รีวิว Fitbit Charge 5 นาฬิกาอัจฉริยะขนาดเล็กแต่สเปคไม่ธรรมดาเลยครับ อัดแน่นมาให้แบบครบทุกฟีเจอร์ที่สายรักสุขภาพจะต้องหลงรักแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่เล็กและเบาสุดๆ มีโหมดออกกำลังกายถึง 20 โหมด รวมถึงแบตเตอรี่ที่อึดสุดถึง 7 วัน โดยฟีเจอร์ทั้งหมดจะมีอะไรบ้าง ทีมงาน iphone-droid.net จะมาพาชมกันแบบจัดเต็มเลยครับ
สเปค Fitbit Charge 5
- ขนาดตัวเครื่อง : 36.7 x 22.7 x 11.2 มม. (รวมสาย)
- น้ำหนัก : 28 กรัม (รวมสาย)
- หน้าจอแสดงผล AMOLED ขนาด 1.04 นิ้ว, 326 PPI และความสว่างสูงสุด 450 นิต
- ระบบเซ็นเซอร์
- ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดการเร่งความเร็ว 3-axis acceleration Sensor
- ระบบเซ็นเซอร์ตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ
- ระบบวัดค่าออกซิเจนในเลือด
- ระบบการเชื่อมต่อ Bluetooth 4.0 และ NFC
- รองรับระบบปฏิบัติการ Android 8.0 หรือ iOS 12.2 ขึ้นไป
- กันน้ำมาตรฐาน 5ATM (ลึกสุด 50 เมตร)
- แบตเตอรี่ใช้งานได้นานสูงสุด 7 วัน
อุปกรณ์ภายในกล่อง
- ตัวเรือน Fitbit Charge 5
- สายชาร์จ
- สายรัดข้อมือขนาด S และ L
- คู่มือการใช้งานเบื้องต้น
ดีไซน์มินิมอลแต่สุดพรีเมี่ยม
ในเรื่องของ Fitbit Charge 5 ทำออกมาได้ถูกใจมากๆ ครับ ด้วยขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ทำให้เวลาใส่ไปนานๆ แล้วจะไม่รู้สึกว่าหนักข้อมือหรือเมื่อยแต่อย่างใด และด้วยสายรักข้อมือที่แถมมาให้ 2 ขนาด ทำให้ทั้งผู้หญิงหรือผู้ชายใส่ได้สบายๆ แน่นอน
ทั้งนี้ ตัวเรือนของ Fitbit Charge 5 ยังใช้วัสดุอลูมิเนียมทำให้มีน้ำหนักเบาและทนทานมากขึ้น ซึ่งการเกิดรอยขีดข่วน อย่างรอยขนแมวก็แทบไม่มีให้เห็นเลยครับ
การออกแบบของนาฬิการุ่นนี้ยังมาพร้อมความสามารถในการป้องกันน้ำ 5ATM หรือกันน้ำได้ลึกสูงสุดถึง 50 เมตร จะใช้ในสถานการณ์ไหนก็สบายหายห่วง แถมยังมีโหมด Water Lock เพื่อป้องกันการสัมผัสโดนหน้าจอในช่วงที่ต้องใช้ในน้ำหรือตอนฝนตกครับ จะได้ไม่กดลั่นโดนไม่ได้ตั้งใจ
หน้าจอเล็กแต่คมชัดสุดด้วยจอแบบ AMOLED
แม้ว่า Fitbit Charge 5 หน้าจอขนาดเล็ก แต่ก็คมชัดมากๆ ด้วยพาเนล AMOLED ขนาด 1.04 นิ้ว ซึ่งมีความสว่างมากกว่ารุ่นเดิมถึง 2 เท่า เวลาใช้กลางแจ้งก็มองเห็นได้ชัดเจนแน่นอนครับ ส่วนเรื่องการสัมผัสหน้าจอก็ตอบสนองได้ไวและดูไหลลื่นมากๆ
