การแข่งขันกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 ประจำปี 2566 “เทียนนกแก้วเกมส์” ระหว่างวันที่ 6-14 ม.ค.66 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ทำการชิงชัย 33 ชนิดกีฬา โดยเมื่อวันที่ 6 ธ.ค.ที่ผ่านมาได้มีพิธีเปิดการแข่งขันขึ้นอย่างเป็นทางการในช่วงเวลา 18.00 น. ณ สนามกีฬาสมโภช 700 ปี
ในช่วงเช้าก่อนพิธีเปิดการแข่งขัน ดร.นิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ อธิบดีกรมพลศึกษา ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการแข่งขันกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 ประจำปี 2566 “เทียนนกแก้วเกมส์” โดยมี นายวีรพงศ์ ฤทธิ์รอด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยเอก สันติพงศ์ บุลยเลิศ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดเชียงใหม่ ผู้บริหารกรมพลศึกษา และคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ร่วมประชุมที่ห้องประชุมพลอยไพลิน โรงแรมกรีนเลค รีสอร์ท เชียงใหม่
สำหรับการประชุมครั้งนี้ มีวาระสำคัญอยู่ที่การรายงานความพร้อมของคณะกรรมการกรรมการจัดการแข่งขัน ประกอบด้วย ฝ่ายเทคนิคการแข่งขัน ฝ่ายพิธีการ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ ฝ่ายรักษาความปลอดภัย ฝ่ายแพทย์และพยาบาล รวมถึงคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมรายงานความคืบหน้าและความพร้อมครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะเริ่มทำการแข่งขัน
ดร.นิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ กล่าวว่า ความพร้อมทุกอย่างตอนนี้พร้อมร้อยเปอร์เซนต์ในการที่จะเปิดฉากการแข่งขันทุกชนิดกีฬาในวันที่ 7 ธ.ค.นี้เป็นวันแรก ซึ่งมีผู้เข้าร่วมอย่างมหาศาล โดยคนที่มาเข้าร่วมทุกคนในครั้งนี้นอกจากเกมกีฬาที่สนุกสนานแล้ว จะได้รับบรรยากาศเย็นสบายของเดือนมกราคมของจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย
“ด้านเรื่องของการเปลี่ยนแปลงของมาตรฐานจัดแข่งขันอีกหนึ่งเรื่องคือครั้งนี้ได้สร้างมิติใหม่ ด้วยการให้นักกีฬาและเจ้าหน้าที่ทุกคนไม่ต้องนอนตามโรงเรียนเหมือนในอดีต จัดโรงแรมสุดหรูให้นอนตากแอร์แบบเย็นฉ่ำหลับสบาย แถมยังจัดแข่งช่วงไฮซีซั่น ดึงกีฬามารวมกับการท่องเที่ยวได้อย่างลงตัว มาชิงชัยเพื่อความเป็นเลิศแล้ว ยังได้ท่องเที่ยวพักผ่อน สัมผัสอากาศหนาวเย็นสบาย มีเทศกาลดอกไม้เมืองหนาวให้ได้ชม” อธิบดีกรมพลศึกษา กล่าว
พิธีเปิดการแข่งขันระเบิดศึกขึ้นอย่างเป็นทางการในเวลา 18.00 น. ที่สนามกีฬาสมโภช 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท เป็นผู้แทนพระองค์ เป็นประธานในพิธีเปิดการแข่งขันกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 ประจำปี 2566 “เทียนนกแก้วเกมส์”
พิธีเปิดครั้งนี้มี นายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นายเขมพล อุ้ยตยะกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, ดร.นิวัตน์ ลิ้มสุขนิรันดร์ อธิบดีกรมพลศึกษา, พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกรมพลศึกษา, นายศักดิ์ชัย คุณานุวัฒน์ชัยเดช รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และคณะกรรมการจัดการแข่งขัน ร่วมพิธีการ
บรรยากาศในพิธีเปิดเริ่มต้นด้วยขบวนธงเกียรติยศการแข่งขัน ต่อด้วยขบวนพาเหรดของคณะเจ้าหน้าที่และนักกีฬาจาก 10 เขตการแข่งขันของประเทศไทยเดินเข้าสู่สนาม ก่อนที่พลเอก เฉลิมชัย สิทธิสาท ผู้แทนพระองค์ จะเดินทางขึ้นแท่นที่นั่งประธาน จากนั้นนายอารัญ บุญชัย ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นผู้กล่าวรายงาน และกราบเรียนเชิญผู้แทนพระองค์ ประกอบพิธีเปิดการแข่งขันฯ
สำหรับพิธีการจุดไฟพระฤกษ์ในกระถางคบเพลิง มีนักกีฬาวิ่งคบไฟพระฤกษ์ 2 คน คือ นายเตวิช ตู้ทวีทรัพย์ นักกีฬายิงปืนทีมชาติไทย และ นายเทพทัต อรรถสาร นักกีฬาวอลเลย์บอลทีมชาติไทย ต่อด้วยการกล่าวคำปฏิญาณตนจากผู้แทนนักกีฬา โดย ผศ.ชุมพล วงค์คำจันทร์ อดีตนักกีฬายิมนาสติก และการกล่าวคำปฏิญาณตนจากผู้แทนผู้ตัดสิน นายธนกร ปัญญวงค์ ผู้ตัดสินกีฬาวอลเลย์บอล ก่อนที่จะเข้าสู่ช่วงการแสดงที่สื่อถึงขนบธรรมเนียมวัฒนธรรมเมืองล้านนา 2 ชุด คือ ชุด “มิ่งเมืองฟ้า บารมีปกเกล้า” และ ชุด “โรจน์รุ่ง เรืองรอง ประทีปส่องแม่ระมิงค์” เพื่อเป็นสัญญาณว่า การแข่งขันกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 ประจำปี 2566 “เทียนนกแก้วเกมส์” จะเริ่มชิงชัยอย่างเป็นทางการแล้ว
ทั้งนี้การแข่งขันกีฬานักเรียน นักศึกษาแห่งชาติ ครั้งที่ 42 ประจำปี 2566 “เทียนนกแก้วเกมส์” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-14 มกราคม 2566 ณ จังหวัดเชียงใหม่ ชิงชัยทั้งสิ้น 393 เหรียญทอง มีการแข่งขัน 33 ชนิดกีฬา ประกอบด้วย กรีฑา, กระบี่กระบอง, กอล์ฟ, คาราเต้-โด, จักรยาน, เซปักตะกร้อและตะกร้อลอดห่วงสากล, เทควันโด, เทนนิส, เทเบิลเทนนิส, เนตบอล, บาสเกตบอล และบาสเกตบอล 3×3, แบดมินตัน, ปันจักสีลัต, เปตอง, ฟุตซอล, ฟุตบอล, มวยไทยสมัครเล่น, มวยปล้ำ, มวยสากลสมัครเล่น, ยกน้ำหนัก, ยิงปืน, ยิมนาสติกลีลา, ยูโด, รักบี้ฟุตบอล, ลีลาศ, วอลเลย์บอล, วอลเลย์บอลชายหาด, ว่ายน้ำ, วูซู, วู้ดบอล, สนุกเกอร์, หมากล้อม, ฮอกกี้, แฮนด์บอล และแฮนด์บอลชายหาด รวมถึงกีฬาสาธิตอีก 3 ชนิด ประกอบด้วย เทคบอล, เรือพาย และปัญจกีฬา มีเจ้าหน้าที่และนักกีฬา เข้าร่วมการแข่งขันจำนวน 7375 คน ภายใต้คำขวัญ “มุ่งมั่น สามัคคี หนึ่งใจเดียวกัน (unite as one )”