“หนังสือพิมพ์แนวหน้า www.naewna.com อุดมการณ์ มั่นคง ตรงไป ตรงมา” … ทำโลกทัศน์ที่กว้างให้แคบ ทำโลกทัศน์ที่แคบให้กว้าง ทำความจริงให้ปรากฏ นำข้อเท็จจริงมาตีแผ่ทั้งการเมืองบันเทิงเศรษฐกิจรายงานผลกีฬาที่น่าสนใจเที่ยงตรงฉับไว … ฉบับนี้ “ไม้หน้าสาม” ขอรายงานสถานการณ์การระดมฉีด “วัคซีนโควิด-19” ที่เป็น “วาระแห่งชาติ” ล่าสุด “ศาสตราจารย์นายแพทย์ยง ภู่วรวรรณ เป็นนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติ สาขาวิทยาศาสตร์การแพทย์ราชบัณฑิตและหัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และเป็นที่ปรึกษาสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19” โพสต์ข้อมูลเกี่ยวกับผลข้างเคียง/อาการไม่พึงประสงค์ หลังฉีด “วัคซีนโควิด-19” ยี่ห้อ “แอสตราเซเนกา”ไว้อย่างละเอียด รวมถึงลักษณะของผู้รับวัคซีนโควิด-19 ยี่ห้อ “ซิโนแวค” ด้วย…
nn อาการไม่พึงประสงค์หรือผลข้างเคียงหลังการฉีด “วัคซีนโควิด-19”จะเป็นอย่างไร “ไม้หน้าสาม” ไม่อาจรับทราบได้เพราะยังไม่ถึงคิวรับ “วัคซีน” แต่ได้รับข้อมูลอาการไม่พึงประสงค์หรือผลข้างเคียงก่อนการฉีดวัคซีนมา “เน้นย้ำก่อนรับการฉีดวัคซีน” … เกิดอาการงามหน้ากับประสิทธิภาพการทำงานในระบบของ “กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย” ที่ทำเอาบุคลากรทางการแพทย์ หมอ พยาบาล เกิดผลงงอย่างที่สุด ทำให้เห็นถึง “กระบวนการทุจริตและความเน่าเหม็น” ของข้าราชการฝ่ายปกครอง “ไม้หน้าสาม” ได้รับการร้องเรียนเรื่องผลข้างเคียงนี้มาจาก “นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์” ว่าเขาได้พา “บุตรสาววัย 24 ปี” ไปรับวัคซีน เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อนำบัตรประจำตัวประชาชน (บัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์-สมาร์ทการ์ด) ไปเสียบตรวจสอบข้อมูลแสดงตัวตนกลับพบว่า เลข 13 หลักบนบัตรประจำตัวประชาชนของบุตรสาวนั้นเป็นชื่อของชายกลางคนวัย 40 กว่าปี เรียกว่าคุณหมอคุณพยาบาลงงเป็นไก่ตาแตก เจ้าหน้าที่ตรวจสอบหลักฐานแน่ชัดจึงแก้ไขข้อมูล พอรับวัคซีนเสร็จเรียบร้อย ระบบก็ขึ้นชื่อชายวัย 40 กว่าเช่นเดิม แต่ครั้งนี้แปลกกว่าเพราะสรรพนามคำนำหน้าชื่อในระบบจาก “นาย” เปลี่ยนเป็น “นางสาว” เรื่องนี้มีหลักฐานชัดเจนเพราะนักธุรกิจรายนี้ยังพอมีสติกับเหตุการณ์นี้ภาพถ่ายเป็นหลักฐานพร้อมพยานบุคคลที่เป็นบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่ในขณะนั้นสามารถยืนยันเรื่องนี้ได้อย่างชัดเจน “ไม้หน้าสาม” รับข้อมูลมาเลยมาถามตรงไปตรงมาตรงนี้ให้ “ท่านอธิบดีกรมการปกครอง” ชี้แจงไขข้อสงสัย ก่อนจะส่งเรื่องเยี่ยงนี้ให้ “พลเอกอนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย” ได้รับทราบและพิจารณาผลงานชิ้นโบดำครั้งนี้ต่อไป ที่ไม่นิ่งเฉยเพราะ “ไม้หน้าสาม” ระลึกถึงงบประมาณแผ่นดินจำนวนมหาศาลที่ทุ่มไปกับการจัดทำสมาร์ทการ์ดบัตรประจำตัวประชาชนอเนกประสงค์เมื่อปีพุทธศักราช 2547 ใน “สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร” ประมวลผลเช่นนี้ได้อย่างไร??? มันเป็นเรื่องน่าเจ็บปวดมิใช่น้อย ยิ่งย้อนไปถึงเรื่องราวการขออนุมัติสัญชาติไทยให้น้อง “หม่อง ทองดี” อดีตนักเรียนไร้สัญชาติที่ได้รับโอกาสเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่งขันพับเครื่องบินกระดาษที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งครั้งนั้นเป็นผู้ชนะเลิศ สร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศชาติ แต่กว่าจะได้บัตรประจำตัวประชาชนและเลข 13 หลักนั้นผู้เกี่ยวข้องต้องลุ้นกับเงื่อนไขร้อยแปดพันเก้าของกรมการปกครองอยู่เป็นนานสองนาน แม้กระทั่งการขอสัญชาติไทยของชายชาวเกาหลีใต้ที่ชื่อโค้ช “ชเว ย็อง ซ็อก” ที่ทุ่มเทแรงกายแรงใจฝึกฝนผลักดันให้ “นักกีฬาหนุ่มสาวเทควันโดไทย” ผงาดเป็นเบอร์หนึ่งของเอเชียเหนือประเทศบ้านเกิดของเขา ทั้ง “น้องเทนนิส-พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ, เจ้าเทม-เทวินทร์ หาญปราบ”เป็นต้น ซึ่งผ่านเวลามานานสองนานก็ยังไม่มีความสำเร็จนี้ออกมา จึงมองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากคำว่า “ผลประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง” เท่านั้น หากไม่มีกระแสกดดันในโลกโซเชียลทุกอย่างจะไม่มีวันเกิดขึ้น แม้ให้เดินเข้าสู่กระบวนการตามกฎระเบียบที่ถูกต้อง…
