ชนาธิป สรงกระสินธ์ ชื่อเล่น เจ (เกิด 5 ตุลาคม พ.ศ. 2536) เป็นนักฟุตบอลชาวไทย ปัจจุบันเล่นให้กับคอนซาโดเล ซัปโปะโระในเจลีก ดิวิชัน 1 และทีมชาติไทย
ชนาธิปเริ่มมีชื่อเสียงจากการเป็นนักเตะที่อายุน้อยที่สุดที่วินเฟรด เชเฟอร์ เรียกตัวเข้าไปร่วมการแข่งขัน เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 ในฐานะตัวแทนทีมชาติไทยชุดใหญ่ ได้ตำแหน่งรองแชมป์ ก่อนที่สองปีต่อมาจะพาทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จในรายการเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 และคว้าแชมป์อีกครั้งในเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2016 โดยได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมจากสองครั้งหลังสุด
ทั้งนี้ ชนาธิปยังเป็นกำลังสำคัญของผู้เล่นทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี คว้าเหรียญทองในการแข่งขัน ซีเกมส์ 2013 ที่พม่า และซีเกมส์ 2015 ที่สิงคโปร์ รวมถึงคว้าอันดับ 4 ในการแข่งขันเอเชียนเกมส์ 2014 ที่เกาหลีใต้
ด้วยการมีรูปร่างที่เล็กแต่มีทักษะฟุตบอลที่ดี มีความคล่องแคล่วปราดเปรียวมีความเข้าใจเกมสูง ชนาธิปจึงได้รับฉายาว่า เมสซิเจ ตามชื่อของลิโอเนล เมสซิ นักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินา
ประวัติ
ชนาธิป สรงกระสินธ์ เกิดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2536 ที่ตลาดสามพราน อำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม เป็นบุตรชายของนายก้องภพและนางพรสวรรค์ สรงกระสินธ์ โดยบิดาเป็นผู้สอนให้เล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุได้ 1 ขวบ และเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอย่างจริงจังในขณะศึกษาอยู่ในชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่โรงเรียนกีฬากรุงเทพมหานคร จากนั้นได้ย้ายมาศึกษาต่อในชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่โรงเรียนเพ็ญสมิทธิ์จนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
หลังจบชั้นประถมศึกษา ชนาธิปกลับจังหวัดนครปฐมเพื่อศึกษาต่อในชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นที่โรงเรียนสามพรานวิทยา ในช่วงนี้เขาได้เล่นฟุตบอลเดินสายกับทีม ซีแอล ไฮสปีด ซึ่งเป็นทีมฟุตบอลเดินสายชื่อดังในจังหวัดนครปฐม ร่วมกับรัชพล นาวันโน ที่ภายหลังกลายเป็นนักฟุตบอลทีมชาติไทยอีกคนหนึ่ง
หลังจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ชนาธิปได้ศึกษาต่อในสาขาวิชาการตลาดที่วิทยาลัยเทคโนโลยีพาณิชย์การราชดำเนิน และเล่นฟุตบอลในระดับนักเรียนให้กับสถาบันไปด้วย โดยช่วยให้พาณิชย์การราชดำเนินคว้าแชมป์ฟุตบอลนักเรียนกรมพลศึกษารุ่นอายุไม่เกิน 18 ปี ประเภท ก. ได้ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2554
ในอดีต ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้เคยศึกษาอยู่ที่คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แต่เมื่อต้นปี พ.ศ. 2558 เขาได้ทำเรื่องย้ายคณะและไปศึกษาต่อที่ คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และรับราชการตำรวจโดยเข้ารับการฝึกอบรมที่ ศูนย์ฝึกอบรมตำรวจภูธร ภาค7
