เผยแพร่: ปรับปรุง:
คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
ปัจจุบัน โกลเดน สเตท วอร์ริเออร์ส คือ แฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จมากสุดแห่งหนึ่ง กวาดแชมป์ NBA 4 จาก 8 ซีซันล่าสุด เริ่มตั้งแต่ 2015, 2017, 2018 และ 2022 ภายใต้การนำของ 3 ขุนพลตัวหลัก สตีเฟน เคอร์รี, เคลย์ ธอมป์สัน และ เดรย์มอนด์ กรีน แต่ก่อนหน้านั้นราวๆ 20-30 ปี พวกเขาเคยมี “บิ๊กทรี” อันโด่งดัง ซึ่งมีโค้ดเนมว่า Run TMC มาจากชื่อหน้าของแต่ละคน (T: Tim, M: Mitch และ C: Chris) และ Run การเล่นอันรวดเร็วของ ดอน เนลสัน เฮดโค้ช ซึ่งเคยใช้สมัยคุม มิลวอกี บัคส์ ก่อนย้ายมา โกลเดน สเตท
Run TMC ไม่ได้พิจารณาว่าตัวเองจะเป็น 3 ประสานที่ดีสุดกลุ่มหนึ่งของ NBA แต่ใครๆ เชื่อว่าพวกเขามีศักยภาพเพียงพอจะก้าวถึงจุดนั้น หากได้รับโอกาสต่อยอดจากการตกรอบ 2 เพลย์ออฟสายตะวันตก ฤดูกาล 1990-91 สำหรับลุ้นแชมป์ อย่างน้อยทั้ง 3 คนได้สร้างตำนานแก่แฟรนไชส์ตลอดระยะเวลาที่ร่วมงานกันพร้อมหน้า 2 ซีซัน และยังคงเป็นขวัญใจแฟนๆ วอร์ริเออร์ส มาจนถึงทุกวันนี้
วอร์ริเออร์ส ดราฟต์ คริส มัลลิน ฟอร์เวิร์ดส่วนสูง 6 ฟุต 6 นิ้ว (198 เซนติเมตร) อันดับ 7 จากมหาวิทยาลัย เซนต์ จอห์น เมื่อปี 1985 หลังจบฤดูกาลสถิติแย่สุดของลีก ชนะ 22 แพ้ 60 ตามด้วยดราฟต์ มิตช์ ริชมอนด์ ชูตติง การ์ดส่วนสูง 6 ฟุต 5 นิ้ว (196 เซนติเมตร) จาก มหาวิทยาลัย แคนซัส สเตท อันดับ 5 เมื่อปี 1988 ซึ่งเป็นปีเดียวกับ เนลสัน ลงมารับตำแหน่งเฮดโค้ช และดราฟต์ ทิม ฮาร์ดอเวย์ การ์ดจ่ายส่วนสูง 6 ฟุต (183 เซนติเมตร) จากมหาวิทยาลัย ยูเท็ป อันดับ 14 เมื่อปี 1989
ทิม, มิตช์ และ คริส ตอบสนองต่อเกมบุกสายฟ้าแล่บตามปรัชญา “เนลลี บอลล์” พวกเขากลายเป็น 3 ทหารเสืออันเลื่องชื่อของ NBA กระทั่งสำนักหนังสือพิมพ์ย่าน เบย์ แอเรีย (Bay Area หรือพื้นที่ติดอ่าว) จัดให้การประกวดตั้งชื่อแก่ 3 ประสานของแฟรนไชส์ กระทั่งมาลงตัวที่ฉายา “รัน ทีเอ็มซี (Run TMC)” ซึ่งแปลงมาจากกลุ่มศิลปินฮิปฮ็อปชาวอเมริกัน “Run DMC” ซึ่งถือกำเนิดขึ้นที่มหานคร นิว ยอร์ก และโด่งดังในยุค 1980