ที่สำคัญฟีเจอร์ที่ชอบมากๆ เลยคือการรองรับ Always on Display ที่ให้เราได้ดูเวลาได้อย่างรวดเร็วโดยไม่จำเป็นต้องยกข้อมือขึ้นมาดูครับ แต่การเปิดฟีเจอร์นี้ก็อาจกินแบตเตอรี่มากกว่าปกตินะ
ที่รอบตัวเรือนด้านหน้าก็แน่นอนว่าด้านหน้าต้องเป็นหน้าจอแสดงผลครับ
ด้านหลังจะมีส่วนที่เป็นเซ็นเซอร์วัดค่าต่างๆ อยู่ตรงกลาง พร้อมด้วยแถบแม่เหล็กสำหรับติดกับแท่นชาร์จที่อยู่ถัดลงมาครับ
ทั้งนี้ ที่ด้านบนและล่างของส่วนหลังตัวเครื่อง เราสามารถดันออกมาเพื่อเปลี่ยนสายรัดได้ด้วยแบบง่ายๆ เลย
การเชื่อมต่อ
แน่นอนว่าเราต้องทำการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนเพื่อเริ่มใช้งานครับ โดย Fitbit Charge 5 รองรับการใช้งานสมาร์ทโฟนที่รันบน Android 8.0 หรือ iOS 12.2 ขึ้นไปเท่านั้นครับ โดยสามารถโหลดแอป Fitbit ที่มีทั้งบน Google Play Store และ App Store เพิ่มเริ่มใช้งานได้เลย
หน้าปัดมีให้เลือกเพียบ!
หน้าปัดเริ่มต้นของ Fitbit Charge 5 มีรูปแบบที่บอกสถานะต่างๆ ครบถ้วนเลยครับ โดยเห็นนาฬิาแบบชัดเจนทางด้านขวา และมีค่า Zone Mins บอกที่ด้านล่าง ซึ่งจริงๆ เราสามารถแตะที่สถานะด้านล่างเพื่อเปลี่ยนเป็นอัตราการเต้นของหัวใจ, จำนวนก้าวการเดิน และการเผาผลาญแคลเลอรี่ได้ด้วย ซึ่งจำนวนยิ่งมากเท่าไหร่หรือใกล้เป้าหมายเท่าไหร่ก็จะมีการแสดงบนแถบที่อยู่ด้านซ้ายครับ
ทั้งนี้ หากใครที่อยากได้หน้าปัดใหม่ๆ ก็เข้าไปเลือกได้ที่แอป Fitbit ที่มีให้เลือกกันเพียบเลยครับ
แจ้งเตือนไว ไม่ต้องเปิดสมาร์ทโฟนดูก็ได้
เมื่อเราเชื่อมต่อ Fitbit Charge 5 กับสมาร์ทโฟนแล้ว เราก็ตั้งค่าได้ว่าจะให้แอปไหนบนสมาร์ทโฟนสามารถแจ้งเตือนบนตัวเรือนได้ครับ อย่างเราเปิดให้ LINE แจ้งเตือนได้ ระบบจะแจ้งเตือนพร้อมกับบนสมาร์ทโฟนเลยครับ ถือว่าตอบสนองได้เร็วมากๆ แต่ภาษาเหมือนจะยังไม่รองรับภาษาไทยในตอนนี้ครับ
วัดอัตราการเต้นของหัวใจ
มาลองดูเรื่องสุขภาพกันบ้างครับ แน่นอนว่าหลักๆ จะต้องสามารถวัดอัตราการเต้นของหัวใจได้ด้วย มีความแม่นยำและทำได้ตลอด 24 ชั่วโมงแบบเรียลไทม์
อัตราการเต้นของหัวใจจะบอกทั้งช่วงการเต้นเวลาปกติ และการเต้นขณะพักด้วยครับ ถือว่าอันนี้ดีมากเพื่อให้เราได้สังเกตตัวเองว่ามีความผิดปกติอะไรด้วยหรือไม่
