เผยแพร่: ปรับปรุง:
ซาอุดิอาระเบีย, อียิปต์ และกรีซ แท็กทีมควงแขนเสนอตัวเป็นเจ้าภาพร่วมในศึกฟุตบอลโลก 2030 ซึ่งถือเป็นวาระครบรอบ 100 ปีของทัวร์นาเมนต์ หลังประเดิมจัดการแข่งขันครั้งแรกในปี 1930 ณ ประเทศอุรุกวัย ที่รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพในสมัยนั้น
ตามการรายงานจากเดลีเมล สื่อชั้นนำของอังกฤษ เปิดเผยว่า ซาอุดิอาระเบีย, อียิปต์ และกรีซ มีการประชุมร่วมกันทั้ง 3 ชาติในเรื่องของการจับมือเสนอตัวเป็นเจ้าภาพเวิลด์ คัพ 2030 ที่เวลานี้สหพันธ์ฟุตบอลนานชาติ หรือฟีฟ่า กำลังพิจารณาข้อเสนอของแต่ละชาติอยู่
การร่วมมือกันในครั้งนี้ ซาอุดิอาระเบีย จะเป็นโต้โผใหญ่ที่พร้อมสนับสนุนค่าใช้จ่ายต่างๆ ในทุกภาคส่วน โดยเฉพาะโครงสร้างด้านพื้นฐานให้กับทั้งอียิปต์ และกรีซ ซึ่งพวกเขามองว่าการที่ 3 ชาติ จาก 3 ทวีป ร่วมจัดฟุตบอลโลก ถือเป็นเรื่องใหม่ซึ่งยังไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์
ซึ่งตรงกับนโยบายจากทางภาครัฐของซาอุดิอาระเบียที่ต้องการให้มีมหกรรมการแข่งขันกีฬาขนาดใหญ่มาจัดในประเทศของตน และฟุตบอลโลก คือหนึ่งในเป้าหมายหลักที่มหาอำนาจแห่งตะวันออกกลางชาตินี้สนใจมากที่สุด
หากความร่วมมือในครั้งนี้ประสบความสำเร็จจะถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่มีเจ้าภาพ 3 ชาติ จาก 3 ทวีป ได้แก่ เอเชีย, แอฟริกา และยุโรป จัดการแข่งขันเวิลด์ คัพ ในรอบ 100 ปี อย่างไรก็ตามมีหลายฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยเพราะอาจส่งผลให้ฟุตบอลโลกอาจต้องโยกไปเตะช่วงหน้าหนาวเหมือนปี 2022 ที่ประเทศกาตาร์ และอาจส่งผลต่อปฏิทินฟุตบอลทั่วโลกอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามตัวเต็งที่จะได้เป็นเจ้าภาพในปี 2030 ยังคงเป็น 4 เจ้าภาพร่วมในทวีปอเมริกาใต้ อย่าง อุรุกวัย, อาร์เจนตินา, ชิลี และปารากวัย ที่ยื่นเสนอตัวไปก่อนหน้านี้ พร้อมคอนเซปต์ฟุตบอลโลกคัมแบ็กที่อเมริกาใต้ในรอบ 100 ปีพอดิบพอดี
นอกจากนี้ยังมีชาติในยุโรปทั้ง บัลแกเรีย, โรมาเนีย, เซอร์เบีย และกรีซ 4 ชาติในยุโรปที่จับมือกันยื่นบิดขอเป็นเจ้าภาพ เช่นเดียวกับอีก 2 ชาติในยุโรป อย่าง สเปน กับโปรตุเกส ก็พร้อมจะจับมือเป็นเจ้าภาพร่วมเช่นเดียวกัน
ทั้งนี้สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือฟีฟ่า จะออกมาประกาศรายชื่อประเทศเจ้าภาพที่จะได้จัดการแข่งขันศึกฟุตบอลโลก 2030 อย่างเป็นทางการในการประชุมใหญ่ฟีฟ่า ครองเกรสส์ ในปี 2024 และอาจมีการประกาศรายชื่อเจ้าภาพเวิลด์ คัพ ในปี 2034 อีกด้วย