ฟังที่นายชูวิทย์แฉ มันเน่าลงมาตั้งแต่หัว คือระดับ ผบ.ตร.-รอง ผบ.ตร. เรื่อยลงมา ระดับล่างๆ อย่างนายสิบตำรวจ ไม่ต้องพูดถึง
ใช่ว่าผมฟังนายชูวิทย์พูดแล้วเชื่อ….
แต่ที่เขาพูด มีหลักฐานยืนยัน ถึงขั้น “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” รอง ผบ.ตร. ใช้เป็นข้อมูลกวาดล้าง-จับกุมตู้ห่าวและแก๊ง
กรณีนายตู้ห่าวนี่ สังเกตกันมั้่ย?
ขนาดว่า เคยบริจาคเงิน ๓ ล้านเข้าพรรคพลังประชารัฐ แม้การบริจาคเป็นเรื่องทำได้ เพราะตู้ห่าวเป็นคนไทยก็ตาม
แต่ในมุมการเมืองแล้ว……
ประเด็นนี้่ ต้องเป็นเหยื่อชิ้นโตให้ “ฝ่ายค้าน” รีบฉวยไปโจมตี “พลังประชารัฐ” ทันที
แต่ปรากฏว่า แทบไม่แตะกันเลย!
เพราะอะไร เพราะไก่เห็นตีนงู-งูเห็นนมไก่ อย่างหนึ่งละ
เรื่องเงินบริจาคแต่ละพรรค เมื่อสาวไปถึงตัวผูู้บริจาคแต่ละราย ที่ไม่ “ลายพร้อย” ตั้งแต่หัว-ยันหาง มีซักกี่ราย!?
อีกอย่าง กรณี “นายตู้ห่าว” ถามว่า….
เป็นคนจีน โด่ๆ เข้ามา ถ้าไม่มีคนในอำนาจรัฐช่วยเหลือ จะแปลงสัญชาติจากจีนเป็นไทยได้ง่ายดาย รวดเร็วอย่างนั้นมั้ย?
ดูอย่าง “โค้ชเช” ชาวเกาหลี โค้ชเทควันโด เป็นตัวอย่างซิ
สร้างคุณประโยชน์ต่อวงการกีฬาไทย ภักดี-จริงใจ ต่อประเทศไทยมายาวนานขนาดไหน?
กว่าจะได้ “สัญชาติไทย” ขุด “บิตคอยน์” ยังง่ายกว่า!
จากคำให้สัมภาษณ์ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ บอกว่า…..
“ตู้ห่าวมีความ “สัมพันธ์กับ พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก” อดีตรองนายกฯ และรัฐมนตรียุติธรรม รัฐบาลยิ่งลักษณ์”
หลานสาว พล.ต.อ.ประชา เป็นเมียจดทะเบียนสมรสกับนายตู้ห่าว ปัจจุบันมียศระดับ “พันตำรวจเอก” สังกัดกองตรวจคนเข้าเมือง!
เพราะรากมันลึกอย่างนี้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ พรรคใหญ่ฝ่ายค้าน จึงไม่หยิบเรื่อง “ตู้ห่าวบริจาค ๓ ล้าน” เข้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นจุดโค่นล้ม
ผิดกับ “ทุกเรื่่อง-ทุกครั้ง” ที่ไม่เคยรั้งรอ!
ก็อยากถาม “บิ๊กโจ๊ก” ให้แน่ใจก่อน ว่าทำเรื่องตู้ห่าว จริงใจด้วยต้องการ “ขุดราก-ถอนโคน”
หรือ “ดายหญ้าหน้าดิน” ตบตาสังคมไปชั่วครั้ง-ชั่วคราว อย่างที่เป็นมา ทุกยุค-ทุกสมัย?
ตอนจับและทำสำนวนคดีใหม่ๆ ก็บอกกันว่า หลักฐานแน่น ไม่มีหลุด พาดพิงถึงใครจับหมด
แต่เท่าที่ฟัง อย่างตู้ห่าว กว่าจะจับ ก็ทอดเวลาไปเป็นเดือน การจับ ก็เพียง “ซื้อครหาสังคม” เพราะบอกว่า
ตอนนี้ มีแค่คำซัดทอดและการเชื่อมโยงถึงเท่านั้น!
สรุปชัดๆ ยังไม่มีพยาน-หลักฐานมัดตัว ถึงการเป็นหัวหน้าแก๊ง หรือร่วมแก๊งค้ายาเสพติด บ่อนพนันเถื่อน ตามที่เป็นข่าวปาวๆ
ทั้งตู้ห่าว ก็ปฏิเสธทุกข้อหา!
