โควิด “เกมโอเวอร์” จริงหรอ? / พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ
เผยแพร่: ปรับปรุง:
คอลัมน์ “Golf Healing” โดย “พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎ และ โรงพยาบาลรามคำแหง มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยมากกว่า 30 ปี somsak_doctor@hotmail.com”
“มาถึงตอนนี้แล้วเฮียถอดหน้ากากอนามัยได้หรือยังเห็นเขาบอกโควิดสงบแล้วใช่ไหมหมอ”
“ยังครับเฮียอย่าเพิ่งวางใจอีกอย่างฝุ่น PM ก็ยังเยอะอยู่” พี่หมอตอบคุณชูสง่าด้วยความเป็นห่วง
“จะเชื่อใครดีเชื่อหมอยงดีกว่า เอออาจารย์หมอยงแกว่ายังไงนะ”
“หมอยงแกบอกเกมโอเวอร์แล้วครับ” เจ้าเก่งแจมเข้ามาอีกตามเคย
ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ ได้โพสต์ข้อความสรุปบทเรียน 3 ปีว่าโควิด 19 ได้ทำให้เห็นความจริงสรุปเป็นองค์ความรู้ดังนี้
1.วิวัฒนาการของไวรัสเป็นไปเพื่อความอยู่รอด โดยจะปรับตัวเพื่อลดความรุนแรงลงให้อยู่ร่วมกับเจ้าบ้านได้ ความรุนแรงของโควิด 19 จึงลดลงมาโดยตลอด โดยจากอัตราตายสูง 3-5% จนขณะนี้น่าจะเหลือน้อยกว่า 0.1% เช่นเดียวกับไข้หวัดใหญ่
2.โรคที่มีความรุนแรงสูง เช่น Ebola ฯลฯ ในการจะระบาดไปทั่วโลกเป็นไปได้ยากก ซึ่งตรงข้ามกับโรคที่มีความรุนแรงต่ำ เช่น ไข้หวัดใหญ่ โควิด 19 สามารถระบาดไปได้ทั่วโลก
3.วัคซีนแต่ละชนิดไม่แตกต่างกันที่เชื่อและเรียกร้องวัคซีน mrna ว่ากระตุ้นภูมิต้านทานได้สูง แต่เมื่อติดตามประสิทธิผลในระยะยาวแล้วภูมิต้านทานจะลดลงเร็วและไม่สามารถต้านทานการติดเชื้อได้ ถ้าดูอัตราการเสียชีวิตในประเทศที่ฉีด mrna ก็ไม่ได้ต่ำไปกว่าประเทศที่ไม่ได้ฉีด ดังนั้นที่ผ่านมาจึงไม่มีวัคซีนเทพ และขณะนี้หลายบริษัทได้ลดการผลิตหรือเลิกผลิตไปเลย
4.การระบาดลดลง เพราะประชากรส่วนใหญ่ในแต่ละประเทศติดเชื้อไปแล้วมากกว่าร้อยละ 70 จึงทำให้การระบาดลดลง
5.ภูมิต้านทานที่เกิดจากการติดเชื้อร่วมกับการฉีดวัคซีนจะค่อนข้างสมบูรณ์และอยู่นานกว่าภูมิต้านทานที่เกิดจากวัคซีนเพียงอย่างเดียว
6.ทิศทางการระบาดเมื่อเข้าสู่โรคประจำฤดูกาลการระบาดก็จะเหมือนกับไข้หวัดใหญ่หรือโรคทางเดินหายใจทั่วไป
7.ความจำเป็นของวัคซีนในอนาคตจะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่คือจะมุ่งเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่ติดเชื้อแล้วจะมีอาการรุนแรงในคนที่เคยติดเชื้อมาแล้วหรือคนที่แข็งแรงดีแม้ติดเชื้อซ้ำอีกอาการก็จะไม่รุนแรง
8.การแก้ปัญหาโรคระบาดถ้าย้อนเวลาได้เราควรใช้องค์ความรู้สร้างองค์ความรู้มากกว่าไปตามกระแสหรือแรงกดดันจากสื่อสังคม
9.ในปีนี้จะต้องถือว่าเกมโอเวอร์เชื่อว่าองค์การอนามัยโลกคงจะเลิกนับตัวเลข เพราะตัวเลขที่รายงานในองค์การอนามัยโลกและของทุกประเทศการติดเชื้อต่ำกว่าความเป็นจริงมากและทุกอย่างจะอยู่ในขั้นตอนการเฝ้าระวังและการระบาดเป็นไปตามฤดูกาล
10.สำหรับประเทศไทยตามที่ นพ.ยง เคยกล่าวไว้ตั้งแต่ปลายปีที่แล้วว่าตั้งแต่กุมภาพันธ์เป็นต้นไปโรคจะสงบและจะไปพบเพิ่มอีกครั้งในเดือนมิถุนายนถึงกันยายนแล้วหลังจากนั้นก็จะเป็นวงจรการระบาดตามฤดูกาล