ในบทบาทของ ริชาร์ด วิลเลี่ยมส์ พ่อของ วีนัส และ เซเรน่า วิลเลี่ยมส์ 2 นักเทนนิสหญิงที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในโลก และ วิล สมิธ สามารถเข้าถึงความรัก ความกล้า และการยืนหยัดเคียงข้างคนที่เขารักจนเจ้าตัวบอกว่า “18 เดือนที่ถ่ายทำเรื่องนี้ คือช่วงเวลาที่ทำให้เขาเป็นสุดยอดนักแสดงยิ่งกว่าที่เคยเป็น”
ทำไมบทบาท ริชาร์ด จากเรื่อง King Richard จึง “โดนใจ” และรีดศักยภาพการแสดงของ วิล สมิธ ออกมาได้มากที่สุด ?
ติดตามได้ที่ Main Stand
หากใครเป็นคอหนังฮอลลีวูดย่อมไม่ต้องอธิบายกันเยอะถึงฝีมือการแสดงของ วิล สมิธ อดีตนักร้องดังที่เคยฝากผลงานระดับมาสเตอร์พีซ ในอัลบั้ม Big Willie Style ที่ทำยอดขายได้มากกว่า 8 ล้านชุด พร้อมกวาดรางวัล อเมริกัน มิวสิก อวอร์ด มาแล้ว
แต่นั่นยังไม่ได้เป็นจุดที่ทำให้ วิล สมิธ เป็นที่รู้จักและมีชื่อกระฉ่อนไปทั่วโลก เพราะพรสวรรค์ที่แท้จริงของเขาคือการแสดงมากกว่า หลังจากที่เริ่มเข้าวงการในช่วงต้นยุค 90s ฝีไม้ลายมือของ วิล สมิธ ที่ไม่ว่าจะเล่นบทบาทไหนก็ดูจะไหลลื่นและสวมเข้ากับบทที่ได้รับได้ดีอย่างสุด ๆ ไม่ว่าจะเป็นบทแอ็กชั่นฮา ๆ ที่สร้างชื่อกระฉ่อนโลกจากเรื่อง Bad Boys ทั้ง 3 ภาค, บทแอ็กชั่นฮีโร่อย่าง Hancock, บทแอ็กชั่นบู๊แหลกใน I am Legend หรือแม้กระทั่งบทดราม่าน้ำตาแตกจากเรื่อง The Pursuit of Happyness และอีกมากมายหลายเรื่องที่ไม่ได้กล่าวถึง
วิล สมิธ เล่าให้ The New York Times ว่า เคล็ดลับการแสดงของเขานั้นไม่มี … นั่นเพราะเขาไม่เคยคิดว่ามันคือการแสดง ทุกครั้งที่เขาได้รับบทบาท เขาจะสวมบทบาทตัวละครตัวนั้นออกให้ได้อย่างหมดจด เรียกได้ว่าสวมวิญญาณและกลายเป็นอีกคนเมื่อได้ยินคำว่า “แอ็กชั่น”
Photo : Warner Bros. Pictures
“โดยพื้นฐานแล้วการแสดงคือสิ่งที่คุณสามารถเข้าถึงมันได้ด้วยการใช้อารมณ์ เมื่อคุณเข้าใจฟีลแล้วคุณจะตีโจทย์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น คุณจะเข้าถึงพฤติกรรมและการแสดงออกของตัวละครที่คุณได้รับ เมื่อนั้นมันจะเกิดบางสิ่งที่เป็นความสอดคล้องกันออกมาเป็นธรรมชาติจนผู้ชมไม่ทันได้ตระหนักว่านี่คือการแสดงด้วยซ้ำไป”
นอกจากการมีวิธีเข้าถึงบทบาทในแบบของตัวละครแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้ วิล สมิธ พัฒนาตัวเองขึ้นในทุก ๆ ปีจนกลายเป็นสตาร์แถวหน้าของฮอลลีวูดคือ “ความทะเยอทะยาน” วิล สมิธ เป็นเหมือนกันกับแชมเปี้ยนในหลายวงการที่ไม่เคยอิ่มกับคำชมและความสำเร็จระหว่างทาง ทุกครั้งที่เขาได้รับการยอมรับเขาจะพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อย ๆ เขาเล่าว่า อาร์โนลด์ ชวาร์เซเนกเกอร์ คือคนที่ปลุกใจเขาอย่างมากในเรื่องนี้ จากการร่วมงานกันในช่วงต้นยุค 90s ที่ วิล สมิธ เริ่มมีชื่อเสียง อาร์โนลด์ คือคนที่บอกว่า “คุณยังดังไม่จริง” และอธิบายต่อว่าสิ่งใดจะเกิดขึ้นบ้างเมื่อคุณกลายเป็นคนดังโดยสมบูรณ์แบบ