ฟุตบอลสโมสร
บีอีซี เทโรศาสน
ฤดูกาล 2554
ในสมัยที่ชนาธิป ยังเล่นฟุตบอลระดับนักเรียน เขาเคยถูกทีโอทีปฏิเสธที่จะเซ็นสัญญาด้วยเพราะรูปร่างเล็กเกินไปไม่เหมาะจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ก่อนที่บีอีซี เทโรศาสนจะนำตัวเขามาร่วมทีมชุดเยาวชนของสโมสร โดยให้ค่าแรงเดือนละ 10,000 บาท
ชนาธิป อยู่ในทีมชุดเยาวชน U-19 ของสโมสรและสามารถพาทีมเยาวชนของสโมสรคว้าแชมป์ เอฟเอ ยูธ คัพ 2011 ได้สำเร็จ โดยในนัดชิงชนะเลิศ วันที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ที่สนามศุภชลาศัย เขาสามารถพาสโมสรเอาชนะทีมเยาวชน U-19 ของบุรีรัมย์ พีอีเอ ไปได้ 5-2 และได้รับรางวัลแมน ออฟ เดอะ แมตช์ หลังจบเกม
ด้วยผลงานที่ดีในทีมเยาวชนของบีอีซี เทโรศาสน ทำให้ในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 เขาถูกสมชาย ชวยบุญชุม โค้ชทีมชาติชุดเยาวชนในขณะนั้น เรียกติดทีมชาติไทยชุดเยาวชน 19 ปี แข่งขันในรอบคัดเลือกของฟุตบอลเอเชียเยาวชนอายุไม่เกิน 19 ปี ปี 2012 โดยทีมชาติไทยได้แชมป์กลุ่มและได้ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยในรอบคัดเลือกนี้ชนาธิป ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงและยิงประตูให้ทีมชาติไทยชุดเยาวชนอายุ 19 ปีได้ 1 ลูก ในเกมส์ที่ถล่มเยาวชนทีมชาติกวมไปถึง 13-0 ที่สนามเทพหัสดิน
ฤดูกาล 2555
หลังจากสามารถคว้าแชมป์เอฟเอ ยูธ คัพ 2011 ชนาธิปก็ได้รับโอกาสจากแอนดรูว์ อ็อด กุนซือใหญ่ของทีมในขณะนั้นให้ติดทีมชุดใหญ่ ชนาธิปได้รับโอกาสลงเล่นให้กับต้นสังกัดเป็นครั้งแรกในนัดเปิดสนามของไทยพรีเมียร์ลีก 2555 วันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2555 ที่ทีมของเขาต้องออกไปเยือนบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดที่สนามไอโมบาย โดยชนาธิปลงเล่นเป็นตัวจริงแต่ทีมของเขาแพ้ไป 2-1 และมายิงประตูแรกได้ในวันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2555 ในนัดที่บีอีซี เทโรศาสนออกไปเยือนการท่าเรือไทย ที่แพตสเตเดียม ซึ่งเขาถูกเปลี่ยนลงมาแทนจักรกริช บุญคำในครึ่งหลัง โดยในการแข่งขันนัดดังกล่าวเขาทำผลงานให้เป็นที่จดจำของแฟนบอลด้วยการถูกส่งลงมาในฐานะตัวสำรองแล้วยิงคนเดียว 2 ประตูโดยลูกที่ 2 เป็นการกระชากด้วยความเร็วกว่าครึ่งสนามก่อนจะล็อกหลบวัลลภ แซ่จิ๋ว นายประตูเจ้าบ้านแล้วค่อย ๆ เลี้ยงบอลผ่านเส้นประตูเข้าไปอย่างเหนือชั้น ทำให้สโมสรบุกมาชนะการท่าเรือถึงถิ่น 2-0
ด้วยวัยเพียง 18 ปี แต่จากฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยม ทำให้ชนาธิป ยึดตำแหน่งภายในทีมได้ตั้งแต่ฤดูกาลแรกที่ขึ้นมาจากทีมเยาวชน โดยในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เขาได้ลงสนามในรายการ โตโยต้า ลีกคัพ 2555 ในรอบ 32 ทีมสุดท้ายซึ่งเป็นการลงเล่นรายการนี้เป็นนัดแรกของเขา ในเกมส์นัดดังกล่าวทีมของเขาต้องออกไปเยือนลำพูน วอร์ริเออร์ที่แม่กวงสเตเดียม และเขาก็ช่วยให้ทีมชนะ 2-1 ต่อมาในวันที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2555 เขายิงได้อีก 1 ประตูในเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีกที่บีอีซี เทโรศาสน ต้องออกไปเยือนสงขลา ยูไนเต็ด ที่สนามติณสูลานนท์ จังหวัดสงขลา โดยเขายิงประตูให้ทีมขึ้นนำ 1-0 ก่อนที่ทีมของเขาจะชนะเจ้าบ้านไป 2-1
วันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ชนาธิป สรงกระสินธ์ ได้ลงเล่นฟุตบอลชิงถ้วยไทยคม เอฟเอคัพ เป็นครั้งแรก โดยเป็นเกมส์รอบ 32 ทีมสุดท้าย ที่สโมสรต้องออกไปเยือนพัทยา ยูไนเต็ด ที่สนามกีฬาเทศบาลหนองปรือ โดยเขาเป็นคนเปิดให้กิลเบิร์ต คุมสัน ยิงประตูชัยให้บีอีซี บุกมาชนะ 1-0 ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย และต่อมาในเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีกวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555 ระหว่างบีบีซียูกับบีอีซี เทโรศาสน ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ชนาธิป ยิงให้ทีมขึ้นนำ 2-1 ก่อนจะจบลงด้วยผลเสมอ 2-2
ชนาธิปได้ลงสนามในฤดูกาลนี้รวม 33 นัด (ไทยพรีเมียร์ลีก 28 นัด, โตโยต้า ลีกคัพ 3 นัด, เอฟเอ คัพ 2 นัด) ยิงในไทยพรีเมียร์ลีกได้ 4 ประตู และบีอีซี เทโรศาสนจบฤดูกาลด้วยอันดับ 3 จากผลงานและลีลาการเล่นในฤดูกาลนี้ทำให้ชนาธิป สรงกระสินธ์ได้เล่นให้ทีมชาติไทยชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 19 ปี ไปแข่งขันชิงแชมป์แห่งชาติเอเชียรอบสุดท้ายที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังจากเคยเล่นในรอบคัดเลือกเมื่อปีที่แล้ว และติดทีมชาติชุดใหญ่ไปแข่งขันเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012
ฤดูกาล 2556
ในเดือนมกราคม พ.ศ. 2556 ชนาธิป ถูกเรียกตัวติดทีมชาติชุดใหญ่ในการแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 42 และได้ลงเล่นเป็นตัวจริงแต่ทำได้เพียงแค่คว้าอันดับ 3 ร่วมกับทีมชาติเกาหลีเหนือ
ในฤดูกาลนี้สโมสรเปลี่ยนแปลงโค้ชเป็นสเตฟาเน่ เด โมล และชนาธิป เริ่มต้นฤดูกาล 2556 ในเกมส์ที่บีอีซี-เทโรศาสนบุกไปชนะราชบุรี 1-0 ที่สนามกีฬาจังหวัดราชบุรี เมื่อวันที่ 10 มีนาคม โดยเป็นตัวสำรองและถูกส่งลงมาแทนคลีตัน ซิลวา ในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกมส์
การยิงประตูแรกในฤดูกาลนี้ของเขาเกิดขึ้นในเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีกที่เสมอกับ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 1-1 ที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม โดยถูกเปลี่ยนตัวลงมายิงตีเสมอให้กับทีม ซึ่งประตูที่เขายิงได้ในนัดนี้ถือเป็นประตูแรกที่เขายิงได้ต่อหน้าแฟนบอลที่สนามเหย้าของสโมสร
ต่อมาวันที่ 18 สิงหาคม เขายิงในไทยพรีเมียร์ลีกได้อีก 1 ประตู โดยยิงให้บีอีซี เทโรศาสนตีเสมอบางกอกกล๊าส 1-1 ก่อนจะจบลงด้วยการบุกมาชนะ 3-2 ที่ลีโอสเตเดียม แต่ในช่วงท้ายเกมเขากลับถูกใบแดงไล่ออกจากสนามเพราะไปมีปัญหากับฟลาเวียง มิเชลินี่ และธีรเทพ วิโนทัย นักเตะของบางกอกกล๊าส โดยถือเป็นการได้ใบแดงครั้งแรกของเขาในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ
