ฮื่ออ์อ์อ์…มันก็น่าจะจริง อย่างที่คุณน้อง ผักกาดหอม ท่านบอกเอาไว้ในคอลัมน์เมื่อวันวานนั่นแหละ คือถ้าหากยังต้อง สวมหน้ากาก คงจะไป ไล่บิ๊กตู่ ไม่ถึงกับถนัดถนี่มากมายซักเท่าไหร่ เพราะเรื่องทำนองนี้มันต้องแหกปาก กู่ก้อง ร้องตะโกน กันแบบชนิดแปดหลอด สิบหลอด…มันถึงจะได้ อารมณ์ พอช่วยให้เกิดการลุกฮือ ลุกฮา อะไรขึ้นมามั่ง!!!
—————————————————–
หรืออาจต้องรอไปจนกว่าจะได้เวลาถอดหน้ากาก ได้เกิดภาวะภูมิคุ้มกันหมู่ คุ้มกันหมวด อะไรทำนองนั้น และนั่นย่อมหมายถึงคงต้องชักสะพานแหงนเถ่อรอคอย ไปแถวๆ ปลายปีโน่นเลย ดังนั้น…โอกาสที่ท่านนายกฯ บิ๊กตู่ ท่านจะ ฮึ้มฮึม-ฮึ้มหื่ม ของท่านต่อไปเรื่อยๆ จึงกลายเป็นข้อเท็จจริงอันมิอาจปฏิเสธ ไม่ว่าชอบ-ไม่ชอบก็ตาม หรือเอาเป็นว่า…สุดท้ายท่านน่าจะยังเด้งเชือกฉากหลบ ตัดเวที ออกมาเต้นย็อกๆ แย็กๆ ได้ดังเดิม แล้วยังสามารถลอยหน้า-ลอยตา ตั้งคำถามสวนกลับมาได้นั่นแหละว่า ลุงตู่…7 ปีแล้วไง? นี่…เรียกว่า เปรี้ยว ซะไม่มี!!!
—————————————————–
อย่างไรก็ตาม…ก็คงต้องยอมรับอีกเช่นกัน ว่านับจากท่านเชื้อไวรัสโควิด ท่านได้ออกฤทธิ์ ออกเดช มาร่วมเกือบปี-สองปีและยังไม่เกิดอาการหัวตกเอาเลยแม้แต่น้อย มันออกจะทำให้อะไรต่อมิอะไรไม่เหมือนเดิมซะเยอะเลย อย่างเรื่อง หน้ากาก ที่พูดถึงไว้เมื่อตอนต้นๆ คือต้องเรียกว่า…โลกทั้งโลกเมื่อมาถึง ณ ขณะนี้ ไม่ว่าจะมองไปทางไหน ต่างเต็มไปด้วยผู้ที่สวมหน้ากากไปด้วยกันทั้งสิ้น ชนิดแทบดูไม่ออกว่าไผเป็นไผ ใครเป็นใคร ไม่ว่าจะเป็นฝรั่งมังค่า แขก จีน จาม ฯลฯ รวมทั้งพี่ไทยของหมู่เฮาทั้งหลาย ต่างต้องสวม ต้องใส่ ต้องปิดปาก ปิดจมูก ไปด้วยกันทั้งนั้น…
——————————————————
ระหว่างนั่งดูรายการเทนนิส แกรนด์สแลม เฟรนช์ โอเพน ที่กำลังเริ่มขยับแข้ง ขยับขา ขยับไม้หวดลูกสักหลาด กันอย่างเป็นทางการไปแล้วเมื่อสองวันนี้ ต้องสารภาพว่า…แทบแยกแยะไม่ออกว่าใครเป็นใคร โดยเฉพาะประเภทโค้ช หรือทีมงานที่ยังพอได้โอกาสนั่งเชียร์กันแบบโหรงๆ เหรงๆ เพราะแต่ละรายต้องสวมหมวก สวมหน้ากาก ไม่ต่างอะไรไปจากบ้านเราในทุกวันนี้ มีแต่เฉพาะตัวนักกีฬาเท่านั้น ที่ยังพอมีสิทธิ์ถอดหน้ากาก ยังสามารถเปล่งเสียงคราง เสียงตะโกน ไปตามแบบ มารดาแห่งการครางง์ง์ง์ หรือ บิดาแห่งการครางง์ง์ง์ กันไปตามสภาพ…
—————————————————-
หรือแม้แต่ลองแวบไปดูรายการออกทีวีตามเว็บไซต์ต่างๆ อย่างรายการของคุณน้อง ต้อย-สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม (ชื่ออะไรก็จำไม่ได้ซะแล้ว) นั่นถึงกับต้องสวมหน้ากากแล้วใส่แว่นดำทับเข้าไปอีกต่างหาก เรียกว่า…ถ้าไม่ออกเสียง ไม่ออกมือ ออกไม้ ก็แทบจำไม่ได้เอาเลยก็ไม่แน่ ต้องตามไปดูช่วงรายการ 1 วันสนธิญาณทำอะไร อันนั้น…ถึงพอจะถอดหน้ากาก ถอดเสื้อ ว่ายน้ำ ชกกระสอบ ฯลฯ ให้เห็นๆ แบบพอได้ หายคิดถึง ได้มั่ง…
