เผยแพร่: ปรับปรุง:
หลังจากที่ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ บอร์ด กสทช. มีมติเอกฉันท์ ให้การกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. คืนเงิน 600 ล้านบาท ในการสนับสนุนค่าใช้จ่ายซื้อลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบสุดท้าย เนื่องจากไม่สามารถดำเนินการตามกฎ “มัสต์แครี” จนทำให้เกิดปัญหาโทรทัศน์ระบบบอกรับสมาชิก หรือ IPTV จอดำ ไม่สามารถรับชมการแข่งขันเวิลด์ คัพ ครั้งนี้ได้
ล่าสุด “บิ๊กก้อง” ดร.ก้องศักด ยอดมณี ผู้ว่าการการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือกกท. ออกมายืนยันว่าไม่ได้ทำผิดกฎ “มัสต์แคร์รี” แต่อย่างใด เพราะตอนนี้ทางผู้ที่มีหน้าที่รับผิดชอบการถ่ายทอดสดได้ดำเนินการส่งสัญญาณถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ให้ทุกคนได้ดูแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายตามกฎถูกต้องทุกอย่าง
นอกจากนี้ยังเปิดเผยว่า กกท. ทำหนังสือโต้แย้งไปยัง กสทช. ถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว และยืนยันว่าการกีฬาแห่งประเทศไทยไม่ได้ทำผิดกฎข้อใดทั้งสิ้น ดำเนินการตามกฎมัสต์แคร์รีทุกอย่าง ส่งสัญญาณไปยังดิจิทัลทีวี ทั้งภาคพื้นดิน และดาวเทียมต่างๆ ซึ่งในกฎของมัสต์แคร์รี ระบุเอาไว้อย่างชัดเจนว่าทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์เท่านั้น
“ก่อนหน้านี้ กสทช.ได้ส่งหนังสือแจ้งเตือนมายัง ซึ่งก็ได้โต้แย้งกลับไปแล้ว กกท. ยืนยันว่าไม่ได้ทำผิดกฎมัสต์แครี แต่อย่างใด และส่งสัญญาณถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ให้ทุกคนได้ดูแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายตามกฎมัสต์แฮฟแล้ว” บิ๊กก้อง เริ่มกล่าว
“ศาลได้วินิจฉัยกรณีข้อพิพาทระหว่าง AIS กับ True โดยคำสั่งศาลได้กล่าวถึงการกีฬาแห่งประเทศไทย และกสทช. ที่ดำเนินการถ่ายทอดฟุตบอลโลกให้ประชาชนได้ดูฟรีตามช่องทางต่างๆ ที่ไม่ใช่เฉพาะ IPTV เท่านั้น ถือว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของมัสต์แคร์รี่แล้ว ซึ่งคำสั่งศาลเขียนไว้ชัดเจน เพราะฉะนั้นการดำเนินการของกกท.อยู่ภายใต้ลิขสิทธิ์ของคำสั่งศาล ไม่ได้ไปละเมิดอะไร”
“เรื่องนี้ต้องมานั่งพูดคุยกันให้ชัดเจน หาก กสทช. ยืนกรานเรียกเงิน 600 ล้านบาทคืน ก็คงต้องไปสู้กันในกระบวนการของกฎหมาย แต่ไม่อยากให้ไปถึงจุดนั้น เนื่องจากเป็นองค์กรของรัฐด้วยกันทั้งคู่น่าจะมีวิธีการที่ดีกว่านี้ในการตกลงพูดคุยกันได้ แต่ในเมื่อมติออกมาแบบนี้ก็ยิ่งทำให้ กกท. สับสนไปกันใหญ่ ทั้งๆที่ควรจะเรียกไปพูดคุยกันก่อน” ผู้ว่าการกกท. ทิ้งท้าย
ทั้งนี้ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ยังกล่าวเพิ่มเติมว่าการแข่งขันในรอบ 8 ทีมสุดท้าย จะยังมีการถ่ายทอดสดตามเดิม ไม่ได้ยกเลิกใดๆทั้งสิ้น เพราะการกีฬาแห่งประเทศไทยได้รับสิทธิ์มาจาก “ฟีฟ่า” และเป็นผู้บริหารสิทธิ์นี้โดยตรง