วันที่ 27 ตุลาคม เขายิงได้ 1 ประตูในเกมส์เปิดบ้านเสมอเมืองทอง ยูไนเต็ด 2-2 ที่สนามเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา
จบฤดูกาลชนาธิปลงสนาม 28 นัด (ไทยพรีเมียร์ลีก 26 นัด, เอฟเอคัพ 1 นัด, ลีกคัพ 1 นัด) ยิงในไทยพรีเมียร์ลีกได้ 3 ประตู พาบีอีซี เทโรศาสนต้นสังกัดคว้าอันดับ 6 ในลีก และเกียรติศักดิ์ เสนาเมืองได้เรียกติดฟุตบอลทีมชาติไทยรุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี แข่งขันในกีฬาซีเกมส์ 2013 ที่ประเทศพม่าในเดือนธันวาคม
ฤดูกาล 2557
ในช่วงต้นฤดูกาล ชนาธิปต้องพลาดโอกาสในการลงสนามเนื่องจากได้รับบาดเจ็บกระดูกหน้าแข้งหักจากการลงเล่นให้ทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ในกีฬาซีเกมส์เมื่อปลายปีก่อน และมาได้ลงสนามนัดแรกในฤดูกาลนี้เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ในเกมที่เปิดบ้านเสมอกับเมืองทอง ยูไนเต็ด 1-1 โดยเป็นตัวสำรองที่ถูกเปลี่ยนลงมาเล่นในช่วง 20 นาทีสุดท้าย
วันที่ 22 มิถุนายน ชนาธิป ยิงประตูแรกในฤดูกาลนี้ และช่วยให้บีอีซี-เทโรศาสนเปิดบ้านเสมอกับเชียงราย ยูไนเต็ด 1-1 ในเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีก และนัดต่อมา วันที่ 25 มิถุนายน เขายิงให้ทีมขึ้นนำ 1-0 และจ่ายบอลให้เพื่อนทำประตูได้อีก 1 ลูก ในเกมที่เอาชนะสมุทรสงคราม 2-0 ที่สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษา
ชนาธิป สรงกระสินธ์ ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นคนสำคัญของบีอีซี เทโรศาสน และในเกมส์ระหว่างบีอีซี เทโรศาสน เปิดบ้านพบอาร์มี่ ยูไนเต็ด เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม เขายิงไกลเป็นประตูชัยให้บีอีซี ชนะ อาร์มี่ ยูไนเต็ด 2-0 โดยประตูดังกล่าวเป็นประตูที่ 10 ที่ชนาธิปยิงให้บีอีซี เทโรศาสนในไทยพรีเมียร์ลีกนับตั้งแต่ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่ของสโมสร
เดือนกันยายน ชนาธิปถูกเกียรติศักดิ์ เสนาเมืองเรียกตัวติดทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ในการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ที่เมืองอินชอน ประเทศเกาหลีใต้ และพาทีมชาติคว้าอันดับ 4 มาครอง
หลังจากกลับมาจากเอเชียนเกมส์ ชนาธิป ลงสนามให้บีอีซี เทโรศาสน ในเกมส์โตโยต้าลีกคัพ รอบชิงชนะเลิศกับบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แชมป์เก่าที่สนามศุภชลาศัย เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2557 และช่วยให้ทีมชนะบุรีรัมย์ไปได้ 2-0 และได้รับรางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำทัวร์นาเมนต์ โดยเป็นแชมป์รายการแรกของเขากับบีอีซี-เทโรศาสน
ในเกมส์ไทยพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้ายของฤดูกาล วันที่ 2 พฤศจิกายน ที่พบกับเชียงราย ยูไนเต็ด ชนาธิปยิงได้อีก 1 ประตู แต่จบเกมบีอีซีแพ้ไป 2-1 และจบฤดูกาลด้วยอันดับ 3
ฤดูกาล 2558