วอร์ริเออร์ส สถิติชนะ 37 แพ้ 45 และไม่ได้เข้าเพลย์ออฟ ฤดูกาล 1989-90 แต่พวกเขาแสดงให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของแฟรนไชส์ ยุค Run TMC ด้วยสถิติทีมที่มีคะแนนเฉลี่ยต่อเกมมากสุด และเกมบุกอันรวดเร็ว เริ่มต้นซีซันใหม่แค่เกมแรก พวกเขาสร้างสถิติคะแนนมากสุด เฉพาะ 1 เกม แบบไม่รวมช่วงต่อเวลา เอาชนะ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ 162-158 โดยฤดูกาล 1990-91 พวกเขาทำคะแนนเฉลี่ย 116.6 แต้ม สูงสุดเป็นอันดับ 2 ของลีก รองจาก นักเก็ตส์ และเข้ารอบ 2 เพลย์ออฟ ปี 1991 แพ้ซีรีส์ แอลเอ เลเกอร์ส ซึ่งทะลุถึงรอบชิงชนะเลิศ NBA ณ เวลานั้น
เข้าสู่ฤดูกาล 1991-92 วอร์ริเออร์ส ยุค Run TMC ถึงจุดสิ้นสุด หลังเริ่มซีซันด้วยชัยชนะเหนือ นักเก็ตส์ เพียงไม่กี่นาที ริชมอนด์ ถูกปล่อยตัวให้ ซาคราเมนโต คิงส์ แลกกับ บิลลี โอเวนส์ รุกกี้ดีกรีดราฟต์อันดับ 3 ส่วนสูง 6 ฟุต 8 นิ้ว เนื่องจากความสามารถด้านเกมบุกที่หลากหลาย ตรงสเปคกลยุทธ์ของ เนลสัน และเสริมผู้เล่นตัวใหญ่ ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่ เนลสัน ถูกกดดันเพื่อยกระดับทีม
นับจากนั้น ริชมอนด์ แสดงฝีมือระดับ ออล-สตาร์ แบกทีม ซาคราเมนโต ซึ่งขออนุญาตใช้ภาษาสามัญว่า “โคตรหมู” ขณะที่แผนสร้าง 3 ประสานชุดใหม่ มัลลิน-ฮาร์ดอเวย์-โอเวนส์ ล้มเหลว โกลเดน สเตท เข้าเพลย์ออฟ 2 ครั้ง ตลอด 3 ซีซันถัดมา จอดป้ายแค่รอบแรกทั้งหมด รวมฤดูกาล 1993-94 ซึ่ง ฮาร์ดอเวย์ พักยาวเนื่องจากเอ็นไขว้เข่าฉีก ก่อนถูกเทรดไป ไมอามี ฮีต เมื่อปี 1996 และ มัลลิน ย้ายทีมแบบฟรีเอเจนต์ ปี 1997
หากเอ่ยถึงเอกลักษณ์ของ Run TMC แต่ละคนต่างมีจุดเด่นคนละแบบ ฮาร์ดอเวย์ เก่งด้านการเล่นตัวต่อตัวกับจ่ายบอล จับคู่กับการบุกตะลุยของ ริชมอนด์ และการชู้ตอันแม่นยำของ มัลลิน ทำให้ วอร์ริเออร์ส กลายเป็นทีมที่อันตรายทีมหนึ่งของยุคนั้น และเป็นสุดยอด 3 ประสานของ วอร์ริเออร์ส ก่อนมาถึงยุค เคอร์รี-ธอมป์สัน-กรีน ซึ่งคาดว่าน่าจะตามรอยรุ่นพี่เข้า ฮอลล์ ออฟ เฟม หลังจบอาชีพแล้ว
ตำนาน Run TMC จบลงด้วยสถิติ ชนะ 81 แพ้ 83 รวม 2 ซีซัน ชนะเพลย์ออฟแค่ 1 ซีรีส์ และไม่เคยเฉียดรอบชิงชนะเลิศ NBA อย่างไรก็ตามพวกเขายังทรงอิทธิพลกระทั่ง วอร์ริเออร์ส คลอดชุดแข่งรำลึก 3 ประสานยุคบุกเบิกในฤดูกาล 2022-23 ซึ่งจะเริ่มแข่งขันเดือนตุลาคมนี้