ทั้งนี้ ก็ยังมีการแจ้งเตือนเมื่ออัตราการเต้นสูงหรือต่ำเกินไปอีกด้วย โดยค่าเริ่มต้นจะอยู่ที่มากกว่า 120bpm และน้อยกว่า 46bpm แต่เราก็สามารถตั้งค่าใหม่ได้เองเพียงกดที่ Custom ครับ
ออกกำลังกายได้ถึง 20 โหมด
ในตัวเรือนของ Fitbit Charge 5 เราสามารถใช้โหมดออกกำลังกายได้ทันที 6 โหมดเลยครับ เช่น วิ่ง, เดิน, ปั่นจักรยาน, ว่ายน้ำ, ยกน้ำหนัก และวิ่งบนลู่วิ่ง ซึ่งยังมีอีก 14 ชนิดกีฬาให้เราสับเปลี่ยนได้ผ่านแอป Fitbit เลยครับ ใครที่เล่นกีฬาไหนบ่อยๆ ก็เข้าไปปรับเปลี่ยนกันได้
สำหรับใครที่เน้นวิ่ง, เดิน, ปั่นจักรยาน หรือกีฬาที่ต้องวัดระยะทาง Fitbit Charge 5 จะมีระบบตำแหน่ง GPS ในตัวเพื่อวัดระยะได้อย่างแม่นยำมากๆ ครับ ทำให้เราไม่จำเป็นต้องพกสมาร์ทโฟนไปด้วยตลอดการออกำลังกาย
EDA Scan ตัวช่วยขจัดความเครียดในร่างกาย
ความพิเศษที่ไม่เหมือนใครของ Fitbit Charge 5 คือฟีเจอร์ EDA ที่เป็นเสมือนผู้ช่วยเพื่อให้เราได้ผ่อนคลายและพักหายใจสักครู่ครับ โดยการใช้งานเราต้องใช้มืออีกข้างจับที่ข้างตัวเรือนเอาไว้ด้วยเป็นเวลา 3 นาที (จุดนี้ดีมากเมื่อให้เราไม่มีมือไปทำอย่างอื่นในเวลาที่กำหนดครับ ถือว่าได้พักจริงๆ เลยล่ะ) จากนั้นเมื่อครบกำหนดแล้วก็จะมีถามเราว่ารู้สึกอย่างไรบ้างในตอนนี้ เช่น รู้สึกสบาย, เฉยๆ หรือเครียดอยู่ เพื่อบันทึกเป็นข้อมูลเอาไว้ครับ
วัดคุณภาพการนอนหลับได้
สำหรับฟีเจอร์การวัดคุณภาพการนอนหลับใน Fitbit Charge 5 ก็ทำได้เช่นกันครับ โดยให้เราใส่นอนไปพร้อมกันได้เลยครับ และแนะนำว่าให้เปิด Sleep Mode เพื่อปิดแสงหน้าจอและปิดแจ้งเตือนเอาไว้ไม่ให้มารบกวนตอนนอนหลับ
เมื่อตื่นมาระบบก็จะบอกคะแนนการนอนหลับของเรา (เต็ม 100 คะแนน) ครับ โดยมีรายละเอียดต่างบอก ได้แก่ เวลาที่นอนหลับ (เวลาบอกค่อนข้างแม่นมากๆ) และสถานะการนอนหลับช่วงต่างๆ แบ่งเป็นกี่ชั่วโมง/นาที ตั้งแต่การตื่นระหว่างหลับ, หลับลึก, REM (หลับฝัน) และหลับตื้น
ทั้งนี้การใส่ระหว่างนอนหลับยังวัดค่าออกซิเจนในเลือด (SpO2) ไปในตัวด้วย และจะสรุปมาให้เราตอนตื่นนอน ซึ่งค่านี้ควรจะมากกว่า 95% ขึ้นไปครับ
Health Metrics รวมการวัดสุขภาพไว้ที่เดียว
