มาจะกล่าวบทไปถึงมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติอย่างกีฬา ‘โอลิมปิก’
ทุกคนคงจะพอรู้ว่านี่คือการแข่งขันกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่จะจัดขึ้นในทุก 4 ปี และจะมีเหล่าสุดยอดนักกีฬาจากทั่วโลกเดินทางไปร่วมการแข่งขันอย่างมากมาย
แต่อยากรู้จริงๆ บ้างไหม ว่าตกลงแล้วการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกนั้นมีเรื่องราวความเป็นมาอย่างไร?
หากจะให้เล่าแบบยืดยาวก็เกรงจะยาวยืดเหมือนเทพปกรณัมอย่างอีเลียด เพราะความเป็นมาของมันนั้นยาวนานร่วม 3,000 ปี เดี๋ยวจะกลายเป็นเลกเชอร์วิชาประวัติศาสตร์ไป
ขออนุญาตรวบรัดเป็นประวัติแบบย่นย่อของโอลิมปิกให้รู้และเข้าใจพอสังเขป
ตามมาเลย เหล่าโอลิมเปียน (Olympian – นักกีฬาโอลิมปิก) ทั้งหลาย 🙂
บันทึกภาพเล่าเรื่องการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกโบราณ โดยตรงกลางภาพคือรูปปั้นมหาเทพซุส
จุดเริ่มต้นจากการฉลองให้ ‘ซุส’
“หัวใจของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกโบราณคือพิธีการเฉลิมฉลองในศาสนสถาน” พอล คริสเตเซน ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์กรีกโบราณอธิบายถึงจุดกำเนิดของกีฬาโอลิมปิก
“มันไม่ใช่แค่เรื่องของการแข่งกีฬา”
ที่ศาสตราจารย์คริสเตเซนกล่าวคือเรื่องจริง เพราะเดิมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกโบราณ (Ancient Olympics) หรือชื่อดั้งเดิมจริงๆ คือ โอลิมเปียด (Olympiads) นั้นไม่ได้เป็นมหกรรมการแข่งกีฬา หากแต่เป็นพิธีกรรมทางศาสนาในการเฉลิมฉลองให้แก่มหาเทพซุส ราชาแห่งเหล่าทวยเทพของกรีก โดยตามตำนานแล้วผู้ริเริ่มคือเฮราคลีสบุตรแห่งมหาเทพ
ตามบันทึกประวัติศาสตร์ที่มีการค้นพบหลักฐานจริงๆ การแข่งขันครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ 776 ปีก่อนคริสตกาล ณ หุบเขาโอลิมเปีย หากแต่เป็นที่ถกเถียงกันว่าอาจจะมีกิจกรรมนี้เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นแล้วแต่ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน แต่ที่แน่นอนคือจะจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี
ที่สำคัญคือพิธีกรรมเช่นนี้มิได้มีเพียงแค่ที่เมืองโอลิมเปียแค่แห่งเดียว ตามบันทึกในสมัยนั้นมีอย่างน้อยถึง 4 แห่งที่จัดมหกรรมแบบเดียวกัน นอกจากที่โอลิมเปียยังมี ไพเธียนเกมส์ ที่เมืองเดลฟี, เนเมียนเกมส์ ที่เมืองเนเมีย และอิสธ์เมียนเกมส์ ใกล้กับเมืองโครินธ์ ก่อนที่การแข่งขันแบบเดียวกันจะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระจายไปถึง 150 เมือง รวมถึงในเมืองไกลอย่างโรม, เนเปิลส์, โอดีสซีอุส, อันติออค และอเล็กซานเดรีย
แต่แน่นอนว่าไม่มีพิธีในเมืองใดจะเป็นที่นิยมมากเท่ากับที่โอลิมเปีย
ผู้ชนะจะได้รับรางวัลเป็นมงกุฎที่ทำจากกิ่งต้นมะกอกที่ตัดจากยอดเขาโอลิมปัส
โอลิมปิกโบราณเขาแข่งอะไรกันบ้าง?
ในการแข่งขันโอลิมปิกช่วงแรก (13 ครั้ง) มีการแข่งขันแค่อย่างเดียวเท่านั้นคือการแข่งวิ่งในสนามที่เรียกว่า Stade ซึ่งมีระยะทาง 192 เมตร หรือ 210 หลา โดยนักกีฬาคนแรกที่ได้รับการบันทึกว่าเป็นแชมเปียนโอลิมปิกคือคอโรเอบัส พ่อครัวคนหนึ่งแห่งเมืองโอลิมเปียที่ชนะการแข่งขันวิ่ง
ก่อนที่ในเวลาต่อมาจะมีการเพิ่มชนิดกีฬาเข้าไปคือการวิ่งที่เรียกว่า Diaulos (เพิ่มระยะทางเป็น 400 เมตร หรือเท่ากับหนึ่งรอบสนามในปัจจุบัน), Dolichos (แข่งวิ่งระยะทางไกล 1,500-5,000 เมตร) การแข่งวิ่งโดยใส่เสื้อเกราะ (Footrace) และปัจญกีฬา (Pentathlon)
นอกจากนี้ยังมีกีฬาต่อสู้อย่างการชกมวย มวยปล้ำ และกีฬา Pankration ซึ่งเป็นการผสมกันระหว่างมวยกับมวยปล้ำ (ให้คิดถึง MMA ไว้ในปัจจุบัน), กระโดดไกล, พุ่งแหลน, ขว้างจักร และกีฬาขี่รถม้า (Chariot) นักกีฬาที่ลงแข่งขันจึงกลายเป็นเหล่านักกีฬาอาชีพที่ฝึกตนเพื่อเข้าแข่งขันอย่างจริงจัง
รางวัลที่ให้แก่ผู้ชนะในสมัยนั้นคือ กิ่งไม้มะกอก ซึ่งตัดมาจากยอดเขาโอลิมปัส อันเป็นที่สิงสถิตของซุส แล้วทำเป็นวงคล้ายมงกุฎ (Olive Wreath) จักรพรรดิจะเป็นผู้พระราชทานครอบลงบนศีรษะของผู้ชนะ
แต่เพราะมันคือมหกรรมใหญ่ที่รวบรวมผู้คนมากมาย โอลิมปิกจึงไม่ได้มีแค่การแข่งกีฬาแต่ยังมีการแข่งขันประกวดดนตรี ประกวดร้องเพลง และประกวดลำนำด้วย
เพราะนี่คือ ‘เวที’ ใหญ่ที่จะสร้างชื่อเสียงให้แก่ผู้คน และแน่นอนชื่อเสียงของแชมเปียนแห่งโอลิมปิกที่จะนำมาซึ่งความสุขสบายของชีวิตด้วย
บารอน ปิแอร์ เดอ กูแบร์แตง (คนที่นั่งทางซ้ายมือสุด) และเหล่าสมาชิกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ในปี 1896
ความตายและการกำเนิดใหม่ของโอลิมปิก
ถึงจะเป็นมหกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในช่วงแรก แต่ความนิยมของกีฬาโอลิมปิกก็ค่อยๆ เสื่อมถอยลงไปอย่างช้าๆ หลังจากที่กรีกสูญเสียเอกราชให้แก่อาณาจักรโรมัน ซึ่งชาวโรมันมองว่าการแข่งขันกีฬาที่เหล่านักกีฬาจะต้องเปลื้องผ้านั้นเป็นกิจกรรมที่อุจาดตา
ไม่มีการบันทึกเอาไว้อย่างเป็นทางการว่ากีฬาโอลิมปิกสิ้นสุดอย่างเป็นทางการเมื่อใด แต่จะยึดเอาในปีคริสตศักราชที่ 393 ที่มีการบันทึกเอาไว้ว่าจักรพรรเทออดอซิอุสสั่งห้ามการจัดพิธีกรรมของชาวเพเกิน (Pagan) ทุกชนิด และทายาทอย่างเทออดอซิอุสที่ 2 ได้สั่งทำลายเทวสถานของกรีกทั้งหมด
ชื่อของโอลิมปิกจึงสาปสูญและถูกลืมเลือนไปจนสิ้น จนกระทั่งเวลาผ่านมา 1,500 ปีเปลวเพลิงแห่งโอลิมปิกจึงได้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง
ตามบันทึกประวัติศาสตร์และความเข้าใจ บิดาแห่งโอลิมปิกสมัยใหม่คือ ปิแอร์ เดอ กูแบร์แตง ขุนนางชั้นบารอนชาวฝรั่งเศสที่เกิดในวันปีใหม่ของปี 1863
