เผยแพร่: ปรับปรุง:
สำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา (ดีแคท) เซ็นลงนาม สมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ 5 ปี วางเป้าหมายร่วมกัน ต่อต้านการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬาทุกรูปแบบ นพ.มีชัย อินวู๊ด ผอ.ดีแคท ชี้ในบริบทวงการกีฬาโลกเวลานี้ มีการอัพเดทสารต้องห้ามตัวใหม่เรื่อยๆ ระบุการทำงานที่ใกล้ชิดกัน ช่วยป้องกันปัญหาที่เคยเกิดขึ้นในอดีตได้เป็นอย่างดี ด้านปรัชญา กีรตินันท์ ประมุขยกเหล็กไทย เผยการลงนามครั้งนี้ เป็นการแสดงให้เห็นว่าสมาคมบริสุทธิ์ใจและตั้งใจที่จะต่อการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬาทุกรูปแบบ
สำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา (DCAT) หรือ ดีแคท จับมือ สมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ ในด้านการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา ที่ห้องประชุมทรัพย์มณี โรงแรมทาวน์อินทาวน์ เมื่อ 20 ก.ค. 65 โดยมี นายมีชัย อินวู๊ด ผู้อำนวยการสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา และ นายปรัชญา กีรนันท์ นายกสมาคมกีฬายกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งประเทศไทย ร่วมจรดปากกาลงนามในความร่วมมือระหว่างทั้งสองฝ่าย
สำหรับวัตถุประสงค์ของการร่วมลงนามในครั้งนี้ เพื่อเป็นการป้องกันการใช้สารต้องห้ามในนักกีฬา โดยยังเป็นการส่งเสริม สนับสนุน เผยแพร่ข่าวสาร ความรู้ด้านวิชาการสารต้องห้ามทางการกีฬาระหว่างกัน รวมไปถึงส่งเสริม สนับสนุน ในการตรวจสอบสารต้องห้ามทางการกีฬาของสมาคม และยังเป็นการพัฒนาความรู้ของบุคลากรและนักกีฬาในสังกัดสมาคม เรื่องการควบคุมสารต้องห้าม การใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา
นายแพทย์ มีชัย อินวู๊ด ผอ.สนง.ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา เผยว่า อย่างที่ทราบกันก่อนหน้านี้ว่า สมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ตกเป็นจำเลยในเรื่องสารต้องห้ามทางการกีฬามาก่อน ทว่าเวลานี้สมาคมและสำนักงานร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆไปได้แล้ว อย่างไรก็ตามในระยะเวลาหลังจากนี้ ดีแคทและสมาคม ยังมีงานที่ต้องทำร่วมกันอีกมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะกฎ กติกา และมารยาท ซับซ้อนขึ้น เราจึงตัดสินใจลงนามความร่วมมือครั้งนี้ เพื่อการทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดต่อไป
“การลงนามฉบับนี้ ก็จะเป็นความร่วมมือในเรื่องที่สำนักงานจะต้องไปตรวจสอบสารต้องห้าม ให้ความรู้นักกีฬา ส่วนสมาคมจะต้องกำกับดูแลนักกีฬา สโมสร และผู้ฝึกสอน ซึ่งในตัวของข้อมูลเรื่องสารต้องห้ามในวงการกีฬาโลกเวลานี้ มีอัพเดทอยู่เรื่อยๆและเปลี่ยนบ่อยมาก ดังนั้นหากเราไม่ทำงานใกล้ชิดกัน ก็อาจจะเกิดปัญหา นักกีฬาและสมาคมอาจจะปรับตัวไม่ทัน ซึ่งข้อดีของการลงนามในครั้งนี้ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงตรงนั้นไป และเอกสารต่างๆ ทั้งแบบภาษาไทยและอังกฤษก็จะสามารถตรวจสอบและเข้าถึงได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น จากการที่เป็นระบบมากขึ้น ซึ่งก็จะเป็นผลประโยชน์ต่อตัวนักกีฬา สมาคม และวงการกีฬาไทยด้วย”
“เราจะพยายามเน้นให้ความรู้มากๆ เพราะในสังคมโลกตอนนี้ เป็นที่ประจักษ์แล้วจะช่วยในเรื่องของสารต้องห้ามมากกว่าติดตามลงไปตรวจ เพราะว่าจำนวนตัวอย่างที่จะเก็บเกินความสามารถกว่าทุกประเทศในโลก ดังนั้นหากจะตรวจให้ได้ผลจริงๆ ต้องตรวจนักกีฬาทุกคน ซึ่งเป็นไปไม่ได้ เพราะต้องใช้งบประมาณมหาศาลมาก ในทางกลับกัน หากเราให้ความรู้ที่ถูกต้องว่า ไม่ต้องใช้สารต้องห้าม นักกีฬาก็สามารถเก่งได้ ตรงนี้ก็จะเป็นผลดีกับตัวนักกีฬาและวงการกีฬาที่ชัดเจนมากขึ้น โดยสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในความหวังเหรียญรางวัลของประเทศไทยและประสบปัญหามาก่อน ก็จะเป็นการนำร่องความร่วมระหว่างดีแคทกับสมาคมกีฬาแห่งประเทศไทยด้วย” นพ.มีชัย กล่าว
ด้านนายปรัชญา กีรตินันท์ นายกสมาคมกีฬายกน้ำหนักฯ เผยว่า การลงนามความร่วมมือกับทางดีแคท นอกจากจะเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับสมาคมกีฬายกน้ำหนักแล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงความจริงใจ ความตั้งใจในการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬาทุกรูปแบบไม่ให้เกิดขึ้นในวงการกีฬายกน้ำหนักไทย โดยสำนักงานควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬา ก็จะเข้ามาร่วมมือทั้งการให้ความรู้แก่นักกีฬา เจ้าหน้าที่ สโมสรต่างๆ รวมถึงจัดประมวลผลติดตามผลการให้ความรู้ และให้คำปรึกษา เพื่อหาแนวทางร่วมในการต่อต้านการใช้สารต้องห้ามอย่างใกล้ชิด ในห้วงระยะเวลาของสัญญายาว 5 ปี