จับตา MMA เทรนด์ใหม่คนไทย สู่การเป็นกีฬาเศรษฐกิจสร้างเงิน
ศิลปะการต่อสู้แขนงใหม่ที่กำลังได้รับการจับตามองในเมืองไทยนั่นคือ ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบผสม Mixed martial art (MMA) คือ การต่อสู้ที่รวมเอาศิลปะการต่อสู้หลายแขนงเข้าไว้ด้วยกัน อย่างเช่น มวยไทย, มวยสากล, ยูโด มวยปล้ำ, คาราเต้, แซมโบ้ บราซิลเลียน ยูยิตสู มีทั้งการเตะต่อย และการทำให้คู่ต่อสู้ยอมแพ้
ทวีปเอเชีย คือ ถิ่นกำเนิดของศิลปะการป้องกันตัวหลายแขนงมานานกว่า 5,000 ปี ไม่ว่าจะเป็นคาราเต้, มวยกัมพูชา, มวยไทย, กังฟู, ยูยิตสู, ยูโด, มวยกาลี, มวยปล้ำซุยเจียว, ไอคิโด ตลอดจนศาสตร์การป้องกันตัวอื่นๆ โดยศิลปะการป้องกันตัวแบบผสมถือเป็นวิวัฒนาการศาสตร์การป้องกันตัวรูปแบบใหม่อันน่าตื่นตาตื่นใจของศตวรรษนี้ และยังเป็นอนาคตใหม่ของศาสตร์การป้องกันตัวที่น่าจับตามอง
เนื่องจากเป็นการหลอมรวมการฝึกฝนศิลปะการป้องกันตัวที่ครบถ้วนทั้งเทคนิคการปะทะ และการจับยึด ทั้งการป้องกันตัวแบบยืน และการนอน ซึ่งต้องใช้แบบแผนของศาสตร์การป้องกันตัวหลากหลายชนิด นับเป็นเกมกีฬาที่มีทั้งรางวัลล่อใจแก่ผู้ชนะ การใช้ทักษะกีฬาระดับโอลิมปิก เสน่ห์ของศิลปะการป้องกันตัวดั้งเดิม และความตื่นเต้นเร้าใจ
เวทีการแข่ง MMA ไม่ได้จำกัดเรื่องเวทีว่าจะเป็นกรง เป็นคอกกั้น หรือเวทีมวยทั่วไป เบาะเทควันโด ก็แข่งขันกันได้ เพราะเป็นการเอาศิลปะการต่อสู้ที่ฝึกฝนมา มาต่อสู้กันจะอะไรก็ได้ ในกติกาเดียวกัน แต่สาเหตุที่ส่วนใหญ่เป็นกรง เพราะป้องกันอันตรายจากการตกเวทีของเหล่านักสู้
ในเมืองไทย 5 ปีก่อนหน้านี้ยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก แถมยังโดนกลุ่มคนมวยไทยต่อต้านศิลปะการป้องกันตัวแบบคิกบ็อกซิ่้งอีกด้วย ในอดีตมีนักมวยไทยชื่อดังในอดีตอย่างเช่น บัวขาว บัญชาเมฆ, เพชรทนง ศิษย์ อ., น้องโอ๋ แชมป์มวยไทย, สามกอ เกียรติมนเทพ ฯลฯ เริ่มไปหากินต่อย K ONE ที่ญี่ปุ่น จนสร้างชื่อเสียงโด่งดังทั้งในญี่ปุ่น และจีน
แต่เมื่อเรารับวัฒนธรรม MMA จาก UFC ที่แพร่หลายในยุโรป ประกอบกับเมื่อ 5 ปีก่อน ONE Championship ของ ชาตรี ศิษย์ยอดธง เริ่มขยายตลาดยึดหัวหาดทวีปเอเชียเป็นที่ตั้งเพื่อต่อกรกับ UFC โดยมี สิงคโปร์ และไทย เป็นศูนย์บัญชาการทำให้ ศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวแบบผสม MMA เริ่มเป็นที่รู้จัก และแพร่หลายในเมืองไทยด้วยจุดขาย “สปอร์ต เอ็นเตอร์เทน”
