‘เอไอเอส’จัดหนักยิงสด ‘โอลิมปิกเกมส์’ ครบทุกกีฬา ชมเต็มอิ่ม 4,800 ชั่วโมง
นายปรัธนา ลีลพนัง หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านการตลาด กลุ่มลูกค้าทั่วไป บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส หรือเอไอเอส เป็นประธานในการแถลงข่าว “เชียรไทย ส่งใจสู่ โตเกียว โอลิมปิกเกมส์ 2020” ผ่านทางระบบวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม
นายปรัธนากล่าวว่า เอไอเอสนั้นเป็นผู้ได้รับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดกีฬาโอลิมปิกเกมส์ผ่านทางแพลตฟอร์มอินเตอร์เน็ตรายเดียวในประเทศไทย ซึ่งจะมีการถ่ายทอดสดทุกๆ ชนิดกีฬา กว่า 50 ชนิดกีฬา รวม 339 อีเวนต์ มากกว่า 4,800 ชั่วโมง ครอบคลุมทุกประเทศที่ลงแข่งขันและชนนิดกีฬา ในระบบฟูลเอชดี และยังรวมถึงนักกีฬาไทย 41 คน จาก 16 ชนิดกีฬาด้วยกัน รวมไปถึงพาราลิมปิกเกมส์ ที่จะแข่งขันกันต่อ ก็ได้มีการเตรียมงานต่อเนื่องไปแล้วด้วยเช่นกัน
ผู้บริหารเอไอเอส กล่าวต่อว่า ทางเอไอเอสนั้นเตรียมเอาไว้ทั้งหมด 16 ช่องรับชมด้วยกัน ผ่านทางแอพลิเคชั่นเอไอเอส เพลย์ ซึ่งสามารถเข้าชมได้ทั้งจากโทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์, เอไอเอสเพลย์บ็อกซ์, สมาร์ททีวี, แอปเปิ้ลทีวี โดยช่อง 1-3 จะเป็นการรวมนักกีฬาไทย พร้อมทั้งกูรูกว่า 30 คนมาร่วมกับพากย์และความรู้ในการแข่งขัน ส่วนช่อง 4-16 จะเป็นออริจินัล เอ็กซ์คลูซีฟ ให้รับชมหลากหลายประเภท ครอบคลุมทุกชนิดกีฬา จะเป็นเสียงจากระบบถ่ายทอดสดของญี่ปุ่น ไม่มีการพากย์ไทย ขณะที่การรีรันนั้นจะมีหลังจากจบการแข่งขันในแต่ละวันให้ได้รับชมกัน นอกจากนี้ทางเอไอเอสเองก็ได้ผลิตรายการเสริมขึ้นหลายรายการ และเริ่มออกอากาศไปบ้างแล้วผ่านทางเอไอเอสเพลย์
นายปรัธนากล่าวเสริมว่า เอไอเอสนั้นมีความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งการนำกีฬาระดับโลกมาสู่คนไทย อยากให้ร่วมเชียร์ไปพร้อมๆ กัน ไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นลูกค้าของเอไอเอสก็สามารถเข้ารับชมได้ ซึ่งเอไอเอสมีความเชื่อว่าเราสามารถสร้างเครือข่ายดิจิทัลความเร็วสูง ทั้งโทรศัพท์ หรือไฟเบอร์ เพื่อเข้าถึงประชาชนได้ ด้วยศักยภาพที่มีจะสร้างประโยชน์เรื่องนี้ รวมถึงมีความมั่นใจและพร้อมในทุกสถานการณ์ มั่นใจเครือข่ายว่ามีเพียงพอสำหรับการรับชมแบบไม่ติดขัด อย่างที่บอกว่าไม่มีใครไหนที่จะได้รับชมมากขนาดนี้ เป็นประโยชน์สำหรับแฟนกีฬาที่จะเข้าถึงการแข่งขันระดับโลกได้อย่างเต็มที่
