เผยแพร่: ปรับปรุง:
คอลัมน์ สกอร์บอร์ด โดย แมวดำ
สัปดาห์นี้คงไม่มีข่าวอะไรร้อนแรงไปกว่าการที่ “แบงค์” วรวุฒิ สุขุนา นายทวารวัย 23 ปี ของ ชลบุรี เอฟซี ก่อเหตุเมาแล้วขับ จนมีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บสาหัส 1 ราย ซึ่งไม่เพียงแค่นั้น หลังก่อเหตุ เฉลิมพงษ์ เกิดแก้ว กองหลังดีกรีทีมชาติไทย วัย 36 ปี นักเตะรุ่นพี่ในสโมสร ที่เดินทางไปถึงจุดเกิดเหตุร่วมกับ ศศิศ สิงห์โตทอง ผู้จัดการทีม เกิดมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ-เจ้าหน้าที่กู้ภัย จนต้องห้ามทัพกันยกใหญ่ และดันมีคลิปออกไปเผยแพร่ในโลกออนไลน์ แน่นอนว่ามันดูไม่ดีเอาเสียเลย
พฤติกรรมดื่มเหล้าทำลายสุขภาพเหล่านี้มันขัดแย้งกับภาพลักษณ์ของสโมสรฟุตบอลชั้นนำระดับประเทศที่ขาใหญ่ “ฉลามชล” เพียรสั่งสมกันมาอย่างยาวนานนับแต่ก่อตั้งทีม เมื่อปี 1997 รวมถึงวันนี้ก็ 25 ปีแล้ว ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จึงกลายเป็นราคาที่ผู้ที่ทำผิด และผู้เกี่ยวข้องจะต้องรับผลกระทบต่างๆ ไปแบบเต็ม
โดย วรวุฒิ สุขุนา ผู้ก่อเหตุนั้น ต้องรับโทษจาก พ.ร.บ.จราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 43 ที่ระบุโทษสูงสุดจากการเมาแล้วขับ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย มีโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับตั้งแต่ 60,000-200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และเพิกถอนใบขับขี่
นอกจากนี้แม้ก่อนหน้า “บอล” ศศิศ ผู้จัดการทีมจะยืนยันไม่มีการยกเลิกสัญญานักฟุตบอลรายนี้ เพราะมองว่าเป็นการตัดอนาคตนักกีฬา ขณะที่ประธานสโมสรอย่าง วิทยา คุณปลื้ม เดินทางไปร่วมงานศพของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมมอบเงินช่วยเหลือ 1 แสนบาท และพร้อมให้ความช่วยเหลือที่ตามมากับทั้งครอบครัวผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บ จากนั้นจึงประกาศยกเลิกสัญญากับ วรวุฒิ ในทันที เรื่องนี้แฟนๆ ต่างแสดงความชื่นชมต่อท่าทีของประธาน “ฉลามชล” เป็นอย่างมาก
แม้ว่าตอนอยู่โรงพัก วรวุฒิ จะแสดงความเสียใจ พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นยกมือไหว้ขอโทษกับสิ่งที่ตนเองกระทำ พร้อมประกาศเลิกดื่มเหล้าตลอดชีวิตจากนี้ไป แต่ชื่อเสียงของเขาและอนาคตในการค้าแข้งของเขาคงต้องรออีกนานกว่าที่ผู้คนจะลืมเลือน และกลับมาสู้เส้นทางฟุตบอลอาชีพอีกครั้งได้
อีกคนที่ เฉลิมพงษ์ ที่แสดงตัวเป็นรุ่นพี่ที่ดี แต่มีพฤติกรรมที่แย่ กับการมีปากเสียงทั้งกับตำรวจ และกู้ภัย ในวัย 36 ปี เขาถือเป็นนักกีฬาที่รุ่นน้องหลายคนมองเป็น “ไอดอล” การแสดงพฤติกรรมแบบนั้นออกไป แม้สุดท้ายแล้วจะสามารถเคลียร์กับเจ้าหน้าที่ว่ามันเป็นความเป็นห่วงน้อง และไม่โดนตั้งข้อหา แต่ภาพลักษณ์ที่เขาเพียรสร้างมาด้วยผลงาน ด้วยลำแข้งของตัวเองนั้นก็เสื่อมเสียหายไปแทบหมดสิ้นกันเลยทีเดียว
ส่วน “บอล” ศศิศ นั้น แม้การแสดงออกด้วยการไม่ด่วนตัดสินใจเลิกสัญญาในเบื้องแรกจะถูกมองว่าไม่อยากทำลายอนาคตของนักกีฬาคนหนึ่ง แต่ทางตรงข้ามกลับเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของทีม เรื่องนี้แม้ว่าชดใช้ด้วยการแสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมในที่สุด แต่จะทำให้ทีมดูดีขึ้นหรือไม่ ก็ไม่ทราบได้เหมือนกัน
และสุดท้ายสโมสร ชลบุรี เอฟซี เมื่อผู้จัดการทีมลาออก เมื่อผู้เล่นคนหนึ่งโดนยกเลิกสัญญา เมื่อผู้เล่นอีกคนจะไม่ถูกส่งลงสนามจนกว่าจะมีตรวจสอบข้อเท็จจริงว่ามีส่วนต่อการกระทำผิดหรือไม่ ย่อมส่งผลกระทบต่อทีมอย่างชัดเจน เนื่องจาก วรวุฒิ เองนั้น เป็นผู้รักษาประตูมือดี ที่ถูกดันมาแทนที่ ชนินทร์ แซ่เอียะ ที่บาดเจ็บ จากนี้ต้องหันไปดึงนายทวารดาวรุ่งอีก 2 คนมาแทน เช่นเดียวกับ เฉลิมพงษ์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟดีกรีทีมชาติ ก็ต้องหาคนอื่นมาทดแทน
แต่ทั้งหมดทั้งมวลที่ว่ามาทั้งหมดคงไม่เท่ากับครอบครัวผู้สูญเสีย และผู้บาดเจ็บในครั้งนี้แน่นอน … ขอแสดงความเสียใจมาในบรรทัดนี้ด้วยครับ