นักมวยไทยชื่อดังของเมืองไทยหลังจากหาคู่ชกไม่ได้ในเวทีมวยมาตรฐานอย่างลุมพินี และราชดำเนินแล้ว ก็เบนเข็มไปเซ็นสัญญาเข้าสังกัดของ ONE Championship ขึ้นเวทีกันเป็นว่าเล่นทั้งชายและหญิง อาทิ เดชดำรงค์ ส.อำนวยศิริโชค, น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว, รถถัง จิตรเมืองนนท์, ซุปเปอร์บอน, สามเอ ไก่ย่างห้าดาว, เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี, เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี, กัปปิตัน เพชรยินดีอะคาเดมี, พระจันทร์ฉาย พี.เค.แสนชัยมวยไทยยิม, แสตมป์ แฟร์เท็กซ์
นักมวยไทยเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือ จึงต้องแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆ การเข้าสังกัด ONE Championship ชกไฟต์หนึ่งๆ มีค่าตัวระดับ 7 หลัก แถมยังมีงานทำประจำเป็น “ครูมวย” อยู่ที่ค่าย อีโวลฟ์ สิงคโปร์ ที่พัก อาหารพร้อม เพราะนักชกเหล่านี้ต้องการโกยเงินช่วงโค้งสุดท้ายของอาชีพนักมวยไทย
จากการที่ MMA เริ่มแพร่หลายในเมืองไทยทำให้หลายๆ ค่ายมวยยักษ์ใหญ่ในเมืองไทยจำเป็นต้องสร้างนักสู้ขึ้นมาเพื่อรองรับตลาดที่มันกำลังโตอย่างรวดเร็วเปรียบเสมือนขุมทรัพย์แห่งใหม่ให้นักมวย เจ้าของค่ายมวยได้กอบโกย
สถานที่ฝึกสอน MMA ในเมืองไทยที่เป็นที่รู้จักกันในวงการก็มีหลายแห่งอาทิ Team Aka Thailand, Tiger Muay Thai, Team Quest Thailand แต่ก็อยู่ที่ภูเก็ต เชียงใหม่ ส่วนที่กรุงเทพฯ เพิ่งมียิม MMA จริงจัง Bangkok Fight Lab รวมไปถึงค่ายมวยไทยต่างๆ เริ่มปรับรูปแบบการฝึกซ้อมเพื่อขึ้นเวที MMA กันมากขึ้น
เพราะศิลปะแม่ไม้มวยไทยเมื่อเจอกับเหล่านักสู้ทั่วโลกที่เชี่ยวชาญการนอนสู้ มวยไทยเราจะเป็นรองเยอะ จึงต้องพัฒนาเปลี่ยนไปตามโลกการต่อสู้ที่หมุนไปอย่างรวดเร็ว และกำลังเป็นยุคทองของ MMA ในเมืองไทยก็ว่าได้
แม้กระทั่งคนดังหัวใจกีฬาเต็มตัวอย่าง สุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ยังให้การสนับสนุน “วิว” เยาวภา บุรพลชัย อดีตนักเทควันโดเหรียญทองแดงโอลิมปิก 2004 พลิกบทบาทเป็นโปรโมเตอร์ครั้งแรกในการจัด MMA ที่เมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ กับรายการ LEGENG FC CHAMPIONSHIPS เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนกีฬาที่ชื่นชอบกีฬาต่อสู้เข้าชมกันจำนวนมาก ผลพวงที่ได้รับคือ การกระตุ้น
เศรษฐกิจภายในจังหวัด และการท่องเที่ยวของเมืองไทย
หลังจากนี้เชื่อว่า MMA จะเป็นเทรนด์ใหม่ของกีฬาต่อสู้ที่คนไทยจะให้ความสนใจจนพลุแตก
และไม่แน่ว่า MMA นี่แหละจะเป็นกีฬาเศรษฐกิจที่จะดูดนักท่องเที่ยวเข้าเมืองไทยอีกเช่นกัน…