ชนาธิปเริ่มต้นฤดูกาลนี้ในการแข่งขันไทยพรีเมียร์ลีกนัดที่เปิดบ้านเสมอกับเชียงราย ยูไนเต็ด 1-1 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558 และยิงประตูแรกในไทยพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ได้ในนัดที่บุกไปชนะสโมสรโอสถสภา 3-2 ฤดูกาลนี้เขาถูกอาการบาดเจ็บรบกวนทำให้ไม่ได้ลงสนามมากเท่าที่ควร โดยบีอีซี เทโรศาสนทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในลีก ทำให้เขาต้องย้ายไปร่วมสโมสรเมืองทอง ยูไนเต็ด ด้วยสัญญายืมตัว
เมืองทอง ยูไนเต็ด
ฤดูกาล 2559
28 มกราคม 2559 ชนาธิป เปิดตัวเป็นนักเตะคนใหม่ของเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ดในไทยพรีเมียร์ลีกร่วมกับธนบูรณ์ เกษารัตน์และพีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา 2 นักเตะทีมชาติไทยชุดใหญ่ ซึ่งทั้งสามมาร่วมทีมเมืองทองด้วยสัญญายืมตัวพร้อมตัวเลือกซื้อขาดจากบีอีซี เทโรศาสน โดยชนาธิปพร้อมกับพีระพัฒน์และธนบูรณ์ได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะของเมืองทองเป็นการถาวร
ชนาธิปลงสนามนัดแรกให้เมืองทอง ยูไนเต็ดเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2559 ในการแข่งขันเอเอฟซี แชมเปียนส์ลีกรอบคัดเลือกนัดที่พบกับยะโฮร์ ดารุล ตะก์ซิมจากมาเลเซีย และจากผลงานที่ยอดเยี่ยมของชนาธิปทำให้เมืองทอง ยูไนเต็ดสามารถคว้าแชมป์ไทยลีกได้เป็นสมัยที่ 4 ซึ่งผลงานดังกล่าวทำให้สโมสรคอนซาโดเล ซัปโปะโระทีมฟุตบอลจากเจลีกของญี่ปุ่นได้ติดต่อมายังสโมสรเมืองทองเพื่อดึงตัวชนาธิปไปร่วมทีมด้วยสัญญายืมตัว
คอนซาโดเล ซัปโปะโระ
ฤดูกาล 2560-เลก 2
ชนาธิปเปิดตัวกับคอนซาโดเล ซัปโปะโระในวันที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559 ในสัญญายืมตัวจากเอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด โดยชนาธิปได้ย้ายไปเล่นเจลีกเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2560 และเริ่มเข้าร่วมทีมตั้งแต่เลก 2 ของฤดูกาล
ชนาธิป สามารถคว้าตำแหน่ง MVP ของสโมสรประจำฤดูกาล2018 ไปครองโดยได้ผลคะแนนโหวตมาเป็นอันดับหนึ่งจากเพื่อนร่วมทีมทั้ง 22 คน และนอกเหนือจากนี้ ชนาธิปยังได้รับการโหวตให้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งเจลีกในฤดูกาล 2018 อีกด้วย นับว่าเป็นนักเตะชาวไทยที่ได้รับการยอมรับในฝีเท้าจากแฟนบอลในแดนปลาดิบอย่างมาก
หลังจากที่ชนาธิป ถูกซัปโปะโระยืมตัวเป็นเวลา 1 ปีครึ่ง ทางสโมสรได้ทำการเซ็นสัญญาถาวรตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 โดยมีสัญญาถึงวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2568
ทีมชาติ
ชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปี
ชนาธิปลงเล่นในระดับชาติให้กับทีมชาติไทยเป็นครั้งแรก ในรายการฟุตบอลเยาวชนอายุ 19 ปีชิงแชมป์เอเชีย 2012 ในรอบคัดเลือกที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ภายใต้การคุมทีมของสมชาย ชวยบุญชุม โดยรอบคัดเลือกไทยถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มอี ร่วมกับทีมเยาวชนอายุไม่เกิน 20 ปีของเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น, ไต้หวัน และ กวม