นายปรัธนากล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับกระแสของผู้ชมวันนี้คงยังตอบไม่ได้ แต่ในตอนนี้ทั่วโลกกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ลำบาก หลายคนมีเรื่องต้องกังวลใจ เราพยายามให้การถ่ายทอดสดโอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่ง ที่จะนำเอาความตื่นเต้น การร่วมแรงร่วมใจ เป็นสิ่งดีๆ ที่จะเกิดขึ้นในช่วงนี้ ส่วนกระแสคงต้องดูสถานการณ์กันต่อไป
“ส่วนตัวแล้วมองว่าโอลิมปิกเกมส์มันสามารถสร้างแรงบันดาลใจหลายๆ แง่มุม ได้เห็นแรงบันดาลใจ ทีมเวิร์ก เห็นฮีโร่ในหลากหลายมิติ เป็นแรงใจสำคัญไม่ใช่แค่กับเยาวชนแต่ทุกเพศทุกวัยได้เลย” ผู้บริหารเอไอเอส กล่าวปิดท้าย
ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าจะมีอัดฉีดให้กับนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จหรือไม่นั้น นายปรัธนากล่าวว่า เรื่องนี้ขอสงวนไว้ก่อน ยังไม่สามารถตอบได้ในเวลานี้
ด้าน “เอ็ดดี้” นายวีรศักดิ์ นิลกลัด ผู้บรรยายกีฬาชื่อดัง กล่าวว่า ตนเองนั้นรับหน้าที่บรรยายกีฬาโอลิมปิกเกมส์มาตั้งแต่ปี 1992 ซึ่งไม่มีครั้งไหนที่ผู้ชมจะได้รับชมมากขนาดนี้ เพราะที่ผ่านมาชมผ่านทางฟรีทีวี มีการจำกัดเวลาบ้าง ได้ดูแค่นักกีฬาไทยบ้าง หรือกีฬามหาชน แต่ครั้งนี้เป็นโอกาสดี ได้ดูกันแบบถูกลิขสิทธิ์ และรับชมได้หลายช่องทาง เพราะนอกเหนือจากนักกีฬาไทยแล้ว กีฬาอื่นๆ อย่างกรีฑา หรือว่ายน้ำ, ฟุตบอล ล้วนแต่น่าดูทั้งสิ้น
ขณะที่ “เล็ก” ชนาธิป ซ้อนขำ อดีตเหรียญทองแดงเทควันโด โอลิมปิกเกมส์ 2012 กล่าวว่า โอลิมปิกเกมส์ครั้งนี้ถือว่าแตกต่างจากตอนที่ไปสิ้นเชิง ตอนที่ไปนั้นมีแต่สีสันเต็มไปหมด ทั้งสถานที่แข่งขัน หรือนักกีฬามากมาย ทำให้บรรยากาศมันน่าติดตาม แต่ครั้งนี้ทำไม่ได้ นักกีฬาก็ซ้อมยากขึ้น ไม่ใช่แค่ไทย แต่ทุกประเทศมีปัญหากันหมด ต้องโฟกัสกันมากกว่าการแข่งขัน เพราะถ้าติดโควิดจะถูกตัดออกจากการแข่งขันทันที ส่วนเทควันโดไทย “น้องเทนนิส” พานิภัค วงศ์พัฒนกิจ เป็นนักกีฬาเทควันโดคนแรกที่ได้ไปโอลิมปิกเกมส์ถึง 2 สมัย มีประสบการณ์สูง และเป็นมือ 1 ของรายการ มีความหวังจะคว้าเหรียญทองกลับมาให้ไทยได้
“การชมกีฬา หรือติดตามกีฬา มันจะสร้างแรงบันดาลใจ อย่างตนเองก็มีจุดเริ่มต้นมาจากการดูกีฬาก่อน มีไอดอล มีตัวอย่าง ทำให้จุดเริ่มต้นเล็กๆ กลายเป็นความฝัน ขับเคลื่อนว่าอยากไปแข่งขัน ซ้อมอย่างหนักจนเป็นตัวแทน การดูกีฬาตั้งแต่เด็กๆ ช่วยสร้างแรงบันดาลใจได้ ปลูกฝังกำลังใจได้ มีโอกาสเป็นไอดอลทุกคน ได้เห็นเทคนิค ได้เห็นสไตล์ของต่างประเทศ และเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญ” ชนาธิกล่าวปิดท้าย