—————————————————–
สรุปรวมความแล้ว…อะไรต่อมิอะไรในโลกใบนี้ มันน่าจะเปลี่ยนแปลง หรือไม่น่าจะเหมือนเดิมกันไปมิใช่น้อย ภายใต้การมาถึงของท่านเชื้อไวรัสโควิด และการพร้อมอยู่ยาวว์ว์ว์เป็นเดือนๆ ปีๆ ไปอีกซักกี่ปีต่อกี่ปียังมิอาจรู้ได้ โดยการเปลี่ยนแปลงที่ว่านี้ มันคงไม่ได้เกี่ยวแต่เฉพาะตัวบุคคล ปัจเจกบุคคล พฤติกรรม การกระทำ วิถีชีวิต การใช้ชีวิต ฯลฯ ในลักษณะหนึ่ง ลักษณะใดแต่เพียงเท่านั้น แต่ยังน่าจะส่งผลไปถึงเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ไปจนถึงสภาวะแวดล้อม ป่า เขา ลำเนาธาร ฯลฯ กันอีกด้วยต่างหาก โดยจะก่อให้เกิด ผลบวก-ผลลบ ต่อสิ่งนั้นๆ ในแบบไหน อย่างไร ก็ยังยากที่จะประเมิน หรือยากที่จะสรุปออกมาได้ชัดๆ สำหรับช่วงระยะนี้…
——————————————————
แต่ก็แน่นอนนั่นแหละว่า…คงอีก ไม่นานเกินรอ บรรดาความเปลี่ยนแปลงทั้งหลาย มันย่อมต้องอุบัติให้เห็นได้อย่างชัดเจนด้วยเหตุเพราะมันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติ หรือเป็น กฎเหล็กแห่งธรรมชาติ เอาเลยก็ว่าได้ อย่างที่พวก พระๆ ท่านสรุปไว้ด้วยถ้อยคำแบบสั้นๆ ง่ายๆ ว่า อะไรที่เกิดได้-สิ่งนั้นย่อมดับได้ หรืออะไรที่เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-สุดท้ายแล้ว…ย่อมหนีไม่พ้นต้องดับไป ต้องเปลี่ยนแปลงไปตามกฎแห่งธรรมชาติ ตามกฎอนิจจลักษณะ หรือต้องเป็นไปตามแบบฉบับ อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา นั่นแล…
———————————————————-
การปรับเนื้อ ปรับตัว ปรับสภาพ เพื่อให้สอดคล้องกับ ข้อเท็จจริง ดังกล่าว จึงถือเป็น กฎ อีกข้อหนึ่ง…ที่ยากซ์ซ์ซ์จะปฏิเสธและอย่าถึงกับไปคิดว่า มันจะเป็นไปในทาง บวก เสมอไป บางครั้ง-บางครามันอาจต้อง ติดลบ ซะก่อน มันถึงจะเกิดการบวกเพิ่มเติมเข้าไปได้ แบบตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจอะไรประมาณนั้น คือจะบวก 3 บวก 4 หรือไม่ อย่างไรก็แล้วแต่ แต่ด้วยเหตุที่บวกก็เนื่องมาจากปีที่แล้วมันดันติดลบ ไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่นั่นเอง แต่ไม่ว่ามันจะเป็นไปในรูปไหนก็ตาม คงต้องพยายาม มองโลกในแง่ดี เอาไว้ก่อน เพราะภายใต้ความเปลี่ยนแปลงใดๆ ก็ตาม การดำรง รักษา ความหวัง หรือความเชื่อ-ศรัทธาให้มากๆ เข้าไว้นั่นแหละ ถึงอาจพอช่วยให้เกิดทางออก ทางไป หรือ ทางรอด ได้เสมอๆ…
——————————————————
ปิดท้ายด้วยวาทะวันนี้…จาก Helen Keller (อีกครั้ง)… “No pessimist ever discovered the secrets of the stars, or sailed to an uncharted land, or opened a new heaven to the human spirit. – ไม่เคยมีคนมองโลกในแง่ร้ายรายใด ที่สามารถค้นพบความลี้ลับของดวงดาว การแล่นเรือออกสู่น่านน้ำที่ยังไม่มีการสำรวจ หรือการเปิดสวรรค์ชั้นใหม่ขึ้นมาในจิตใจของมวลมนุษยชาติ…”
—————————————————–