วัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโควิดนาน 6 เดือน
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันพฤหัสบดี (1 เม.ย.) บริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) และไบออนเทค (BioNTech) ประกาศว่า การทดลองทางคลินิกระยะที่ 3 ของวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคเพื่อป้องกันโรคโควิด-19 ที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ แสดงให้เห็นถึงความสามารถของวัคซีนในป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ในระดับสูงนานถึง 6 เดือนหลังจากได้รับวัคซีนโดสที่ 2
ผลการทดลองระยะที่ 3 จากผู้ป่วยโรคโควิด-19 ที่แสดงอาการจำนวน 927 รายพบว่า วัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทค หรือบีเอ็นที162บี2 (BNT162b2) มีประสิทธิภาพต้านทานไวรัสโควิด-19 ได้สูงถึง 91.3% โดยวัดผลตั้งแต่ระยะเวลา 7 วันถึง 6 เดือนหลังได้รับวัคซีนโดสที่ 2
แถลงการณ์ร่วมของบริษัทระบุว่า วัคซีนดังกล่าวมีประสิทธิภาพ 100% ในการป้องกันโรคโควิด-19 ขั้นรุนแรงซึ่งให้คำจำกัดความโดยศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (ซีดีซี) ของสหรัฐ และมีประสิทธิภาพ 95.3% ในการต้านท้านโรคโควิด-19 ขั้นรุนแรงซึ่งให้คำจำกัดความโดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (เอฟดีเอ)ของสหรัฐ
แถลงการณ์เปิดเผยว่า ข้อมูลด้านความปลอดภัยจากการทดลองระยะที่ 3 ถูกรวบรวมจากผู้เข้ารับการฉีดวัคซีนมากกว่า 12,000 คนที่ได้รับการติดตามผลอย่างน้อย 6 เดือน หลังฉีดวัคซีนโดสที่ 2 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความปลอดภัยและความทนต่อยา (tolerability) ที่ดี
“ข้อมูลเหล่านี้ยืนยันถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัยที่ดีของวัคซีนของเรา และทำให้เราสามารถยื่นขอใบอนุญาตทางชีวภาพ (บีแอลเอ) ต่อสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐ” อัลเบิร์ต บูร์ลา ประธานและประธานกรรมการบริหารของไฟเซอร์กล่าว
“ข้อมูลเหล่านี้ยังแสดงผลทดลองทางคลินิกระยะแรกที่วัคซีนตัวหนึ่งสามารถป้องกันเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ที่แพร่ระบาดอยู่ในปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และยุติการระบาดใหญ่สำหรับประชากรทั่วโลก” อูกูร์ ซาฮิน ประธานกรรมการบริหารและผู้ร่วมก่อตั้งไบออนเทคกล่าว
ผลการทดลองใหม่ออกมาเพียง 1 วัน หลังจากทั้งสองบริษัทประกาศว่าวัคซีนแสดงประสิทธิภาพ 100% เละมีการตอบสนองของแอนติบอดีที่แข็งแกร่งในการทดลองกับวัยรุ่นอายุ 12-15 ปี จำนวน 2,260 คนในสหรัฐ โดยตรวจพบผู้ป่วยโรคโควิด-19 จำนวน 18 รายในกลุ่มเด็กที่ได้รับยาหลอก เทียบกับกลุ่มที่ได้รับวัคซีน
บริษัทชี้ว่าหลังฉีดวัคซีนโดสที่ 2 เป็นเวลา 1 เดือน วัคซีนดังกล่าวทำให้ค่าเฉลี่ยระดับภูมิคุ้มกัน (GMTs) ของแอนติบอดีลบล้างฤทธิ์ไวรัสโควิด-19 อยู่ที่ 1,239.5 ซึ่งแสดงให้เห็นว่ามีการตอบสนองทางภูมิคุ้มกันที่ดีในกลุ่มวัยรุ่น และมีประสิทธิภาพสูงกว่าผลการทดลองในกลุ่มประชาชนอายุ 16-25 ปีที่เคยทำก่อนหน้านี้
ไฟเซอร์และไบออนเทควางแผนยื่นข้อมูลเหล่านี้ต่อเอฟดีเอและองค์การยาแห่งสหภาพยุโรป (อีเอ็มเอ) โดยเร็วที่สุด เพื่อขอเพิ่มการใช้งานกรณีฉุกเฉิน และการวางจำหน่ายแบบมีเงื่อนไขของวัคซีนบีเอ็นที162บี2 ในสหภาพยุโรป
ทั้งนี้ เอฟดีเอ ได้อนุมัติการใช้งานวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของไฟเซอร์-ไบออนเทคเป็นตัวแรก เพื่อใช้งานกรณีฉุกเฉินในสหรัฐสำหรับประชาชนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไปเมื่อเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา