สรุปเหตุการณ์เด่นวงการกีฬาไทยรอบปี 2022

– วอลเลย์บอลไทย สร้างประวัติศาสตร์เข้า 8 ทีมเนชันส์ลีก  

ทีมลูกยางสาวยุคผลัดใบ หลังการอำลาทีมชาติของ 7 เซียน มีอนาคตที่สดใสทีเดียว ในปี 2022 นักตบสายเลือดใหม่ช่วยกันสร้างผลงานได้อย่างน่าประทับใจ

โดยเฉพาะบนเวทีศึกเนชันส์ลีก ที่สร้างประวัติศาสตร์ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้สำเร็จ พร้อมจารึกผลงานด้วยการล้มทีมแกร่ง ดีกรีแชมป์โลก อย่าง  เซอร์เบีย ก่อนปราบจีน ก่อนจะจบอันดับ 8 ดีกว่าผลงานในปี 2019 ที่ได้อันดับ 12 นอกจากนี้ทีมสาวไทยยังคว้าเหรียญทองซีเกมส์สมัยที่ 15 นับเป็นสมัยที่ 13 ติดต่อกัน รวมถึงยังทะลุเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้ายในศึกชิงแชมป์โลก 2022 ก่อนจะจบอันดับที่ 13 ด้วย

– ทัพไทยผลงานผิดเป้าเสียท่าเวียดนามบนเวทีซีเกมส์  

แม้ซีเกมส์ จะเป็นเวทีกีฬาในระดับภูมิภาค เป็นรองเวทีเอเชียนเกมส์ และโอลิมปิกเกมส์ แต่ก็ถือเป็นเวทีที่สะท้อนภาพการพัฒนากีฬาของแต่ละชาติในย่านอาเซียนได้เป็นอย่างดี

ทว่าในการแข่งขันครั้งที่ 31 ทัพไทยต้องเสียท่าให้กับเวียดนาม คู่ต่อกรสำคัญ ที่ชิงความได้เปรียบจากการเป็นเจ้าภาพ โดยเวียดนามจบเจ้าเหรียญทองทั้งในส่วนของเหรียญรางวัลรวม  และในชนิดกีฬาสากล การพ่ายแพ้เวียดนามโดยเฉพาะในชนิดกีฬาสากล ถือเป็นการบ้านของสมาคมและทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการที่ต้องกลับมาตีโจทย์ให้แตก เพื่อกลับมาแก้ทวงความเป็นเต้ยในศึกซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ที่กัมพูชา 

– ดราม่าลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดบอลโลก 2022      

ถือเป็นอภิมหาความดราม่าอย่างแท้จริง สำหรับลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ดราม่าบังเกิดตั้งแต่ก่อนเริ่ม ระหว่างแข่ง ไปจนถึงหลังฟุตบอลจบ หลังชาวไทยทำท่าจ่อจะไม่ได้ชม  เนื่องจากไม่มีผู้ประกอบการทีวีเจ้าใดประสงค์ซื้อลิขสิทธิ์ เพราะราคาที่สูงลิ่ว จนเกิดกระแสวิจารณ์เป็นวงกว้าง

สุดท้าย กกท.เป็นตัวกลาง นำเงินจากกสทช. รวมถึงภาคเอกชนที่ร่วมลงขัน ไปซื้อลิขสิทธิ์ 1,200 ล้านบาท มาให้ชมตามกฎ “มัสต์แฮฟ” ที่กสทช.เขียนขึ้นมาว่า ต้องถ่ายให้ประชาชนรับชมกันอย่างทั่วถึง ทว่าระหว่างถ่ายยังดราม่าอีก เมื่อเจอปัญหาจอดำในระบบไอพีทีวี และเกิดการฟ้องร้องระหว่างภาคเอกชน รวมไปถึงหน่วยงานที่เป็นองค์กรของรัฐด้วยกันเองจากเรื่องข้อสัญญาแม้การแข่งขันจะจบไปแล้ว   

– สิ้น “บิ๊กนิดหน่อย” เบื้องหลังความสำเร็จกีฬาคนพิการไทย

ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวเศร้าและการสูญเสียที่ยิ่งใหญ่ของวงการกีฬาไทยอย่างแท้จริง กับการจากไปของ จุตินันท์ ภิรมย์ภักดี หรือ “บิ๊กนิดหน่อย”  ซีอีโอ บุญรอดบริวเวอรี่ ประธานคณะกรรมการกีฬาพาราลิมปิกแห่งประเทศไทย ผู้วางรากฐาน และอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของวงการกีฬาคนพิการไทย

โดยเจ้าตัวอุทิศตนเข้ามานั่งทำงานช่วยวงการกีฬาคนพิการอย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2552 โดยทำงานร่วมกับ 5 สมาคมกีฬาคนพิการ ผลงานชิ้นโบว์แดงสุดท้ายที่ฝากไว้ คือการอยู่เบื้องหลังความสำเร็จการคว้า 5 เหรียญทอง 5 เหรียญเงิน 8 เหรียญทองแดง ในศึกพาราลิมปิก 2020 ก่อนที่จะเสียชีวิตลงอย่างสงบ เมื่อ 13 ก.ย.65 ที่สหรัฐอเมริกา ด้วยอายุ 65 ปี จากอาการป่วย หลังจากรักษาตัวมานาน 

– ศอกฉาวดับอนาคตค้าแข้ง  อิศเรศ น้อยใจบุญ

แบ็กซ้ายจอมฉาว  อิศเรศ น้อยใจบุญ ตัดช่องทางทำมาหากินของตัวเอง เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ หลังฟันศอกใส่คู่แข่งอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บสาหัส และต้องเย็บ 24 เข็มในการแข่งขันฟุตบอลไทยลีก 3 รอบ เเชมเปียนส์ลีก โซนล่าง

ซึ่งผลจากการกระทำดังกล่าว ทำให้เจ้าตัวถูกใบแดงไล่ออกจากสนาม พร้อมโดนแบนห้ามมีส่วนร่วม หรือเกี่ยวข้องกับฟุตบอลที่สมาคมจัดขึ้นเป็นเวลานานถึง 3 ปี ซึ่งท้ายที่สุดทำให้แบ็กซ้ายวัย 27 ปีรายนี้ ต้องประกาศแขวนสตั๊ด ลาออกจากวงการลูกหนัง และต้องเบนเข็มไปทำอาชีพอื่นเพื่อหาเลี้ยงตนเองและครอบครัวแทน

– “เดอะแมตช์” แดงเดือดฟีเวอร์เมืองไทยทั้งใน-นอกสนาม

ศึกฟุตบอล เดอะแมตช์ แบงค็อก เซนจูรี่ คัพ 2022 ซึ่งเป็นการนำเอา 2 ยอดทีมชั้นนำของโลก ระหว่าง ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาแข่งขันกันที่เมืองไทย เมื่อ 12 ก.ค.65  ถือเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ที่มีเรื่องราวมากมายในหลากหลายแง่ให้พูดถึงกันบนโลกออนไลน์

ตั้งแต่ข่าวประกาศว่าจะจัดการแข่งขันแดงเดือดบนแผ่นดินไทย  ซึ่งสร้างความฮือฮาอย่างสุดๆ เรื่อยไปจนถึงกระแสของวันที่นักเตะทั้งสองทีมเดินทางมาถึงเมืองไทย, ดราม่าบัตรเข้าชม, ถังน้ำแข็งในสนามซ้อม, ถ้วยรางวัลการแข่งขัน, ศิลปินดังที่มาเล่นคอนเสิร์ต อย่าง แจ็คสัน หวัง หรือการเนรมิตราชมังคลากีฬาสถานให้ดูเป็นสังเวียนเวอร์คลาสที่ใช้การทำศึก ซึ่งดูเนียนตาสุดๆ  ทั้งนี้  “เสี่ยวินิจ” นายวินิจ เลิศรัตนชัย ผู้บริหารบริษัท เฟรชแอร์เฟสติวัล จำกัด ในฐานะผู้จัด ได้สรุปหลังการจัดงาน พร้อมน้อมรับคำติชมทุกอย่างเป็นบทเรียนและประสบการณ์ ส่วนผลการแข่งขันเป็นฝั่งผีแดงที่กำชัยในแมตช์อุ่นเครื่องนี้ เอาชนะหงส์แดงไป 4-0

– “โค้ชเช” ได้สัญชาติเป็นชาวไทยโดยสมบูรณ์แบบ  

ถือเป็นการสิ้นสุดการรอคอยที่ยาวนานนับ 20 ปีลงซะที หลัง โค้ชเช “เช ยอง ซอก” ได้กลายเป็นประชาชนคนไทยอย่างเต็มตัว หลังมาลงหลักปักฐานที่ไทย พร้อมวางรากฐานให้วงการเทควันโดไทย อีกทั้งยังสร้างจอมเตะขึ้นไปกวาดแชมป์ทั้งโอลิมปิกเกมส์, แชมป์โลก, แชมป์เอเชียนเกมส์, เอเชีย หรือ รายการระดับเวิลด์กรังด์ปรีซ์จนครบทุกเกียรติยศ

ซึ่งผลจากการเสียสละ ทุ่มเทเพื่อประเทศไทย ทำให้ท้ายที่สุด “โค้ชเช” ที่ยอมสละสัญชาติเกาหลีใต้ได้สมหวังเป็นคนไทยโดยสมบูรณ์แบบในชื่อ “ชัชชัย เช” ในช่วงปลายปี 2565