เผยแพร่: ปรับปรุง:
คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
ท่ามกลางการแข่งขันแย่งชิงพื้นที่เพลย์ออฟ และ เพลย์-อิน ทัวร์นาเมนต์ อันดุเดือด วงการบาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) พบกับความสูญเสียครั้งหนึ่ง จีน ชู หรือชื่อเต็มว่า “ยูจีน วิลเลียม ชู” ผู้เล่นและโค้ชระดับยอดฝีมือ เสียชีวิตด้วยวัย 90 ปี เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2022 ที่บ้าน ย่านมารินา เดล เรย์ โดยสาเหตุคาดว่าเกิดจากอาการป่วยเป็นโรคมะเร็งผิวหนังเมลาโนมา (แต่เพจของลีกเพิ่งลงข่าว วันจันทร์ที่ 4 เม.ย.)
ชื่อเสียงและตำนานของ ชู อาจไม่ได้ติดหูแฟนๆ กีฬายัดห่วงสักเท่าไร เพราะช่วงพีกค่อนข้างสั้น, อยู่ในยุคที่ภาพการแข่งขัน NBA ยังเป็นสีขาว-ดำ ซึ่งสมัยนั้นอาจจะไม่มีใครเกิดทัน รวมถึงตัวผมด้วย, ไม่ได้เป็นผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ขนาดพาทีมกวาดแชมป์ หรือคว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) หลายสมัย และห่างหายจากวงการมานานราว 30 ปี นับตั้งแต่อำลาเก้าอี้ผู้จัดการทั่วไป ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส
ชู เล่นตำแหน่ง การ์ดจ่าย ส่วนสูง 6 ฟุต 2 นิ้ว (ประมาณ 188เซนติเมตร) หนัก 170ปอนด์ (70 กิโลกรัม)เริ่มต้นอาชีพระดับ NBA ถูก ฟิลาเดลเฟีย วอร์ริเออร์ส ดราฟต์อันดับ 3 เมื่อปี 1954 ลงเล่นแค่ 6 เกม แล้วถูกเทรดไป นิว ยอร์ก นิกส์ ตามด้วย ฟอร์ต เวย์น พิสตันส์ ปี 1956 ก่อนโด่งดังสมัย พิสตันส์ ย้ายแฟรนไชส์มาอยู่เมืองดีทรอยต์ ในยุค เฟร็ด ซอลล์เนอร์ เจ้าของทีม (ฤดูกาล 1957-58) จนติด ออล-สตาร์ 5 สมัยติดต่อกัน เมื่อปี 1958-1962
ช่วงพีกสุดของเขาตรงกับ ฤดูกาล 1959-60 สกอร์เฉลี่ยสูงสุดของอาชีพ 22.8 แต้ม และฤดูกาล 1960-61 เฉลี่ย 22.6 แต้ม 6.8 แอสซิสต์ เข้าเพลย์ออฟตลอด 5 ซีซัน ที่ดีทรอยต์ ถึงแม้สถิติแพ้มากกว่าชนะ และเข้ารอบชิงชนะเลิศ 2 สมัย ปี 1958 กับ 1962 แพ้ แอตแลนตา ฮอว์กส กับ แอลเอ เลเกอร์ส ตามลำดับ จากนั้น ชู ถูกเทรดกลับไป นิกส์ และปิดฉากอาชีพในฐานะผู้เล่น ที่บัลติมอร์ บุลเล็ตต์ส แฟรนไชส์ในบ้านเกิดของตัวเอง รัฐแมรีแลนด์ รวม 10 ซีซัน
ชู ผันตัวมาจับงานโค้ชอย่างรวดเร็ว คุม บุลเล็ตต์ส ปี 1966 ได้รับรางวัล โค้ช ออฟ เดอะ เยียร์ สมัยแรก สถิติชนะ 57 แพ้ 25 ฤดูกาล 1968-69 พาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ พ่าย มิลวอกี บัคส์ ยุค 2 ขุนพลระดับตำนาน คารีม อับดุล-จับบาร์ (ชื่อเดิม ลูว์ อัลซินเดอร์) กับ ออสการ์ โรเบิร์ตสัน เมื่อปี 1971 ตลอดระยะเวลา 7 ปี ที่บัลติมอร์ เขาเป็นเจ้าของสถิติแฟรนไชส์ โค้ชชนะมากสุด 522 เกม และชนะอย่างน้อย 50 เกม 3 ซีซัน
ชู ลาออกจากตำแหน่ง ปี 1973 ย้ายมาคุม ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส พาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศ NBA ปี 1977 แพ้ ปอร์ตแลนด์ เทรล เบลเซอร์ส 2-4 เกม กระทั่งถูกปลด ปี 1978 ก่อนรับงานคุม ซาน ดีเอโก คลิปเปอร์ส แล้วกลับมาคุม บุลเล็ตต์ส ครั้งที่ 2 ปี 1980 เข้าเพลย์ออฟ 3 สมัย คว้ารางวัล โค้ชยอดเยี่ยม สมัย 2 ปี 1982 สถิติชนะ 43 แพ้ 39 ก่อนโดนปลด เดือนมีนาคม 1986 และยุติอาชีพโค้ชกับ แอลเอ คลิปเปอร์ส ปี 1989 ก่อนมาถึงไฮไลท์สำคัญครั้งหนึ่งของเขา สมัยทำหน้าที่ผู้จัดการทั่วไป ซิกเซอร์ส กรณีเกาเหลากับ ชาร์ลส บาร์กลีย์
ฤดูกาล 1991-92 ฟิลาเดลเฟีย กำลังจะชวดเพลย์ออฟครั้งที่ 2 รอบ 17 ซีซัน บาร์กลีย์ ตำหนิ ชู ผู้จัดการทั่วไป (GM) ไม่ได้ทำอะไรเพื่อสร้างทีมให้แข็งแกร่ง, เป็นเพียงตัวตลกคนหนึ่ง และมีความทะเยอทะยานเพียงอย่างเดียว คือ รับใช้ ฮาโรลด์ แคตซ์ เจ้าของทีม ณ เวลานั้น
ถัดมาพอ บาร์กลีย์ ถูกสอบถามเกี่ยวกับความเห็นของผู้บริหาร ซิกเซอร์ส คนหนึ่งไม่ประสงค์ออกนาม ถึงสาเหตุที่ผลงานของแฟรนไชส์ตกต่ำจากเดิม ชนะ 53 เกม เหลือ 33 เกม ระบุว่า “บาร์ลีย์ จริงจังเฉพาะเกมบุก และไม่ได้เล่นเพื่อชัยชนะ” จึงตอบโต้ด้วยความหัวร้อน และมุ่งเป้าโดยตรงไปที่ ชู “เขาเป็นแค่หุ่นยนต์ตัวหนึ่ง ซึ่งทำอะไรตามคำสั่ง เขาไม่ได้ทำหน้าที่ของเขาเลย เขาเป็นแค่คนรับใช้”
บทสรุปของความขัดแย้ง ปรากฏว่า เซเวนตีซิกเซอร์ส เทรด บาร์กลีย์ ไป ฟีนิกซ์ ซันส์ แลก 3 ผู้เล่นอย่าง เจฟฟ์ ฮอร์นาเช็ก, ทิม เพอร์รี และ แอนดรูว์ แลง กลายเป็นสำคัญพาทีมเข้ารอบชิงชนะเลิศ NBA ปี 1993 แพ้ ชิคาโก บูลล์ส 2-4 เกม ส่วน ชู ออกจากตำแหน่งผู้จัดการทั่วไป ในปีเดียวกัน