Photo : Warner Bros. Pictures
“คุณไม่มีทางเป็นซูเปอร์สตาร์ชื่อก้องโลกแน่นอนหากหนังของคุณประสบความสำเร็จแค่ในอเมริกาเท่านั้น คุณไม่ได้เป็นซูเปอร์สตาร์ที่แท้จริงจนกว่าทุกคนในทุกประเทศบนโลกรู้ว่าคุณเป็นใคร เมื่อวันนั้นมาถึงคุณต้องเดินทางไปทั่วโลก จับมือกับพวกเขา จูบหน้าผากทารกทุกคนในฐานะฮีโร่ เสียงของคุณจะทรงพลังและยิ่งใหญ่กว่านักการเมือง เมื่อถึงตอนนั้นคุณจึงจะเป็นซูเปอร์สตาร์ที่แท้จริง” วิล สมิธ เล่าถึงการร่วมงานกับ อาร์โนลด์ สมัยที่เขายังเป็นวัยรุ่น และกลายเป็นคำพูดที่สอนใจเขาอยู่เสมอ จนกระทั่งเขาเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ และกลายเป็นสตาร์ที่คนทั้งโลกรู้จักในช่วงหลังปี 2000 เป็นต้นมา
ที่เรากล่าวมาทั้งหมดคือเหตุผลที่ วิล สมิธ ถูกยกขึ้นหิ้งในฐานะนักแสดงแถวหน้าของวงการมาจนถึงวันนี้ วันที่เขาขึ้นรับรางวัลนักแสดงนำยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัลออสการ์ หรือที่มีชื่อจริงว่า “อคาเดมี อวอร์ด” จากภาพยนตร์เรื่อง “King Richard” ที่เล่าเรื่องราวของ ริชาร์ด วิลเลี่ยมส์ พ่อของ 2 นักเทนนิสหญิงที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์อย่าง วีนัส และ เซเรน่า
Photo : Warner Bros. Pictures
บทบาทดังกล่าวคือบทบาทที่ วิล สมิธ เข้าถึงมันและแสดงออกมาได้ดีที่สุดในรอบหลายปีหลัง เขาเข้าถึงบทบาทของ ริชาร์ด ผู้เสียสละทุกอย่างและแลกทุกสิ่งที่มีเพื่อทำให้ลูก ๆ ของเขากลายเป็น “แชมเปี้ยน” ท่ามกลางการโดนวิจารณ์โดยผู้คนรอบข้างเขายืนยันว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นถูกต้อง และเฝ้าดูแลจนกลายเป็นเรื่องตลกในสายตาใครหลายคน … จนกระทั่งเวลาผ่านมาหลายปีความสำเร็จของ วีนัส และ เซเรน่า กลายเป็นการตบปากทุกคำวิจารณ์ได้อย่างสนิท … และ วิล สมิธ เองก็เข้าใจถึงบทบาทนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะพวกเขาทั้งคู่มีบางสิ่งที่คล้ายกันอย่างที่สุด
ริชาร์ด วิลเลี่ยมส์ เป็นชาวแอฟริกัน-อเมริกัน ในยุคแห่งการแบ่งแยกทางเชื้อชาติ ในช่วงวัยเด็กเขาไม่เคยได้รับความเคารพจากเด็กผิวขาวเลยแม้แต่น้อย หลายครั้งที่เขาถูกรุมทำร้ายแบบไร้เหตุผล และหลายครั้งที่เขาเจ็บหนักแต่ไม่สามารถตอบโต้กลับได้
“ผมมักต้องวิ่งหนีจากคนผิวขาวที่พยายามทุบตีผม ผมถูกไล่ล่าด้วยไม้ ปืน มีด และ โซ่ … ทั่วทั้งร่างกายของผมมีรอยแผลที่คอยย้ำเตือนถึงความรุนแรงสมัยที่ผมยังเด็กมากมาย จมูกของผมหัก 3 ครั้ง ฟันของผมถูกเหล็กฟาด ผมเดินกระโผลกกะเผลกมาจนทุกวันนี้เพราะตอนเด็ก ๆ ผมถูกแทงเข้าที่ขา” ริชาร์ด กล่าวในอัตชีวประวัติของเขา
เมื่อ ริชาร์ด เติบโตขึ้น มีครอบครัวและมีลูกสาวสองคนอย่าง วีนัส และ เซเรน่า เขาพยายามเลี้ยงดูลูกให้ดีที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ ปกป้องเกียรติและสร้างความแข็งแกร่งให้ลูกสาวของเขากล้าเผชิญหน้ากับสิ่งต่าง ๆ ที่อาจจะใจร้ายกับพวกเธอเหมือนกับที่เขาเจอ นั่นคือสารตั้งต้นที่ทำให้สองพี่น้องวิลเลี่ยมส์มีทัศนคติที่แข็งแกร่งและเกิดมาเพื่อเป็นผู้ชนะ
“ลูกสาวทั้งสองของผมไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องใช้ชีวิตอย่างเข้มแข็งเท่านั้น ตอนอายุ 5 ขวบผมส่งพวกเธอไปเรียนเทควันโดเพื่อป้องกันตัวเอง … พวกเธอจะอยู่ในสังคมนี้ได้อย่างปลอดภัยด้วยการมีความรู้ เพราะความรู้คือพลัง และพลังคือความสามารถในการเป็นผู้ชนะ” ริชาร์ด เล่าถึงการเลี้ยงลูกของเขา
จุดเริ่มต้นของสองพี่น้องตระกูลวิลเลี่ยมส์ที่กวาดแชมป์ในระดับแกรนด์สแลมนับไม่ถ้วนเริ่มจากจุดนั้น ริชาร์ด ผู้เป็นพ่อผลักดันเธอทุกอย่าง เขายอมย้ายถิ่นฐานจากรัฐแคลิฟอร์เนียไปอยู่ที่รัฐฟลอริดา แลกเงินทุกบาททุกสตางค์ที่มีเพื่อส่งให้ลูกสาวเข้าเรียนโรงเรียนเทนนิสชื่อดังเพื่อให้ลูกสาวได้ “พลัง” ที่จะทำให้ทุกคนให้ความเคารพพวกเธอและไม่ต้องโดนกระทำเหมือนกับที่เขาเคยเจอในอดีต
ครูฝึกของ 2 พี่น้องวิลเลี่ยมส์ตอนพวกเธออายุ 10 และ 9 ขวบตามลำดับ มีชื่อว่า ริค แมคซี่ (Rick Macci) คนเดียวกับที่ปั้นยอดนักเทนนิสอย่าง แอนดี้ ร็อดดิก, แมรี่ เพียร์ซ, เจนนิเฟอร์ คาปริอาตี้ และ มาเรีย ชาราโปวา เล่าว่า วีนัส และ เซเรน่า ยังซึมซับเอาความแข็งแกร่งและเข้าถึงความพยายามของพ่อพวกเธอได้ดีตั้งแต่วันนั้น แม้พวกเธอจะถูกเคี่ยวเข็ญหนัก แต่ทั้งคู่ต่างยินดีจะเสียสละเพื่อตอบสนองความหวังดีที่พ่อของพวกเธอมอบให้
“ตอนผมฝึก 2 พี่น้องวิลเลี่ยมส์ครั้งแรก ผมบอกตรง ๆ ว่าผมไม่ได้เห็นเทคนิคหรือทักษะที่พิเศษกว่านักกีฬารุ่นเดียวกันคนอื่น ๆ แต่สิ่งที่เห็นแล้วอดประทับใจไม่ได้คือ ผมเห็นเด็กหญิงสองคนที่มีความปรารถนาอันแรงกล้าที่รับลูกให้ได้ ผมเห็นพวกเธอพยายามอย่างหนักเพื่อวิ่งไปรับลูก ผมเห็นความเร็วความว่องไวของพวกเธอ และรู้ได้จากจุดนั้นว่านี่คือความพิเศษอย่างที่ไม่มีใครเลียนแบบได้” ริค กล่าว
“หลังฝึกเสร็จผมบอกกับริชาร์ดว่า ‘รู้ตัวไหมเพื่อน คุณมี ไมเคิล จอร์แดน เวอร์ชั่นผู้หญิงคนต่อไปอยู่ในมือของคุณแล้ว … ริชาร์ด กอดผมแล้วบอกว่า ‘ไม่ใช่แค่คนเดียวพี่ชาย ผมมี ไมเคิล จอร์แดน หญิงถึง 2 คนอยู่ในมือต่างหาก'”
เขาทำได้สำเร็จจริงอย่างที่พูด สองพี่น้อง วิลเลี่ยมส์ กลายเป็นแชมเปี้ยน และเป็น ไมเคิล จอร์แดน หญิงแห่งวงการเทนนิสไม่ผิดเพี้ยน ในวันที่ วีนัส และ เซเรน่า ประสบความสำเร็จ ชื่อของ 2 สาวถูกกล่าวถึงเสมอบนพาดหัวข่าวหน้าหนึ่ง ความยอดเยี่ยม พรสวรรค์ และทัศนคติใด ๆ ก็ตามเท่าที่เราจะนึกออก
