ เน้นระบบเพร้สซิ่ง ทำให้ต้องเปลี่ยนใจ ไม่เอาดีกว่า

คริชติอาโน เล่นบอลในระดับสูงมาอย่างต่อเนื่องร่วม 2 ทศวรรษแล้ว ช่วงนี้กำลังเป็นช่วงที่ยากลำบากอย่างมากของเขา ทั้งอดเล่นสโมสรยุโรปถ้วยใหญ่ แถมยังต้องนั่งสำรอง และที่ร้ายยิ่งกว่านั้น เขาต้องฝืนแสดงอาการเริ่งร่า ดีใจ เมื่อเพื่อนทำประตูเก็บชัยให้ทีมในขณะที่ตนต้องนั่งสำรองจนก้นชาไปหมด ซึ่งทันทีที่ถูกหยิบออกจากตัวหลักของทีม ผลงานของ แมน ยูนายถิด กลับดีขึ้น นี่คงเป็นสัญญาณที่ทำให้เขาต้องกลับมาคิดอีกทีว่า โอลด์ แทร้ฟเฝิร์ด ไม่ใช่ถิ่นของเขาอีกต่อไปแล้ว เพราะที่นี่มีแต่ บ่างช่างยุ ทำให้เขาเหมือนกับถูกจับฉีดยาทำให้ไข่ค่อยๆฝ่อลงไปเรื่อยๆ

เมื่อ 2 เดือนก่อนมีสโมสรใน ซาอูดี อาราเบีย ยื่นข้อเสนอสัญญา 2 ปี พร้อมค่าจ้าง 275 ล้าน € ต่อปี ที่ คริชติอาโน และทีมงานของเขามองว่า ติงต๊องมากกว่า อย่างไรกก็ตาม ค่าจ้างขนาดนั้นนับเป็นค่าจ้างที่สูงมากและจะทำให้เขากลายเป็นนักกีฬาที่มีรายได้สูงที่สุดในโลกทันที โดยในช่วงปีที่ผ่านมา จากเดือนพฤษภาคม 2021 ถึง พฤษภาคม 2022 นิตยสารฟ้อร์บส ระบุว่า คริชติอาโน มีรายได้สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจาก ลิโอเน็ล เม้สซี่ (Lionel Messi) และ เลอบร็อน เจมส์ (LeBron James)

มาถึงวันนี้ ผมได้ยินข่าวว่า คริชติอาโน กับ ช้อร์ช เม็นเด๊ส (Jorge Mendes) ผู้จัดการของเขา ตัดสินใจหยิบข้อเสนอดังกล่าวกลับมาพิจารณาอีกครั้ง ซึ่งน่าจะเป็นข่าวช็อคทีเดียวหาก คริชติอาโน ตัดสินใจย้ายออกจาก แมนเช้สเต้อร์ ยูนายถิด ไปเล่นในตะวันออกกลาง อย่างไรก็ตาม การเล่นกับสโมสรใน ซาอูดี อาราเบีย ก็น่าจะทำให้เขาไม่ต้องทนเสียศักดิ์ศรีนั่งเป็นตัวสำรอง แต่ได้ลงสนามอย่างต่อเนื่อง ได้บัญชาการเกมได้อย่างเต็มที่ในฐานะผู้นำสูงสุดที่มีอิทธิพลและอำนาจเหนือผู้จัดการทีมด้วยซ้ำ

ที่สำคัญ มันจะไม่มี บ่างช่างยุ ในทีมอีกต่อไปที่คอยต่อต้านเขา นอกจากนั้น หากถามถึงเกมระดับ เวิร์ลด์ คล้าส ก็ไม่ต้องห่วง เพราะเขายังคงมีทัวร์นาเม้นท์ระดับโลกให้โชว์ฝีเท้าให้ชาวโลกได้ชื่นชมอยู่ นั่นคือ ฟีฟ่า เวิร์ลด์ คัพ 2022 ในช่วงปลายปีนี้ แล้วหลังจากนั้นค่อยย้ายไปเล่นกับ อินเทอร์ มายอามี (Inter Miami CF) ของ เดวิด เบ๊คแค่ม (David Beckham) ใน เมเจ้อร์ ลีก ซ้อคเค่อร์ (Major League Soccer – MLS) ต่อไปครับ