ชนาธิป ลงสนามในนัดแรกของการแข่งขันรอบคัดเลือก วันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2554 ในเกมส์ที่ทีมชาติไทยชนะเกาหลีใต้ 1-0 ที่สนามเทพหัสดิน โดยถือเป็นการลงเล่นให้ทีมชาติไทยในระดับเยาวชนเป็นครั้งแรกของเจ้าตัวด้วย และมายิงได้ 1 ประตู ในเกมส์ถล่มทีมชาติทีมชาติกวม 13-0 เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554 โดยการแข่งขันในรอบคัดเลือก ชนาธิป สรงกระสินธ์ ทำผลงานกับทีมชาติไทยชุดอายุ 20 ปี ได้อย่างยอดเยี่ยมสามารถคว้าแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ ด้วยการชนะเกาหลีใต้ 1-0, ชนะไต้หวัน 1-0, ชนะกวม 13-0 และเสมอญี่ปุ่น 0-0 ได้เข้าไปเล่นในรอบสุดท้ายในฐานะแชมป์กลุ่ม
โดยในการแข่งขันฟุตบอลเยาวชนอายุ 19 ปีชิงแชมป์เอเชียรอบสุดท้ายที่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไทยอยู่ในกลุ่ม บี ร่วมกับเกาหลีใต้, จีน และอิรัก ซึ่งการแข่งขันทั้ง 3 นัด จะแข่งที่สนามกีฬาฟูไจราห์ คลับ เมืองฟูไจราห์ โดยไทยลงแข่งขันนัดแรกกับจีน ในวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ชนาธิป สามารถผ่านบอลให้ วรนาถ ทองเครือ เข้าไปยิงประตูได้ และช่วยให้ทีมชาติไทยเอาชนะจีนไปได้ 2-1 ต่อมาในการแข่งขันกับเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน ไทยกลับแพ้ไป 1-2 และการแข่งขันนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน ไทยแพ้อิรักไป 0-3 ตกรอบไปในที่สุด
ชุดเยาวชนอายุไม่เกิน 23 ปี
เดือนธันวาคม พ.ศ. 2556 เกียรติศักดิ์ เสนาเมืองได้เรียกชนาธิปที่ขณะนั้นเคยเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่มาแล้วในยุคของวินฟรีด เชเฟอร์ มาเป็นหนึ่งในผู้เล่นทีมชาติไทยชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ในแข่งขันซีเกมส์ 2013 ที่กรุงเนปยีดอ ประเทศพม่า
โดยชนาธิป ลงเล่นในซีเกมส์เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556 ในการแข่งขันนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มที่ทีมชาติไทย เอาชนะติมอร์-เลสเต ไป 3-1 โดยถูกเปลี่ยนตัวลงมาแทนฐิติพันธ์ พ่วงจันทร์ ในช่วง 25 นาทีสุดท้าย ซึ่งในการแข่งขันซีเกมส์ 2013 นี้ ชนาธิป รับบทบาทเป็นผู้เล่นตัวสำรองที่มักจะถูกส่งลงสนามเพื่อสร้างสรรค์เกมส์รุกในช่วงครึ่งหลังอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสามารถทำผลงานได้อย่างดี โดยได้เล่นเป็นตัวจริง 1 นัด ในเกมส์ที่เสมอกับกัมพูชา 0-0 และสามารถช่วยให้ทีมชาติไทยผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้สำเร็จ
ในนัดชิงชนะเลิศ ชนาธิป สรงกระสินธ์ ต้องพลาดโอกาสในการลงแข่งกับอินโดนีเซีย เนื่องจากได้รับบาดเจ็บบริเวณหน้าแข้ง แต่ทีมชาติไทยก็เอาชนะไปได้ 1-0 คว้าเหรียญทองไปครองได้สำเร็จ
ทีมชาติชุดใหญ่
ชนาธิป ได้ลงสนามให้ทีมชาติไทยชุดใหญ่เป็นครั้งแรกในการแข่งขันนัดอุ่นเครื่องกับภูฏาน เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง โดยถูกเปลี่ยนตัวลงมาในครึ่งหลังและทำให้ทีมชาติไทยชนะไป 5-0