แรงบันดาลใจของกูแบร์แตงในการรื้อฟื้นกีฬาโอลิมปิกเกิดขึ้นจากการที่เขาได้เดินทางมาพบกับ ดร. วิลเลียม เพนนี บรูกส์ ชาวอังกฤษผู้เขียนบทความเกี่ยวกับการศึกษามากมาย และหนึ่งในนั้นคือเรื่องของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกโบราณ
ในก่อนหน้านั้นที่ประเทศกรีซเองก็มีการรื้อฟื้นการแข่งขันกีฬาโอลิมเปียดในกรุงเอเธนส์มาตั้งแต่ปี 1859 แล้ว โดยผู้ริเริ่มคือ เอวานเจลิส ซัปปาส ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักกวี พานาจิโอติส ซุตโซส ที่ได้มีการเสนอแนวคิดในการรื้อฟื้นการแข่งขันกีฬาโบราณมาตั้งแต่ปี 1833 แล้ว
และที่อังกฤษเอง ดร.บรูกส์ก็เคยจัดการแข่งขันโอลิมเปียดที่อังกฤษมาแล้วด้วยในปี 1866 ซึ่งประสบความสำเร็จ มีนักกีฬาเก่งๆ เข้าแข่งขันและมีผู้ชมจำนวนมาก แต่ความสำเร็จนั้นอยู่ไม่นานเพราะมีคู่แข่งที่จัดการแข่งแบบเดียวกันเยอะเกินไป
เมื่อ ดร.บรูกส์ – ซึ่งมีแนวคิดที่จะไปจัดการแข่งขันโอลิมปิกในกรุงเอเธนส์ ประเทศต้นกำเนิดของการแข่งขันอันยิ่งใหญ่ในอดีตกาล – ได้พบกับเด็กหนุ่มอย่างกูแบร์แตงผู้มีไฟฝัน จึงได้ฝากความฝันให้เด็กหนุ่มชาวฝรั่งเศสผลักดันเรื่องนี้ในเวลาต่อมา
จนนำไปสู่การประชุมของ ‘Union des Sports Athlétiques’ ในกรุงปารีสที่กูแบร์แตงเสนอให้มีการรื้อฟื้นกีฬาโอลิมปิกขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งแม้จะไม่ประสบความสำเร็จในครั้งแรก แต่ความพยายามที่ไม่ย่อท้อทำให้กีฬาโอลิมปิกกลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง
โดยในทีแรกทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตกลงกันในปี 1894 ว่าจะจัดการแข่งขันที่ปารีสในปี 1900 เพื่อเริ่มต้นศักราชใหม่พอดี แต่ระยะเวลา 6 ปีนานเกินไป จึงมีความพยายามเร่งให้ไวขึ้นและไปจัดกันที่ประเทศกรีซ เพราะไม่มีที่ใดจะเหมาะสมไปกว่านี้อีกแล้ว
การแข่งขันโอลิมปิกสมัยใหม่ครั้งแรกจึงเริ่มต้นในสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน 1896 ในวันประกาศอิสรภาพของกรีซ โดยผู้ที่ทำพิธีเปิดให้คือพระมหากษัติริย์ของกรีซ มีชาติเข้าร่วมแข่งขัน 14 ชาติ นักกีฬา 280 คน แข่งขัน 43 รายการกีฬา โดยมีประเภทของการแข่งขันคือ
หลังจากการแข่งขันครั้งแรกเป็นต้นมา กีฬาโอลิมปิกก็จัดขึ้นต่อเนื่องทุก 4 ปี และได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นมหกรรมกีฬาอันดับหนึ่งของมวลมนุษยชาติในปี 1924 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่เริ่มมีแยกระหว่างโอลิมปิกฤดูร้อน (Summer Olympic) และโอลิมปิกฤดูหนาว (Winter Olympic)
แน่นอนว่ามีเรื่องราวและประวัติศาสตร์อีกมากมายที่เกิดขึ้นจวบจนถึงปัจจุบัน
ภาพ: คณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย
พเยาว์ พูนธรัตน์ ฮีโร่โอลิมปิกคนแรกของประเทศไทย
ประเทศไทยในโอลิมปิก
ว่าแต่ประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกตั้งแต่เมื่อไร?
ประเทศไทยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อนเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2495 ที่ประเทศฟินแลนด์ โดยส่งนักกีฬาแข่งขันในประเภทกรีฑาประเภทเดียวเท่านั้น ซึ่งยังไม่ประสบความสำเร็จ
นักกีฬาไทยคนแรกที่ได้ขึ้นแท่นรับเหรียญรางวัลคือ พเยาว์ พูนธรัตน์ นักมวยสากลสมัครเล่นรุ่นฟลายเวต ได้เหรียญทองแดงในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 21 เมื่อปี พ.ศ. 2519 (ค.ศ. 1976) ณ เมืองมอนทรีออล ประเทศแคนาดา เป็นฮีโร่โอลิมปิกคนแรกของไทย
ต่อมา ทวี อัมพรมหา หรือ ขาวผ่อง สิทธิชูชัย คว้าเหรียญเงินแรกให้ชาวไทยได้ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 23 ณ เมืองลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2527 (ค.ศ. 1984) ในประเภทมวยสากลสมัครเล่นรุ่นไลต์เวลเตอร์เวต
ส่วนฮีโร่เหรียญทองคนแรกของไทยคือ ร.อ. สมรักษ์ คำสิงห์ ร.น. ในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกครั้งที่ 26 ที่เมืองแอตแลนตา สหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2539 (ค.ศ. 1996)
นอกจากนี้ยังมีสุดยอดนักกีฬาฮีโร่ขวัญใจอีกมากมายที่ทุ่มเททั้งกายและใจในการฝึกซ้อมและแข่งขันอย่างหนักหน่วง ทั้งที่คว้าเหรียญรางวัลมาครองได้ และทั้งที่แม้จะไม่ได้เหรียญรางวัลแต่การได้เข้าร่วมแข่งขันกับสุดยอดนักกีฬาจากทั่วโลกโดยที่พยายามอย่างสุดความสามารถก็นับว่าเป็นความภูมิใจของคนไทยทั้งชาติแล้ว
โอลิมปิกครั้งนี้ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการแข่งขันโอลิมปิกเกมส์ครั้งที่ 32 ก็เช่นกัน
ดังนั้นอยากชวนให้มาช่วยกันส่งกำลังใจถึงนักกีฬาไทยเพื่อสร้างบันทึกประวัติศาสตร์หน้าใหม่ไปด้วยกันนะ 🙂
อ้างอิง:
- https://olympics.com/ioc/ancient-olympic-games/history
- https://www.britannica.com/sports/Olympic-Games/Women-and-the-Olympic-Games
- https://www.twinkl.com.mx/teaching-wiki/olympics
- https://www.history.com/topics/sports/olympic-games
- https://olympicthai.org/athletics/
FYI
- ถึงแม้จะมีกำหนดจัดการแข่งขันทุก 4 ปี แต่ก็มีช่วงที่กีฬาโอลิมปิกต้องหยุดพักการแข่งขันเนื่องจากสงครามโลกครั้งที่ 1 (1916) และสงครามโลกครั้งที่ 2 (1940, 1944)
- ตราสัญลักษณ์การแข่งขันโอลิมปิกคือห่วงทั้ง 5 ที่ซ้อนกัน โดยห่วงแต่ละอันคือตัวแทนของ 5 ทวีป ได้แก่ อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้, เอเชีย, แอฟริกา, ยุโรป และออสเตรเลีย
- ก่อนการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกทุกครั้งจะมีการจุดคบเพลิง โดยจะไปจุดที่หุบเขาโอลิมเปียในบริเวณที่เคยเป็นวิหารของเฮรามาก่อน ซึ่งพิธีการจุดคบเพลิงนี้ถูกรื้อฟื้นขึ้นมาในการแข่งขันโอลิมปิกปี 1928 ที่เมืองอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
- ฟุตบอลทีมชาติไทยเคยเข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกมาแล้ว 2 ครั้งด้วยกันในการแข่งขันครั้งที่ 16 พ.ศ. 2499 ที่เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย และในการแข่งขันครั้งที่ 19 พ.ศ. 2511 ที่เมืองเม็กซิโกซิตี้ ประเทศเม็กซิโก แม้จะแพ้ทุกนัดแต่ก็มีประตูแรกในเกมที่แพ้กัวเตมาลา 1-4 โดยผู้ทำประตูคือ อุดมศิลป์ สอนบุตรนาค