nn “ทหารแก่ – พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีท่านจงท่องจำไว้เลยว่า “รัฐบาลเรือแป๊ะ” ที่ท่านทำหน้าที่ “ไต้ก๋ง” จะไม่มีวันล่มสลายแพ้ภัยนักการเมืองชังชาติอย่างแน่นอน หากจะมีวันล้มรัฐบาลท่านนั่นหมายความว่า “ท่านปล่อยให้เกิดการทุจริตประพฤติมิชอบคอร์รัปชั่น”ไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม “ความวัวยังไม่ทันหาย” จากกรณี “ประมูลรถไฟรางคู่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย เส้นทางสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือ”ที่มีทั้งนักการเมืองในพรรคร่วมรัฐบาล นักวิชาการตั้งข้อสังเกตการแบ่งช่วงการก่อสร้าง และจำนวนเงินงบประมาณดำเนินการที่ลดหลั่นกันน้อยนิดอย่างบังเอิญ จะเกิด “ความควายเข้ามาแทรก” จากกรณีบัตรประจำตัวประชาชนที่นำไปสู่ “วัคซีนการเมือง” อีกกระนั้นหรือ…
nn ไม่ได้คิดมาโต้แย้ง “บุคคล” ที่ทนไม่ได้กับการต้องรับ “วัคซีนซิโนแวค” ที่ผลิตในสาธารณรัฐประชาชนจีน และ“วัคซีนแอสตราเซเนกา” ที่ผลิตในประเทศไทย ซึ่ง “รัฐบาลเรือแป๊ะ” เป็นผู้จัดหามาให้แล้วด้อยค่าวัคซีนสองตัวนี้ว่า “เกรดต่ำ” มาอ่านข้อความบรรทัดนี้อย่างมีสติและสามัญสำนึกไม่อคติชังชาติ … “ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC)” ออกแถลงการณ์เตือนวัยรุ่นที่มีอายุ 16-24 ปี จำนวนมากกว่าอาจพบ “อาการกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ” หลังจากที่ได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 ยี่ห้อ “ไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นา” ทั้งนี้จากข้อมูลระบบตรวจสอบความปลอดภัยของวัคซีน ณ วันที่ 31 พ.ค. พบว่า วัยรุ่นที่มีอายุ16-24 ปี จำนวน 275 คน มีอาการ “กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ หรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ” ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ในช่วง 10-102 คน … นอกจากนี้ ยังพบผู้ที่มีอาการ “กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบหรือเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ”จำนวน 475 คน ในกลุ่มคนที่มีอายุ 30 ปี หรือต่ำกว่า หลังจากได้รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เข็มที่ 2 ของ “ไฟเซอร์หรือโมเดอร์นา” อย่างไรก็ดี ผู้ที่มีอาการดังกล่าวส่วนใหญ่ หรือราว 81% จะมีอาการดีขึ้นจนเป็นปกติ หลังจากที่ได้รับการรักษาตัวที่โรงพยาบาล หมายถึงไม่พบการเสียชีวิต…
nn วันนี้เกิดความโกลาหลอย่างมากมายกับสังคมไทยในเรื่องของ “วัคซีนโควิด-19” ที่ลุกลามกลายเป็น “วัคซีนการเมือง” อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อนักฉวยโอกาสทางการเมืองยังคิดถึงแต่ตัวเอง เอา “ชะตากรรมประชาชน” มาสร้างคะแนนนิยมวางฐานการเมืองไว้ต่อรองอำนาจทางการกับ “ไต้ก๋งเรือแป๊ะ” … เกิดอะไรกับ “วัคซีนโควิด-19” เหตุใดต้องเลื่อนฉีดวัคซีน “ผู้สูงอายุและผู้ป่วยเรื้อรัง 7 โรค” อย่างไม่มีกำหนด ทั้งที่คนเหล่านี้คือกลุ่มเสี่ยงที่ถูกศบค., กระทรวงสาธารณสุข เขียนแผนให้ได้รับวัคซีนก่อนใคร ฉบับหน้าวันศุกร์ “ไม้หน้าสาม”จะเอาข้อมูลที่นายแพทย์จากโรงพยาบาลในสังกัดสำนักงานอนามัย กรุงเทพมหานคร“วชิรพยาบาล” มานำเสนออย่างหมดเปลือก โดยไม่มีข้อมูลอื่นใดมาแทรกซ้อนมาเบียดบังพื้นที่แม้แต่น้อย ไม่มีโรคเลื่อนไม่เหมือนเหตุ “วัคซีนโควิด-19” แน่นอน!!!…nn
ไม้หน้าสาม