เพียงแต่ว่าเรื่องราวของ ริชาร์ด วิลเลี่ยมส์ ที่ถูกคนใกล้ตัวเรียกว่า “คิง วิลเลี่ยมส์” นั้นกว่าจะถูกเอามาตีแผ่ก็ผ่านเวลามาเกิน 20 ปี และสุดท้ายมันก็กลายเป็นภาพยนตร์เรื่อง King Richard ที่นำแสดงบท ริชาร์ด วิลเลี่ยมส์ โดย วิล สมิธ เมื่อปี 2021 ที่ผ่านมา
เรื่องนี้ วิล สมิธ ถ่ายทอดบทบาทดังกล่าวออกมาได้ดีจนเขาได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมของออสการ์เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยทีเดียว และทุกอย่างนี้มีที่มา เพราะเรื่องราวของเกียรติยศ ความรัก และอีกครึ่งชีวิตของทั้ง ริชาร์ด และ วิล สมิธ สามารถส่งเสริมกันได้จนกลายเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญในออสการ์ 2022 ครั้งนี้
วิล สมิธ และ ริชาร์ด วิลเลี่ยมส์ มีบางสิ่งที่พวกเขาต้องปกป้องและดูแลให้ดีที่สุดเหมือนกัน สิ่งนั้นคือครอบครัว สำหรับ ริชาร์ด นั้นอาจจะยากลำบากกว่าเพราะต้องสู้ชีวิตมาตั้งแต่ยังเด็กและเดินบนเส้นทางของความแร้นแค้นเพื่อแลกกับความสำเร็จที่รออยู่ในบั้นปลายของลูกสาว
ขณะที่ วิล สมิธ นั้นแม้จะรวยล้นฟ้าและมีชื่อเสียงก้องโลก แต่ไม่มีใครบนโลกนี้ที่ชีวิตจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ วิล สมิธ มีภรรยาที่ชื่อว่า เจดา พิงเก็ตต์ สมิธ ที่อยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาอย่างยาวนาน ก่อนที่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เจดาจะมีอาการ Alopecia Areata หรือโรคผมร่วงเป็นหย่อม ทำให้เธอต้องโกนหัวอยู่ตลอดเวลา
เส้นผมนั้นมีความสำคัญมากสำหรับผู้หญิงคนหนึ่ง การที่ต้องโกนหัวตลอดเวลาเพราะผลกระทบจากโรคดังกล่าวอาจจะทำให้ใครหลายคนต้องเกิดภาวะซึมเศร้าไม่กล้าเข้าสังคม แต่เจดานั้นแตกต่างออกไป เธอเป็นคนที่ยืนหยัดสู้กับโรคนี้และรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เธอเปิดเผยเรื่องโรคดังกล่าวมาตลอด และบอกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทำให้เธอไม่สามารถหลบซ่อน สิ่งเดียวที่ต้องทำคือการอยู่กับโรคนี้อย่างมีความสุขให้ได้
ซึ่งคนที่ทำให้เธอกล้ายืนหยัดเผชิญหน้ากับความจริง จนถูกยกย่องให้เป็นส่วนสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างกำลังใจให้กับผู้หญิงที่ป่วยเป็นโรคเดียวกันก็คือ วิล สมิธ นั่นเอง
“คุณไม่สามารถทำให้ใครมีความสุขได้หรอกถ้าคุณไม่ได้รู้สึกแบบนั้นออกมาจากหัวใจที่แท้จริง ครั้งหนึ่งผมเคยบอกกับ เจดา ว่า ‘ที่รัก ผมขอลาออกจากการทำให้คุณมีความสุขแล้วนะ ผมอยากให้คุณเริ่มรู้สึกถึงสิ่งนั้นได้ด้วยตัวเอง ผมอยากให้คุณทำให้ตัวเองมีความสุข ได้โปรดช่วยพิสูจน์ทีว่าสิ่งที่ผมขอไปคุณสามารถทำให้มันเป็นจริงได้ไหม ?”
