ทางรอดเดียวที่รัฐบาลของเราพอจะคิดออก ก็คือทำอย่างไร? ให้พี่น้องประชาชนใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าไวรัสมหาภัยนี้ไปได้ โดยให้กระทบกับสภาวะเศรษฐกิจตกสะเก็ดน้อยที่สุด
หลังการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ หลายชนิดกีฬาเริ่มเดินหน้าลุยกิจกรรมของตัวเองอย่างเต็มสูบ โดยเฉพาะการเป็นเจ้าภาพจัดกีฬาระดับนานาชาติ เพื่อเรียกความเชื่อมั่นจากต่างประเทศให้คืนกลับมาโดยไว
โดยในส่วนของ “สมาคมกีฬาสูงอายุไทย” ซึ่งจะเป็นโต้โผจัดมหกรรมกีฬา “ไทยแลนด์ โอเพ่น มาสเตอร์เกมส์ ครั้งที่ 2” ในช่วงต้นปีหน้า ก็ได้เริ่มทำงานเชิงรุกของตัวเองทันที
ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันไทยแลนด์ โอเพ่น มาสเตอร์เกมส์ ที่นำโดย “บิ๊กตูน” นายณัฐวุฒิ เรืองเวส ประธานจัดฯ และเลขาธิการสมาคมกีฬาสูงอายุไทย นายวิวัฒน์ วิกรานตโนรส พร้อมด้วย นายอรรถ นานา, นายศุกรีย์ สุภาวรีกุล อุปนายกสมาคม และ น.ส.จันทร พิมพ์สกุล คณะกรรมการจัดการแข่งขัน
ได้ยกพลล่องใต้ โดยมีจุดหมายอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดสงขลา และอำเภอหาดใหญ่ ที่ถูกวางให้เป็นเจ้าภาพมาสเตอร์เกมส์หนนี้ เป็นที่แน่นอนแล้ว
หลังจากที่ผ่านมามีการเล็งสถานที่จัดไว้ในหลายๆแห่งในภาคใต้ อาทิ เกาะสมุย, ภูเก็ต, พังงา เพื่อให้สอดคล้องกับโครงการ “แซนด์บ็อกซ์” ของทางรัฐบาล
แต่ในเมื่อบ้านเรามีการโอเพ่นเปิดประเทศกันอย่างเต็มสตีมแล้ว “จังหวัดสงขลา” จึงกลายมาเป็นตัวเลือกระดับ “เกรด A” บวกๆ ที่หลายคนต้องการมาเยือน เพราะมีปัจจัยแวดล้อมทุกอย่างที่ครบเครื่องต้มยำกันจริงๆ
ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่บทสรุปสุดท้ายของการเลือกจังหวัดเจ้าภาพจัด “ไทยแลนด์ โอเพ่น มาสเตอร์เกมส์ ครั้งที่ 2” ระหว่างวันที่ 8-16 มกราคม 2565
จะมาลงล็อกลงตัวเอาที่สงขลา และหาดใหญ่ ซึ่งเป็น “แลนด์มาร์ก” จุดศูนย์รวมการท่องเที่ยว เศรษฐกิจ กีฬา และทุกสิ่งทุกอย่างของเศรษฐกิจทางภาคใต้ รวมไปถึงชายแดนไทย-มาเลเซีย อย่างครบวงจร
โดยการไปเยือนในคราวนี้ ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้มีโอกาสหารือถึงการเตรียมความพร้อมด้านต่างๆ กับท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายเจษฎา จิตรัตน์ กับ นายไพเจน มากสุวรรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา โดยตรง
รวมไปถึงได้พูดคุยการเป็นเจ้าภาพกับทาง นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี อย่างละเอียดด้วย
สรุปได้ว่าทางเจ้าบ้าน จังหวัดสงขลา และอำเภอหาดใหญ่ มีความพร้อมเกินร้อย สำหรับการต้อนรับนักกีฬาอาวุโสจากทั่วประเทศ รวมไปถึงนักกีฬาจากต่างชาติที่จะมาเยือนประเทศไทยในช่วงหลังปีใหม่
การชิงชัยทั้งหมด 14 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย กรีฑา, แบดมินตัน, บาสเกตบอล, เพาะกายและฟิตเนส, ลีลาศ, ฟุตบอล, เกทบอล, กอล์ฟ, เปตอง, เซปักตะกร้อ, ว่ายน้ำ, เทเบิลเทนนิส, เทนนิส และวูดบอล ที่จะเกิดขึ้น ในทุกสังเวียนแข่งขัน
ถูกจัดเตรียมไว้แล้วอย่างพร้อมสรรพไร้ปัญหา
เพราะที่นี่ผ่านประสบการณ์เป็นเจ้าภาพกีฬาน้อยใหญ่ตั้งแต่กีฬาแห่งชาติจนถึงกีฬาระดับอินเตอร์มาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน
ที่สำคัญ “สงขลา” ยังเป็นเมืองหนึ่ง ที่ถูกยกให้เป็นแคนดิเดตที่มีศักยภาพในการจัด “กีฬาซีเกมส์” ในอนาคตอีกต่างหาก
จึงไม่ต้องแปลกใจว่าการเปิดประเทศฉลองศักราชใหม่ในเดือนมกราคมนี้ ถนนทุกสายจะมุ่งลงปักษ์ใต้
“Welcome to ไทยแลนด์ & Welcome to สงขลา” ยินดีต้อนรับอาคันตุกะ…ทุกท่าน
ด้วยความยินดียิ่ง!!!
บี บางปะกง