เผยแพร่: ปรับปรุง:
ราล์ฟ รังนิก กุนซือขัดตาทัพ ร่างโปรเจคต์คืนชีพ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สู่ความเป็นมหาอำนาจลูกหนังของเกาะอังกฤษ ตั้งเป้าลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ ลีก ภายในปี 2024
เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน รับหน้าที่คุมทีมชั่วคราว หลัง ยูไนเต็ด ชนะ อาร์เซนอล 3-2 คืนวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (2 ธ.ค.) และพบปะสื่อมวลชนครั้งแรก ช่วงเช้าวันนี้ (3 ธ.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น
ตลอดการแถลงข่าวประมาณ 30 นาที บิ๊กบอสวัย 63 ปี ตอบอย่างเปิดเผยเกี่ยวกับความมุ่งบมั่นนำความยิ่งใหญ่กลับสู่ถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด และช่วยเหลือ คริสเตียโน โรนัลโด ดาวยิงความหวัง ปรับตัวกับระบบใหม่
อดีตเทรนเนอร์ ชาลเก 04 กล่าว “สโมสรไม่ได้เซ็นสัญญานักเตะใหม่อย่างต่อเนื่อง และยึดติดกับ DNA ของสโมสร สำหรับอนาคต บอร์ดบริหารและผมมีความเห็นทางเดียวกันว่า มันเป็นสิ่งสำคัญที่จะไม่เปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมบ่อยเกินไป”
รังนิก เผยเกี่ยวกับเป้าหมายตลอด 6 เดือนข้างหน้า และบทบาทที่ปรึกษาอีก 2 ปี “ตามโลกแห่งอุดมคติ เราต้องการติดท็อป 4 อย่างสม่ำเสมอ แต่ก็ต้องเล่นเพื่อแชมป์ด้วย ตอนนี้เรายังคงอยู่ใน แชมเปียนส์ ลีก และหวังเป็นอย่างยิ่ง เราจะเข้ารอบลึกๆ ส่วนอัตลักษณ์ของสโมสร มันชัดเจนอยู่แล้ว”
“ผมนั่งดูแมตช์ที่ผ่านมา แม้กระทั่งก่อนได้รับการติดต่อจากสโมสร ผมค่อนข้างเข้าใจได้ดีว่า เกิดอะไรขึ้นที่นี่ และ พรีเมียร์ ลีก มันชัดเจนว่าทีมมีนักเตะพรสวรรค์สูงมากมาย เป้าหมายหลักของผม คือ สร้างสมดุลแก่ทีม เมื่อวานนี้ เราเสีย 2 ประตู และต้องยิง 3 ประตู เพื่อชัยชนะ เราเสียประตูมากเกินไป นั่นเป็นวิธีของผมเพื่อช่วยทีม คือ ต้องมีความสมดุล”
“แน่นอนว่า ขุมกำลัะงของเราแข็งแกร่งเพียงพอท้าชิงท็อป 4 ส่วน 3 ทีมหัวตารางมาตรฐานสูงมาก และมีโค้ชฝีมือดี นี่เป็นสิ่งที่เราต้องพัฒนา ตอน เจอร์เกน (คล็อปป์) คุม ลิเวอร์พูล ทีมของเขาไม่ได้ดีกว่าทีมของผม ที่แมนฯ ยูไนเต็ด”
สุดท้ายนี้ รังนิก ยอมรับว่า อาจปรับสไตล์การเล่น เพื่อให้เหมาะสมกับ โรนัลโด วัย 36 ปี และลูกทีมคนอื่นๆ “คุณย่อมต้องปรับระบบเพื่อให้เหมาะกับนักเตะอยู่เสมอ เขาเป็นสุดยอดนักเตะ เขาน่าทึ่งมากและมีความเป็นมืออาชีพสูง ด้วยอายุของเขา ผมไม่เคยเห็นนักเตะคนไหนฟิตเท่านี้เลย”
“มันอยู่ที่เราจะพัฒนาทีมอย่างไร ไม่ใช่แค่ โรนัลโด เราอยู่ในลีกที่มีแมตช์ลงสนามติดต่อกันมากสุดของโลก เพื่อนร่วมทีมของเขาก็ต้องปรับเหมือนกัน”