เผยแพร่: ปรับปรุง:
จาห์ม นาจาฟี รองประธาน และผู้ถือหุ้นสูงสุดอันดับ 2 ฟีนิกซ์ ซันส์ เรียกร้อง โรเบิร์ต ซาร์เวอร์ เจ้าของแฟรนไชส์ ประกาศลาออกจากตำแหน่ง ด้วยจดหมายเปิดผนึกถึงลูกจ้าง ซึ่งถูกเผยออกมาเมื่อคืนวันพฤหัสบดี (15 ก.ย.) ตามเวลาท้องถิ่น เน้นใจความสำคัญ อย่าอดทนต่อพฤติกรรมเหยียดเพศ และเหยียดผิวภายในออฟฟิศ
ลีกบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) ลงโทษแบน ซาร์เวอร์ 1 ปี ปรับเงิน 10 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 360 ล้านบาท) ตามการแถลงผลการสอบสวนอันยาวนาน 10 เดือนของ คณะกรรมการอิสระเกี่ยวกับการเหยียดลูกจ้าง ตลอดระยะเวลาการบริหารของ ซาร์เวอร์ เกือบ 20 ปี
นาจาฟี ซึ่งตำหนิ ซาร์เวอร์ นับตั้งแต่ข่าวอื้อฉาวถูกตีแผ่ครั้งแรกโดย “อีเอสพีเอ็น (ESPN)” สำนักข่าวของสหรัฐอเมริกา เดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา เป็นหนึ่งในผู้บริหาร ซันส์ ร่วมกับเหล่านักลงทุนรายย่อยอีกมายมายที่ถือกรรมสิทธิ์แฟรนไชส์
ตามจดหมายของ นาจาฟี ระบุ “พฤติกรรมแบบเดียวกันของ ซีอีโอ, ผู้อำนวยการบริหาร, ประธาน, โค้ช หรือตำแหน่งอื่นๆ ของผู้บริหาร คนๆ นั้นจะต้องถูกเลิกจ้างทันที ความจริงที่ว่า โรเบิร์ต ซาร์เวอร์ เป็นเจ้าของทีม ไม่ได้หมายความว่า เขาจะมีสิทธิ์ปฏิบัติต่อลูกน้องแตกต่างกับผู้บริหารคนอื่นๆ ความจริงว่า ใครๆ ที่เห็นว่าเขาเหมาะสมกับบทบาทผู้นำเพียงเพราะสถานะของเขา กำลังลืมไปว่า ทีม NBA เป็นของชุมชนที่พวกเขาต้องรับใช้”
“นักลงทุนของทีมเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ชั่วคราว หากเราในฐานะผู้นำด้านกีฬา ไม่ยึดถือมาตรฐานเดียวกัน แล้วเราจะคาดหวังการบริหารงานด้วยคุณธรรม และการให้เกียรติแก่บุคคลในระดับต่างๆ ได้อย่างไร เราติดค้างพวกคุณทั้งลูกจ้าง, ผู้เล่น, หุ้นส่วน และครอบครัวของพวกคุณ ที่จะต้องสร้างสิ่งแวดล้อมแง่บวกภายในสถานที่ทำงานที่เราทุกคนต้องการไม่ว่าจะเป็นธุรกิจใดๆ”
“ผมไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆ อย่างสบายใจ แล้วปล่อยให้ลูกหลานของเรา และบุคคลรุ่นต่อไปของแฟนๆ คิดว่า พฤติกรรมนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับได้ เนื่องจากความมั่งคั่ง และสิทธิพิเศษ ดังนั้นเพื่อความสอดคล้องกับหน้าที่ของผม ซึ่งจะต้องกำจัดการเหยียดผิว, เหยียดเพศ และอคติทุกรูปแบบ ในฐานะรองประธาน ฟีนิกซ์ ซันส์ ผมขอเรียกร้องให้ โรเบิร์ต ซาร์เวอร์ ลาออก”
ตามหลักฐานจากการสอบสวนของหน่วยงานด้านกฎหมายเอกชน วอทช์เทลล์ (Watchtell), ลิปตัน (Lipton) และ โรเซน แอนด์ แคทซ์ (Rosen & Katz) พบว่า ซาร์เวอร์ ใช้ถ้อยคำเหยียดผิว (N-word) อย่างน้อย 5 ครั้งจากปากคำของผู้เสียหาย โดย 4 คดีของทั้งหมดมาจากลูกจ้างผิวขาวและผิวสีร้องเรียนว่า ไม่ควรใช้ถ้อยคำดังกล่าว ถึงแม้จำมาจากบุคคลอื่น
นอกจากนี้รายงานการสอบสวน ยังเปิดเผยพฤติกรรมที่บ่งบอกถึงการเหยียดลูกจ้างเพศหญิง รวมถึงถ้อยที่เชื่อมโยงกับการมีเพศสัมพันธ์ และถ้อยคำที่ไม่เหมาะสมต่อลูกจ้าง
นาจาฟี เน้นย้ำว่าตนเขียนเอกสารฉบับนี้โดยไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ในบรรดาหุ้นส่วนของ ซันส์ “ผมจะทำงานหนัก เพื่อสร้างความมั่นใจต่อเจ้าหน้าที่ทีมรุ่นต่อไปได้รับการปฏิบัติอย่างมีศักดิ์ศรี, มีความเป็นมืออาชีพ และความเคารพจากผู้มีส่วนได้-เสียต่อแฟรนไชส์”
ขณะเดียวกัน เลอบรอน เจมส์ ซูเปอร์สตาร์ แอลเอ เลเกอร์ส กับ คริส พอล การ์ดจ่ายจอมเก๋า ซันส์ แสดงความผิดหวังต่อบทลงโทษ ซาร์เวอร์ ของ NBA โดย “ซีพีทรี (CP3)” โพสต์ข้อความบน “ทวิตเตอร์” สื่อสังคมออนไลน์ “ผมเห็นด้วยว่าการลงโทษยังเบาเกินไป สำหรับสิ่งที่เราทุกคนเห็นว่า เป็นพฤติกรรมอันป่าเถื่อน”