เผยแพร่: ปรับปรุง:
วัคซีนโควิด-19 ของซิโนแวค ไบโอเทค ที่ใช้ฉีดให้แก่บรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอินโดนีเซีย ส่งสัญญาณที่สร้างขวัญกำลังใจแก่ประเทศกำลังพัฒนาหลายสิบชาติที่พึ่งพิงวัคซีนซึ่งเป็นที่ถกเถียงของจีนตัวดังกล่าว หลังจากก่อนหน้านี้มันมีผลงานแย่กว่าวัคซีนจากชาติตะวันตกในการทดลองทางคลินิก
อินโดนีเซียติดตามอาการเจ้าหน้าที่สาธารณสุข 25,374 คนในกรุงจาการ์ตา เป็นเวลา 28 วัน หลังจากได้รับวัคซีนซิโนแวค โดสที่ 2 และพบว่ามันสามารถป้องกันการเสียชีวิตในคนกลุ่มนี้ 100% และ 96% จากการติดเชื้ออาการหนัก เร็วที่สุด 7 วันหลังฉีดวัคซีน จากการเปิดเผยของบูดี กูนาดี ซาดิคิน รัฐมนตรีสาธารณสุขอินโดนีเซียให้สัมภาษณ์เมื่อวันอังคาร (11 พ.ค.)
ซิดิคิน บอกด้วยว่า ในบรรดาเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจำนวนดังกล่าว มีถึง 94% ที่ได้รับการป้องกันจากการติดเชื้อ ซึ่งเป็นผลที่ออกมาดีเกินกว่าการทดลองทางคลินิกต่างๆ นานา “เราพบเห็นการลดลงอย่างมากในบุคลากรทางการแพทย์ที่เสียชีวิตและล้มป่วยอาการสาหัสถึงขั้นต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล”
ไม่เป็นที่ชัดเจนว่าวัคซีนของซิโนแวคใช้ได้ผลกับไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่สายพันธุ์ใดในอินโดนีเซีย แต่ในปัจจุบันประเทศแห่งนี้ไม่พบการแพร่ระบาดใหญ่ใดๆ ที่มีต้นตอจากตัวกลายพันธุ์
ข้อมูลดังกล่าวเป็นสัญญาณบวกเพิ่มเติมเกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีนซิโนแวค หลังจากก่อนหน้านี้ในบราซิล วัคซีนซิโนแวคได้แสดงผลออกมาว่ามันประสิทธิภาพในโลกจริงมากกว่าในขั้นการทดลองเช่นกัน ขณะที่วัคซีนซิโนแวคเคยถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางเกี่ยวกับอัตราประสิทธิภาพที่ไม่สอดคล้องกันและโดนตั้งคำถามเกี่ยวกับความโปร่งใสของข้อมูล
ทั้งนี้ ผลการทดลองขั้น 3 ซึ่งเป็นการทดลองกลุ่มใหญ่ที่สุดในบราซิล ประสิทธิภาพวัคซีนซิโนแวคอยู่เหนือระดับ 50% แค่เล็กน้อย ต่ำที่สุดในบรรดาวัคซีนโควิด-19 ทั้งหมดที่วิจัยออกมาในรุ่นแรกๆ
หยิน เหว่ยตง ประธานและซีอีโอของซิโนแวค ให้สัมภาษณ์กับบลูมเบิร์กในวันอังคาร (11 พ.ค.) ปกป้องผลประสิทธิภาพวัคซีนที่แตกต่างระหว่างการทดลองทางคลินิก และระบุมีหลักฐานมากขึ้นว่าวัคซีนโคโรนาแวค กำลังทำผลงานได้ดีกว่าเมื่อใช้งานในโลกจริง
อย่างไรก็ตาม ด้วยการวิจัยในโลกจริง ยังแสดงให้เห็นว่าประสิทธิภาพในการสกัดการแพร่ระบาดของวัคซีนซิโนแวคจะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อคนจำนวนมากได้รับการฉีดวัคซีน เหตุการณ์ที่เหล่าประเทศกำลังพัฒนาซึ่งขาดแคลนโครงสร้างพื้นฐานด้านสาธารณสุขและเข้าถึงวัคซีนอย่างจำกัด คงไม่อาจบรรลุเป้าหมายอย่างรวดเร็ว
ในผลการศึกษากับเหล่าเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอินโดนีเซียและกับเมืองเซอร์รานาในบราซิล ซึ่งมีประชากร 45,000 คน และได้รับวัคซีนเกือบทุกคน พบว่าผู้ติดเชื้อที่มีอาการรุนแรงและผู้เสียชีวิตลดลงอย่างมากหลังพวกเขาได้รับวัคซีน สวนทางกับในชิลีที่พบเห็นการแพร่ระบาดฟื้นคืนชีพ หลังฉีดวัคซีนไปได้ราว 1 ใน 3 ของจำนวนประชากร 19 ล้านคน หนึ่งในชาติที่ฉีดวัคซีนรวดเร็วที่สุดในโลก แต่ไม่เพียงพอที่จะสกัดการแพร่ระบาดของตัวกลายพันธุ์รุนแรงที่กำลังอาละวาดทั่วละตินอเมริกา
กระนั้นในเรื่องนี้ หยิน เหว่ยตง ให้ความเห็นว่า “กลุ่มแรกๆ ที่ได้รับวัคซีนในชีลีคือคนชรา ไม่ถึง 15 ล้านโดส นั่นหมายความว่ามีประชาชนแค่ 7 ล้านคนที่ได้รับวัคซีนของเรา เทียบเท่ากับแค่ 36% ของจำนวนประชากร 19 ล้านคน เป็นเรื่องปกติที่ประเทศแห่งนี้พบเห็นตัวเลขการติดเชื้อที่ฟื้นคืนมา เนื่องจากมีความเคลื่อนไหวทางสังคมเพิ่มขึ้นในคนหนุ่มสาว และคนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน”
หยิน บอกว่า ในบรรดาผู้ฉีดวัคซีนโคโรนาแวคในชิลี มีถึง 89% ที่ได้รับการป้องกันจากการติดเชื้อโควิด-19 อาการหนักถึงขั้นต้องเข้ารักษาตัวในห้องไอซียู และการป้องกันของวัคซีนดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพแตกต่างกันไปในแต่ละแห่งสืบเนื่องจากตัวกลายพันธุ์ของไวรรัส แต่วัคซีนของซิโนแวคดูเหมือนจะยืนหยัดต่อต้านได้เป็นอย่างดีกับตัวกลายพันธุ์ใหม่ที่น่ากังวล
อินโดนีเซียเป็นชาติแรกๆ ที่เสี่ยงเดิมพันกับวัคซีนของจีน โดยในเดือนมกราคม ประธานาธิบดีโจโค วิโดโด เป็นผู้นำชาติหลักรายแรกของโลกที่เข้ารับวัคซีนซิโนแวค เพื่อปัดเป่าความเคลือบแคลงสงสัยทั้งในประเทศและต่างประเทศ นับตั้งแต่นั้นชาติเศรษฐกิจยักษ์ใหญ่ของเอเชียได้ฉีดวัคซีนแก่ประชาชนไปแล้วมากกว่า 22 ล้านโดส ส่วนใหญ่แล้วเป็นวัคซีนซิโนแวค ขณะที่พวกเขาหวังบรรลุเป้าหมายสร้างภูมิคุ่มกันหมู่ในประชากร 270 ล้านคนในช่วงสิ้นปี
“ประสิทธิภาพขั้นต่ำควรอยู่เหนือ 50% แต่มันเหนือกว่านั้นมาก วัคซีนที่ดีที่สุดคือวัคซีนที่คุณสามารถได้รับเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ทุกวัคซีนสามารถป้องกันการเสียชีวิต” รัฐมนตรีสาธารณสุขอินโดนีเซียกล่าว “มันไม่ใช่ต้องมีประสิทธิภาพสูงสุด แต่มันควรเป็นวัคซีนที่สามารถฉีดให้ประชาชนได้เร็วที่สุด”
ในขณะที่เพื่อนบ้านอย่างมาเลเซียและไทย กำลังพบเห็นจำนวนผู้ติดเชื้อฟื้นคืนกลับมา อัตราการพบผู้ติดเชื้อใหม่และเสียชีวิตในอินโดนีเซียทรงตัวมาตั้งแต่แตะระดับสูงสุดในเดือนมกราคม อย่างไรก็ตาม ด้วยประชากรจำนวนมหาศาลส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการป้องกัน และเทศกาลสิ้นสุดการถือศีลอดกำลังมาถึง ก่อความกังวลว่าเคนผู้ติดเชื้ออาจฟื้นตัวสูงสุด 60% เนื่องจากผู้คนจะรวมตัวกับครอบครัว และเดินทางกลับมาตุภูมิ แม้รัฐบาลกำหนดข้อจำกัดต่างๆ นานาแล้วก็ตาม
(ที่มา : บลูมเบิร์ก)