“ผมไม่เชื่อหรอกนะเรื่องการหลอกลวงด้วยคำโรแมนติกที่บอกว่า เมื่อคนเราแต่งงานกันจะกลายเป็นคนคนเดียวกัน เพราะสิ่งที่ทุกคนเป็นคือทุกคนล้วนมีความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้นจะมีใครทำให้คุณมีความสุขได้มากเท่ากับตัวของคุณเองล่ะ ? พวกเรามอบความรักและอิสรภาพให้กันและกัน การเดินทางของ วิล และ เจดา คือการค้นพบความสุขจากความพึงพอใจของตัวเอง พวกเราไม่สนสิ่งเร้าภายนอกอื่น ๆ เลย” วิล สมิธ กล่าวถึงภรรยาของเขาในรายการของ โอปราห์ วินฟรีย์
จากชีวิตจริงที่สะท้อนเข้ามาในบทบาทของ ริชาร์ด วิลเลี่ยมส์ ในเรื่อง King Richard ทำให้ วิล สมิธ สามารถเข้าถึงตัวละครนี้ได้โดยง่าย เพราะเขารู้ว่าแท้จริงแล้ว ริชาร์ด สู้กับสิ่งรอบข้างอย่างโดดเดี่ยวเพื่อเปลี่ยนอนาคตของลูก ๆ และเหนือสิ่งอื่นใด ริชาร์ด ได้สอนลูก ๆ ของเขาว่า “พ่อเป็นได้แค่สิ่งเร้าภายนอกเท่านั้น แต่ถ้าลูกอยากจะมีความสุขในฐานพแชมเปี้ยน ลูกต้องกระหายและรู้สึกถึงสิ่งนั้นด้วยตัวเอง”
2 พี่น้องวิลเลี่ยมส์ ก็เหมือนกับ เจดา ภรรยาของ วิล สมิธ ทั้งสองคนมีปัญหาจากการถูกมองโดยคนภายนอก ซึ่งที่สุดแล้วทั้ง วีนัส, เซเรน่า และ เจดา ก็ผ่านพ้นเรื่องดังกล่าวได้ด้วยการยืนหยัดอยู่กับความจริงและ “ทำในสิ่งที่ต้องทำให้ดีที่สุด” ไม่ว่าจะเจออุปสรรคหรือปัญหาใหญ่แค่ไหน แต่พวกเธอก็มีคนที่รักคอยเคียงข้าง คอยผลักดัน และปกป้องเสมอ
Photo : Warner Bros. Pictures
“ก่อนรับงานนี้ผมพยายามหาแง่มุมของตัวละครที่จะทำให้ผมเข้าใจชาติกำเนิดของเขามากที่สุด และผมพบว่าผมเองก็มีบางสิ่งที่เกี่ยวพันกับ ริชาร์ด วิลเลี่ยมส์ เหมือนผมกับพ่อของผม บ้านของเราก็เป็นแบบนั้น เราไม่ได้รับความเคารพ ผมยิ่งเล่นบทนี้ผมก็ค้นพบความคล้ายคลึงกันเกือบทั้งหมด บทบาทในเรื่อง King Richard ทำให้ผมกลายเป็นนักแสดงที่ดีขึ้นจริง ๆ ตลอดระยะเวลาการถ่ายทำร่วม 18 เดือน มันเป็นหนังเรื่องที่ผมเข้าถึงอารมณ์แบบก้าวกระโดดที่สุดเท่าที่ผมเคยได้รับบทมาเลย” วิล สมิธ กล่าว
“ผมเข้าถึงความเป็นริชาร์ดได้อย่างสมจริง ผมยิ่งกว่าสวมบทบาทแต่ผมพยายามทำความเข้าใจถึงสิ่งที่เขาพบเจอมาตลอด เมื่อคุณรู้ว่าทำไมขาซ้ายของริชาร์ดจึงได้รับบาดเจ็บจนเดินได้ไม่ปกติ ในฐานะนักแสดงหน้าที่ของผมคือการต้องเข้าไปในความเป็นเขาให้ได้ลึกที่สุด ส่วนลึกของริชาร์ดเหมือนกับภูเขาน้ำแข็งที่ 90% ของมันอยู่ลึกลงไปใต้พื้นผิว ไม่ใช่แค่ยอดเขาที่โผล่มาให้เราเห็นเท่านั้น” วิล สมิธ กล่าว