จากนั้น วินฟรีด เชเฟอร์ได้คัดเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้เล่นชุดเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2012 โดยชนาธิปเป็นผู้เล่นที่มีอายุน้อยที่สุดภายในทีม และได้ลงสนามในรายการนี้เป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555 ที่ไทยพบกับเวียดนามในรอบแบ่งกลุ่ม โดยถูกเปลี่ยนตัวลงมาเล่นแทนปิยพล บรรเทาที่มีอาการบาดเจ็บ (จบเกมไทยชนะ 3-1) จากนั้นเขามีโอกาสลงสนามอีกครั้งหนึ่งในนัดชิงชนะเลิศนัดที่ 2 พบกับทีมชาติสิงคโปร์ ชนาธิปมีโอกาสเลี้ยงกระชากหนีนักเตะสิงคโปร์และยิงประตูหนึ่งครั้ง แต่ไม่สำเร็จ และได้รองแชมป์ในที่สุด
พ.ศ. 2556 ได้เล่นในฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพ ครั้งที่ 42 ปี พ.ศ. 2556 ที่จัดขึ้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีทีมที่เข้าร่วมแข่งขันคือเกาหลีเหนือ, สวีเดน และฟินแลนด์
ในการแข่งขันนัดแรกที่ทีมชาติไทยพบทีมชาติฟินแลนด์ เมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556 ที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี ชนาธิป ลงเล่นเป็นตัวจริง แต่จบด้วยการแพ้ฟินแลนด์ 1-3 ทำให้ต้องชิงที่ 3 กับเกาหลีเหนือ โดยการแข่งขันนัดชิงที่ 3 ในวันที่ 26 มกราคม ชนาธิปลงเล่นเป็นตัวจริงอีกครั้ง ก่อนจะเสมอกันไป 2-2 คว้าอันดับ 3 ร่วมไปครอง
ในการแข่งขันฟุตบอลเอเชียนคัพ 2015 รอบคัดเลือก ไทยอยู่ร่วมสายกับ อิหร่าน คูเวต และเลบานอน นัดแรก 6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 ไทยเปิดสนามราชมังคลากีฬาสถาน พบกับคูเวต ชนาธิปมีชื่อเป็นตัวสำรองและได้ลงสนามแทนจักรพันธ์ พรใสในนาทีที่ 72 ถัดจากนั้น 3 นาที ชนาธิปสามารถทำประตูตีไข่แตกได้ และจบเกมส์ไทยเปิดบ้านแพ้คูเวตไป 1-3 โดยประตูดังกล่าวถือว่าประตูแรกของชนาธิป ในการเล่นให้กับทีมชาติชุดใหญ่
ชนาธิป เป็นตัวหลักในยุคของซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง กุนซือที่รับหน้าที่กุนซือขัดตาทัพสำหรับทีมชาติชุดใหญ่แทนวินฟรีด เชเฟอร์ โดยซิโก้ประเดิมคุมทีมชาติชุดใหญ่เมื่อ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2556 โดยได้นำนักเตะชุดซีเกมส์ 2013 ไปอุ่นเครื่องกับทีมชาติจีน และถล่มทีมชาติจีนคาบ้านถึง 5-1 โดยชนาธิปเป็นหนึ่งในผู้ทำประตูด้วย
ในการแข่งขันเอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2014 ชนาธิปเล่นได้อย่างโดดเด่น และเป็นผู้เล่นที่ถูกจับตามองในการแข่งขันครั้งนี้ ในนัดชิงชนะเลิศที่ไทยพบกับมาเลเซีย ทางมาเลเซียระบุว่าชนาธิปเป็น 1 ใน 3 ผู้เล่นของไทยที่ต้องระวัง (อีก 2 คน คือ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ และ ชาริล ชับปุยส์) ในการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศนัดที่ 2 ที่ไทยเป็นฝ่ายแพ้ไป 3-2 แต่โดยผลการแข่งขันรวมแล้ว ไทยชนะไป 4-3 ชนาธิปเป็นผู้ยิงประตูที่ 2 ให้กับไทยได้ในนาทีที่ 86 จากลูกยิงนอกเขตโทษ ทำให้ไทยได้แชมป์รายการนี้ไปเป็นสมัยที่ 4 และเป็นแชมป์ครั้งแรกในรอบ 12 ปี นอกจากแล้ว ชนาธิป ยังได้รางวัลผู้เล่นยอดเยี่ยมในรายการนี้ไปอีกด้วย