ทำความรู้จัก “กุนขแมร์” มวยกัมพูชาที่บรรจุลงซีเกมส์ครั้งที่ 32 แตกต่างจาก “มวยไทย” อย่างไร? ทำไมเกิดกระแสดรามา!
กำลังเป็นดรามาข้ามประเทศอยู่ในขณะนี้ สำหรับ “กุนขแมร์” ศิลปะป้องกันตัวของประเทศกัมพูชา จากกรณีที่คณะกรรมการจัดการแข่งซีเกมส์ ครั้งที่ 32 ของกัมพูชา ได้ประกาศบรรจุ มวยเขมร หรือ “กุนขแมร์” ลงในการแข่งขันโดยระบุว่าเป็นกีฬาประจำชาติกัมพูชา ส่งผลให้ประเทศไทย ประกาศไม่ส่งทีมนักกีฬาลงแข่งขันในประเภทนี้ ซึ่งคาดว่า อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย และ เวียดนาม จะไม่ส่งนักกีฬาลงแข่ง “กุนขแมร์” ด้วยเช่นกัน
“กุนขแมร์” คืออะไร
กุนขแมร์ หรือ Kun Khmer มวยเขมร เป็นกีฬาที่มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศกัมพูชา มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Kbach Kun Pradal Khmer มีความหมายว่า “การต่อสู้อย่างอิสระ” อย่างไรก็ตามยังไม่มีหลักฐานการยืนยันว่า การพัฒนาแบบแผนศิลปะป้องกันตัวชนิดนี้มาจากวัฒนธรรมดั้งเดิมของตนเอง หรือ พัฒนาแบบแผนการต่อสู้มาจากประเทศอินเดีย
อย่างไรก็ตาม กัมพูชา ยังมีศิลปะการต่อสู้ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม หรือ มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ของยูเนสโก มีชื่อเรียกว่า “กุน ลโบกาตอร์” ซึ่งขึ้นทะเบียนไป เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา โดยป็น 1 ใน 22 มรดกภูมิปัญญาอื่นๆที่ได้นับการขึ้นทะเบียน อาทิเช่น ขนมปังบาแกตต์ในฝรั่งเศส พิธีชงชาของจีน พิธีเต้นรำฟูริวโอโดริของญี่ปุ่น
โดย กุน ลโบกาตอร์ เป็นศิลปะป้องกันตัวที่ชาวกัมพูชาพัฒนามาเพื่อใช้ป้องกันตัวจากสัตว์ป่า โดยมีบันทึกหลักฐานท่าทางการต่อสู้ในวัดที่สร้างในศตวรรษที่ 7
ตามคำบอกเล่าของสาน คึมสาน นักมวยเขมร ระบุว่า ลโบกาตอร์ ชื่อเรียกนี้มาจากตำนานที่ว่าเมื่อกอนมีสิงโตโจมตีหมู่บ้านเมื่อ 2,000 ปีที่แล้ว นักรบคนหนึ่งได้ล้มสิงโตลงโดยการโจมตีด้วยหัวเข่า
ลโบกาตอร์ เป็นศิลปะการป้องกันตัวที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสร้างนครวัด และกล่าวกันว่าครั้งหนึ่งเคยฝึกโดยกองทัพของ อาณาจักรพระนคร เชื่อว่าส่วนหนึ่งของความแข็งแกร่งของอาณาจักรนครวัดที่ได้ปกครองเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาและได้รับการสนับสนุนจากกษัตริย์อังกอร์ พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ในปลายศตวรรษที่ 12
มวยเขมร กับ มวยไทยแตกต่างกันอย่างไร
UNESCO Bangkok ระบุข้อมูลถึงความแตกต่างของ ศิลปะการต่อสู้ กุน ลโบกาตอร์ มวยเขมร แตกต่างกับมวยไทยอย่างไร ว่า ในเว็บไซต์ว่า “เป็นศิลปะที่มีความคล้ายคลึงกันกับมวยไทยและมวยลาว” ทั้งนี้ศิลปะเหล่านี้สืบต่อมาจากเหล่าอาณาจักรโบราณที่ผสมผสานเชื้อชาติและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างกันมาช้านานหลายศตวรรษ
ประวัติของ “มวยไทย”
มวยไทยเป็นมรดกทางวัฒนธรรมของคนไทยที่สืบทอดกันมานาน เป็นทั้งการต่อสู้ป้องกันตัวและกีฬา ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่า เกิดขึ้นครั้งแรกในสมัยใด แต่ถือว่ามวยไทยเป็นศิลปะการต่อสู้ของไทยเช่นเดียวกับกังฟูของจีน ยูโดและคาราเต้ของญี่ปุ่น และเทควันโดของเกาหลี ในสมัยรัชกาลที่ 6 มวยไทยได้พัฒนามากขึ้นมีการชกมวยแบบสวมนวมชก และนับคะแนนแพ้ชนะ มีการกำหนดยก นักมวยแต่งกายตามมุม คือ มุมแดง และมุมน้ำเงิน เช่นเดียวกับการชกมวยสากล มีค่ายมวยเกิดขึ้นหลายค่าย
ข้อมูลจาก : มูลนิธิสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชน, UNESCO Bangkok, วิกิพีเดีย
ภาพจาก : AFP
เผยแพร่: 3 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.