ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล
|
30 ส.ค. 2565 เวลา 12:03 น.
บอร์ด สมอ. เห็นชอบบังคับใช้มาตรฐานยูโร 5 คุมมลพิษรถบรรทุก รถบัส รถกระบะ และรถยนต์เล็ก ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลและเบนซิน มีผล 1 มกราคม 2567 มุ่งแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และรักษาสิ่งแวดล้อม ตามนโยบายรัฐบาล
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) หรือบอร์ด สมอ. ประจำเดือนสิงหาคม 2565 ว่า บอร์ด สมอ. มีมติเห็นชอบให้ สมอ. ควบคุมรถบรรทุก รถบัส รถกระบะ และรถยนต์เล็ก ทุกรุ่นทุกคัน ต้องได้มาตรฐานยูโร 5 โดยจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เพื่อควบคุมปริมาณสารมลพิษที่ปล่อยออกมา ไม่ให้เกินเกณฑ์ที่เป็นอันตรายต่อประชาชน ตามนโยบายกระทรวงอุตสาหกรรม ที่ได้ขานรับนโยบายรัฐบาลในการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 และแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมของประเทศ
พร้อมทั้งกำชับให้ สมอ. เร่งรัดกำหนดมาตรฐานเพื่อควบคุมปริมาณสารมลพิษจากยานยนต์อย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันได้กำหนดมาตรฐานแล้วจำนวน 34 มาตรฐาน อาทิ รถยนต์ขนาดใหญ่และขนาดเล็กที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลและเบนซิน รถมอเตอร์ไซค์ การทดสอบสารมลพิษจากเครื่องยนต์ และมลพิษทางเสียงที่เกิดจากรถยนต์ตั้งแต่ 4 ล้อ ขึ้นไป เป็นต้น
นายบรรจง สุกรีฑา เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า มาตรฐานยูโร 5 นี้จะควบคุมปริมาณสารมลพิษที่ปล่อยออกมา ได้แก่ คาร์บอนมอนอกไซด์ ไฮโดรคาร์บอน ออกไซด์ของไนโตรเจน และปริมาณสารมลพิษอนุภาคหรือฝุ่นจากเครื่องยนต์ โดยมีระบบวินิจฉัยอุปกรณ์ควบคุมสารมลพิษ ซึ่งเป็นระบบที่จะแจ้งผู้ขับขี่ในกรณีที่อุปกรณ์ควบคุมสารมลพิษทำงานผิดปกติ รวมทั้งมีข้อกำหนดเรื่องความทนทานของอุปกรณ์ควบคุมมลพิษ เพื่อให้มั่นใจได้ว่ารถยนต์ที่ผ่านการใช้งานไประยะเวลาหนึ่งแล้ว ยังคงสามารถควบคุมมลพิษตามเกณฑ์ที่กำหนดในมาตรฐานได้
การบังคับใช้มาตรฐานดังกล่าว ถือเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ครั้งสำคัญของไทย ที่จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยสารมลพิษจากรถยนต์ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของฝุ่นละอองขนาดจิ๋วหรือ PM 2.5 ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนให้ลดน้อยลง นำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน โดยหลังจากนี้ สมอ. จะดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมาย เพื่อให้มาตรฐานดังกล่าวมีผลบังคับใช้ตามระยะเวลาที่กำหนดต่อไป
นอกจากนี้ บอร์ด สมอ. ยังได้เห็นชอบมาตรฐานเพิ่มเติมอีก 29 มาตรฐาน อาทิ เชื้อเพลิงชีวมวล ไม้สับ เชื้อเพลิงขยะ หลอดแอลอีดี ปิโตรเลียมและผลิตภัณฑ์จากปิโตรเลียม อุปกรณ์ตรวจจับกระแสเหลือกระแสตรงที่ใช้สำหรับการประจุยานยนต์ไฟฟ้า และระบบเตือนพายุฝนฟ้าคะนอง-การป้องกันฟ้าผ่า เป็นต้น