หนึ่งในฟีเจอร์ที่ชอบมากๆ อย่างหนึ่งของ Fitbit Charge 5 คือการมีตาราง Health Metrics ที่จะเป็นกราฟบอกถึงระดับของสุขภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอัตราการหายใจต่อนาที, อัตราการผันแปรของการเต้นของหัวใจ (HRV), SpO2, อัตราการเต้นของหัวใจขณะพัก (RHR) และอุณหภูมิผิวหนัง (ต้องใส่นอนอย่างน้อย 3 วัน)
ใช้ฟีเจอร์ได้มากขึ้นด้วย Fitbit Premium
สำหรับผู้ใช้งาน Fitbit Charge 5 จะได้รับ Fitbit Premium ฟรีเป็นระยะนานถึง 6 เดือนด้วยกัน ซึ่งจะได้รับเนื้อหาด้านการออกกำลังกายหรือเทรนเนอร์สุดพิเศษกว่า 200 แบบได้เลยครับ โดยหนึ่งในฟีเจอร์หลักๆ เราจะได้ออกกำลังกายแบบ Les Mills 25 รายการภายในแอป Fitbit เพื่อกระตุ้นการทำงานของหัวใจได้มากขึ้น ทั้งนี้ ยังได้ฟีเจอร์ Daily Readiness Score ที่เป็นการกำหนดและไปให้ถึงเป้าหมายที่เรากำหนดไว้บน Active Zone Minute (AZM) เป็นรายวันได้
ทั้งนี้ Fitbit Premium ยังมีหลักสูตร StrongWill โปรแกรมการออกกำลังกายเรียกเหงื่อได้เป็นอย่างดีถึง 6 รูปแบบ ซึ่งเราจะได้เพิ่มความสนุกไปกับทีมงานของวิลล์สมิธอีกด้วยครับ
แบตเตอรี่อึด ใช้งานนานสุดถึง 7 วัน
แม้ตัวเรือมาในขนาดที่เล็กมากๆ แต่เรื่องแบตเตอรี่ต้องยอมจริงๆ ครับ เพราะ Fitbit Charge 5 ใช้งานได้นานมากที่สุด 7 วันด้วยกัน แต่หากใครใช้ฟีเจอร์ Always-On Display เกือบตลอดวัน และเปิดแสงหน้าจอสุดก็อาจกินแบตเพิ่มขึ้นมาพอสมควรครับ ซึ่งอาจอยู่ 3-4 วันต่อการชาร์จ 1 ครั้ง
ส่วนการชาร์จก็ชาร์จจาก 0% – 100% จะใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครับ
สรุปการใช้งาน
จากที่ได้ลองใช้งานมาเกือบๆ 1 สัปดาห์ Fitbit Charge 5 เป็น SmartBand ที่ส่วนตัวชอบมากทั้งการดีไซน์ที่ใส่แล้วยังคงเคลื่อนไหวได้คล่องตัวครับ เพราะได้ทั้งขนาดที่เล็กและน้ำหนักที่เบาสุดๆ โดยฟีเจอร์ที่ให้มาก็ถือว่าครบถ้วนพอสมควรตั้งแต่การวัดค่าต่างๆ ในร่างกายรวมถึงโหมดการออกกำลังกายครับ แต่ก็แอบขัดใจเล็กๆ ตรงที่จำกัดโหมดออกกำลังกายในตัวเรือนที่ 6 ชนิดกีฬาเท่านั้น อย่างไรก็ตาม Fitbit Charge 5 ก็เป็นหนึ่งในรุ่นที่ถูกใจและเหมาะสำหรับคนที่รักสุขภาพและรักการออกกำลังกายเป็นประจำแน่นอนครับ
ราคาอย่างเป็นทางการ
Fitbit Charge 5 วางจำหน่ายในราคา 7,690 บาท สามารถสั่งซื้อได้แล้วผ่านทางเว็บไซต์ Fitbit.com โดยผู้ที่ซื้อจะได้รับสิทธิเป็นสมาชิก Fitbit Premium ฟรีเป็นเวลา 6 เดือน