อย่าให้เหมือนคดี “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” และบางคดีที่ภูเก็ต ถึงอัยการ สั่งไม่ฟ้องบ้าง ถึงศาล ศาลยกฟ้องบ้าง ด้วยเหตุทางสำนวนคดีนั่นแหละ
ยิ่งที่ชัดว่ามีตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งบิ๊กโจ๊ก ทั้ง ผบ.ตร.ก็บอกเพียงกว้างๆ ว่า “ถ้า” มีหลักฐานพาดพิงถึงใครจะ ดำเนินคดีหมด
ก็หมายความว่า ตอนนี้…ยังโบ๋เบ๋!
มีแต่ที่เขาว่า แต่ไม่มีหลักฐาน “เกี่ยวกับตำรวจชั่ว” ที่หากินกับโจร ใช้ความเป็นตำรวจช่วยเหลือโจรอยู่ในมือเลย อย่างนั้นใช่ไหม?
มัน “ไม่มี” หรือ “ไม่พยายาม” ทำให้มี….
ระวังนะ ตำรวจนี่…มันเป็น “ฟางเส้นสุดท้าย…ของสุดท้าย” บนหลัง “สังคมไทย” มานานจะสุดทนกันอีกต่อไปแล้ว!
สาวตั้งแต่ต้นตอมาดูซิครับ ว่า
ใครช่วยเหลือ “แปลงสัญชาติ” ให้ตู้ห่าว ทำธุรกิจสีเทาในเมืองไทย ค้าเพชรบังหน้า ทำตั้งแต่สมัยไหน?
ตรวจสอบได้นี่ครับ หลักฐานมีที่มหาดไทยและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สรรพากร ฯลฯ
และตลอดมา ใคร…หมาต๋าคนไหน คอยฟอกเงินดำให้ตู้ห่าว?
ตู้ห่าว มีเมียเป็นพันตำรวจเอก เป็นหลานอดีต ผบ.ตร.ประชา เท่ากับตู้ห่าวเป็น “หลานเขย” อดีต ผบ.ตร.และอดีต รมว.ยุติธรรม
ไม่เพียงเท่านั้น ลูกเขย พล.ต.อ.ประชา ก็เป็นอดีตรอง ผบ.ตร. เรียกว่า ตู้ห่าวอยู่ในสาแหรกตำรวจ เป็นหนวดปลาหมึก
ฟังแล้ว “ปวดใจ”!
ถ้าระดับนายชูวิทย์ยังรู้ ยังมีหลักฐาน ว่าตำรวจคนไหนรับเงินตู้ห่าว พาตู้ห่าวหลบหนี เปลี่ยนตัวผู้ต้องหา คืนรถของกลางให้โจร
แต่ระดับ ผบ.ตร.กลับไม่รู้……..
แบบนั้น การปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติแบบปฏิวัติ สมควรให้ “พลเรือน” เป็น ผบ.ตร.ได้
ให้ “นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” ผู้มีปูมประวัติคนจีนที่เข้ามาทำธุรกิจสีเทาในเมืองไทย และรู้เส้นทาง “ตำรวจโจร” ครบครัน พร้อมพยาน-หลักฐานนั่นละ
ให้เป็น “ผบ.ตร.” พลเรือนคนแรกเลย!
อีกสิ่งสำคัญที่ผมอยากบอก……..
ตู้ห่าว ไม่เพียงเป็น “โรคห่า” ที่ระบาดวงการตำรวจให้ต้องตายกันระนาวต่อจากนี้ เท่านั้น
(ถ้าบิ๊กโจ๊กและผู้สั่งเป็นนโยบายกับบิ๊กโจ๊กเอาจริง)
ขอบอกว่า ยังระบาดไปถึง “ความเปลี่ยนแปลง” ทางการเมืองที่มีนัยสำคัญด้วย!
ได้ยินที่นายชูวิทย์แฉมั้ย?
ต้องใช้คำว่าแฉ เพราะเขาไม่ได้พูดลอยๆ เชิงกล่าวหา แต่เขามีพยานหลักฐานไปยืนยันให้เห็นด้วย
เช่น กรณี “เครื่องบินส่วนตัว” นายตู้ห่าว สามารถเข้าไปจอดเก็บอยู่ในฝูงบิน ๖๐๔ ของกองบิน ๖ กองทัพอากาศได้
ชูวิทย์แฉว่า………
“หาว เจ๋อ ตู้” ใกล้ชิดกับใคร พาดพิงถึงใคร รัฐมนตรีคนไหน ผมมีเอกสารหลักฐานที่น่าสนใจ…..