Photo : Warner Bros. Pictures
ทั้ง วิล สมิธ และ ริชาร์ด วิลเลี่ยมส์ มีสิ่งที่ตัวเองรักและพยายามอยู่เคียงข้างไม่ว่าจะดีหรือร้าย ทั้งช่วงเวลาที่อ่อนแอ ช่วงเวลาแห่งความสำเร็จ และช่วงเวลาแห่งความสุขที่ไม่มีวันลืม มันคือเหตุผลที่พวกเขาทั้งหมดฝ่าฟันมาได้จนถึงจุดนี้ จุดที่เรื่องราวของ ริชาร์ด วิลเลี่ยมส์ ถูกตีแผ่และทำให้ใครหลายคนรู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขามากขึ้น
ซึ่งแน่นอนว่าการแสดงบทบาท ริชาร์ด วิลเลี่ยมส์ ก็เป็นเหมือนส่วนสำคัญที่เติมเต็มชีวิตนักแสดงของ วิล สมิธ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ เมื่อเขาบอกว่าการแสดงที่ดีที่สุดคือการใช้อารมณ์รับรู้ความรู้สึก ตอนนี้เขาได้สัมผัสมันโดยสมบูรณ์แบบแล้วสำหรับบทบาทนี้ และนั่นคือเหตุผลที่ว่าทำไม วิล สมิธ จึงคว้ารางวัลออสการ์ สาขานักแสดงชายประจำปี 2022 มาครองได้สำเร็จ
แหล่งอ้างอิง
https://www.theguardian.com/film/2021/nov/20/king-richard-film-venus-serena-richard-williams
https://www.npr.org/2022/03/25/1087970421/king-richard-is-a-quintessential-will-smith-movie-30-years-in-the-making
https://thematter.co/brief/171217/171217
https://www.giantfreakinrobot.com/ent/will-smith-best-advice.html
https://www.thelist.com/291491/you-might-not-recognize-the-cast-of-fresh-prince-today/
https://www.nytimes.com/2021/12/09/magazine/will-smith-interview.html
https://www.insider.com/will-smith-jada-pinkett-smith-no-one-make-them-happy-2021-11
————————————————-
ดูสด ดูฟรี ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก … พร้อมกีฬาชั้นนำระดับโลกแบบจัดเต็ม
ต้อง App TrueID เท่านั้น โหลดเลย!!
รวมข้อมูลแก้ไขปัญหาการใช้งาน รับชม หรือโปรโมชันกิจกรรมต่างๆ
อัพเดทข่าว ผลบอล พรีเมียร์ลีก แบบทันใจ พร้อมวิเคราะห์คู่เด่นในรอบสัปดาห์ ส่งถึงมือคุณ
คลิกเลย!! หรือ กด *301*32# โทรออก
หรือ อัพเดทข่าวบอลไทยลีก กด *301*36# โทรออก
เผยแพร่: 3 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.