ทัพนักกีฬาจากประเทศสหรัฐอเมริกาแสดงศักยภาพอันยิ่งใหญ่อีกครั้งหลังกระชาก 3 เหรียญทองวันสุดท้ายของการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ ครั้งที่ 31 “โตเกียวเกมส์ 2020” จาก 3 ชนิดกีฬาอันประกอบด้วย บาสเกตบอลหญิง, จักรยานประเภทแทรค รายการนับคะแนนรวมหญิง และวอลเลย์บอลหญิง ส่งผลให้ขยับอันดับในตารางเหรียญรางวัลแซงประเทศจีนที่เป็นผู้นำอยู่หัวตารางมายาวนานถึง 9 วัน ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 ก.ค.64 ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แทนด้วยจำนวน 39 เหรียญทอง 41 เหรียญเงิน และ 33 เหรียญทองแดง ซึ่งเป็นการคว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทองเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกันของสหรัฐ อเมริกา
โดยทีมชาติจีนหยุดการคว้าเหรียญทองเพิ่มมาตั้งแต่เมื่อวันที่ 7 ส.ค.64 โดยจบโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ที่อันดับ 2 หลังคว้าไปทั้งสิ้น 38 เหรียญทอง 32 เหรียญเงิน และ 18 เหรียญทองแดง อันดับ 3 ได้แก่ ญี่ปุ่น คว้าไป 27 เหรียญทอง 14 เหรียญเงิน และ 17 เหรียญทองแดง อันดับ 4 ได้แก่ สห ราชอาณาจักร คว้าไป 22 เหรียญทอง 21 เหรียญเงิน และ 22 เหรียญทองแดง อันดับ 5 ได้แก่ อาร์โอซี คว้าไป 20 เหรียญทอง 28 เหรียญเงิน และ 23 เหรียญทองแดง
ขณะที่ประเทศไทยจบที่อันดับ 59 จากผลงาน 1 เหรียญทองของ “เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ กีฬาเทควันโด กับ 1 เหรียญทองแดงของ “แต้ว” สุดาพร สีสอนดี กีฬามวยสากล โดยเป็นการได้อันดับที่ 3 หากนับเฉพาะประเทศในภูมิภาคอาเซียน เป็นรอง ฟิลิปปินส์ ที่จบอันดับที่ 50 หลังคว้าไป 1 เหรียญทอง 2 เหรียญเงิน และ 1 เหรียญทองแดง กับ อินโดนีเซีย ที่จบอันดับที่ 55 หลังคว้าไป 1 เหรียญทอง 1 เหรียญเงิน และ 3 เหรียญทองแดง
สำหรับการแซงหน้าจีนขึ้นคว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทองในการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์วันสุดท้ายของอเมริกาครั้งนี้ส่งผลให้ประเทศสหรัฐอเมริกาครองตำแหน่งเจ้าเหรียญทองโอลิมปิกเกมส์เป็นสมัยที่ 18 ซึ่งมากที่สุดตลอดกาลของประวัติศาสตร์โอลิมปิกเกมส์ที่จัดมาทั้งสิ้น 31 ครั้งด้วยกัน ส่วนอันดับ 2 ตลอดกาลได้แก่ สหภาพโซเวียต (เดิม) ที่ครองเจ้าเหรียญทองได้ไป 6 สมัย ขณะที่อันดับ 3 ร่วมมีทั้งสิ้น 5 ชาติที่คว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทองได้ชาติละ 1 สมัย ได้แก่ ฝรั่งเศส, สหราชอาณาจักร, เยอรมัน, ทีมยูนิฟีลด์ (ทีมรวมเครือรัฐเอกราช ) และ จีน