เครื่องบินของ หาว เจ๋อ ตู้ มีความเชื่อมโยงถึงรัฐมนตรีท่านหนึ่ง ที่นำไปใช้หาเสียงอยู่บ่อยๆ
การขออนุญาตจอด ก็จะต้องขออนุญาตโดยรัฐมนตรี ไม่ใช่ หาว เจ๋อ ตู้ เพราะไม่ใช่สมาชิกฝูงบิน ๖๐๔ เหตุการณ์เช่นนี้ แสดงถึงอิทธิพลของ หาว เจ๋อ ตู้ …………
“หาว เจ๋อ ตู้” เป็นคนจีน ไม่รู้เรื่องการเมืองไทย จึงมีคนพาไปพบกับบุคคลหนึ่งที่ชอบสะสมนาฬิกา พาเข้าไปกราบเพื่อให้เห็นบารมี
มีนาฬิกาปาเต๊ะ ๑ เรือน มูลค่าประมาณ ๑๐ กว่าล้าน ถูกส่งมอบให้ ขณะที่ หาว เจ๋อ ตู้ ก็บริจาคเงิน ๓ ล้าน ให้พรรค….
“…….เมื่อวันที่ ๙ มี.ค.๖๕ ขออนุญาตเที่ยวบินส่วนบุคคลบินขึ้นลง และจอดพัก ณ ท่าอากาศยานร้อยเอ็ด
มีท่าน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เดินทางไปกลับเที่ยวบินนี้ ซึ่งเที่ยวบินนี้ คือ HS-HAO
ขอเรียนว่า ท่านธรรมนัสกับผมไม่มีอะไรบาดหมางกัน
ผมไม่เคยเอ่ยถึงท่าน….
ไม่มีอะไรพาดพิงท่าน ผมไม่ทราบ ผมพูดต่อหน้าสื่อว่า ตู้ห่าว ไปเกี่ยวข้อง
แต่ “สันธนะ” เป็นคนพูดเองว่า “ร.อ.ธรรมนัสฝากดูแลคนจีนเหล่านี้” นั่นคือ จุดเกิดเหตุ ซึ่งไม่ได้มาจากผมเลย…”
นี่…
เหล่านี้คือปากคำนายชูวิทย์ ซึ่งเขามีหลักฐานไปยื่นกับ กมธ.ป.ป.ช.ที่สภา
ท่านอ่านแล้วคิดถาม เมื่อคิดแล้ว ท่านก็จะไม่ต้องเที่ยวตะกายไปถามใครว่า
“สมัยหน้า” ลุงตู่จะยังอยู่เป็น “นายกฯ บัญชีพรรค” พลังประชารัฐ หรือจะรับเชิญไปเป็นให้พรรค “รวมไทยสร้างชาติ”?
ในเมื่อ “ลุงป้อม” บอกแล้ว
“ก๊วนธรรมนัสจะกลับพลังประชารัฐ” ในเลือกตั้่งปี ๖๖!
อีกประเด็นที่น่าสนใจเรื่องนี้ คือ
๑.ชูวิทย์เอาชีวิตเป็นเดิมพัน “เพื่อสังคมสะอาด” ใครคือ “แรงผลักดัน” อยู่ข้างหลัง?
๒.บิ๊กโจ๊ก “พล.ต.อ.สุรเชษฐ์” ได้แรงหนุนจากใคร จึงสางคดีนี้ ค่อนข้าง “เอาจริง” บ่งบอกจะ “ล้างบาง” ตำรวจเลว?
๓.จะเห็นว่าเอกชน-ตำรวจ “ชูวิทย์-บิ๊กโจ๊ก” ประสานข้อมูลในการล้างบางชนิดเปิดเผย
“บิ๊กโจ๊ก-ชูวิทย์” คือ แมว ๙ ชีวิตทั้งคู่
ฉะนั้น อย่าทำ “แมวตุ๋น” กับประชาชนเชียวนะ
ขุดทั้ง “จีนเทา” และ “กากีเทา” ขึ้นมาทั้งราก-ทั้้งหัว
แล้ว “ประชาชน” จะ “ทูนหัว” ให้ท่าน.
คนปลายซอย
เผยแพร่: 3 มิ.ย. 256…
This website uses cookies.