Thailand Sport Magazine Sponsored
Categories: ว่ายน้ำ

เล่าเรื่องหนัง :ทำไม “It’s a Wonderful Life” ถึงเป็น “หนังคริสต์มาส” ที่ดีที่สุดตลอด – มติชน

Thailand Sport Magazine Sponsored
Thailand Sport Magazine Sponsored

ช่วงคริสต์มาสตามธรรมเนียมฝั่งตะวันตก โดยเฉพาะในอเมริกามักจะต้องมี “หนังคริสต์มาส” ออกมาเป็นธรรมเนียม เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของความรื่นเริงสนุกสดใส ส่วนในฟากฝั่งทีวีของอเมริกาก็จะมีธรรมเนียมฉายหนังเก่าๆ หนังคริสต์มาสคลาสสิกที่ผู้คนชื่นชอบมาเปิดวนให้ดูกันในช่วงเวลานี้ด้วย

“It’s a Wonderful Life” คือหนึ่งในภาพยนตร์คริสต์มาสที่ถูกนำมาฉายทางทีวีในช่วงคริสต์มาสกันทุกปี ถ้าไปถามคนอเมริกันให้นึกถึงหนังคริสต์มาสในดวงใจ จะต้องมีการเอ่ยถึงหนังเรื่องนี้ด้วยแน่นอน และถ้าไปส่องตามอันดับหนังคริสต์มาสยอดเยี่ยมตามเว็บไซต์ต่างๆ หนังเรื่องนี้ก็จะขึ้นอันดับหนึ่งในทุกการจัดอันดับ

ทว่ากว่าที่หนัง “It’s a Wonderful Life” จะกลายเป็นหนังคริสต์มาสขวัญใจมหาชนได้มันกลับต้องใช้เวลาเดินทางพิสูจน์ตัวเองมายาวนานเกือบ 3 ทศวรรษ เพื่อจะบอกว่าผลงานของผู้กำกับชั้นครู “แฟรงก์ คาปรา” คือของแท้และร่วมสมัย

ด้วยความที่หนังปี 1946 เรื่องนี้ ไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้เมื่อครั้งออกฉายในช่วงคริสต์มาสของปีนั้น หนังไม่ได้รับเสียงตอบรับจากคนดู นักวิจารณ์หนังก็สับว่านี่ไม่ใช่หนังคริสต์มาสที่ควรจะเป็น บ้างก็ว่าเป็นหนังที่เล่นง่ายเกินไป สวนทางกับความรู้สึกของ “แฟรงก์ คาปรา” ที่เขาบอกว่า นี่คือหนังที่ดีที่สุดที่เขาเคยสร้างมา อีกทั้งยังเป็นหนังคัมแบ๊กการกลับมาอีกครั้งของพระเอกดังระดับออสการ์ยุคนั้น “เจมส์ สจ๊วต” ซึ่งพักจากงานในวงการไปเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 2 อยู่นานถึง 3 ปี

หนังยืนโรงฉายอย่างเงียบๆ และหลุดจากโปรแกรมฉายในกลุ่มหนังทำรายได้ท้ายตาราง…แม้หนังจะไปได้ไกลเข้าชิงออสการ์ในสาขารางวัลใหญ่ๆ 5 สาขา แต่ก็พลาดไปทุกรางวัล

จุดเปลี่ยนของเรื่องนี้ใช้เวลาเกือบ 30 ปี เมื่อในปี 1974 บริษัทที่ถือลิขสิทธิ์หนังเรื่องนี้ขัดข้องในการต่อสัญญา ทำให้ในปีนั้นสถานีโทรทัศน์ในอเมริกาเลยได้หนังเรื่องนี้มาฉายฟรีๆ บนจอทีวีและฉายวนซ้ำไปมา พร้อมทำโปรโมตด้วยข้อความแบบง่ายๆ ว่า “ไม่มีใครที่ล้มเหลวหรอกถ้าเขามีมิตรสหาย” ด้วยจังหวะเวลาของสภาพการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในสังคม กลายเป็นว่าหนัง “It’s a Wonderful Life” กลับเข้าถึงคนดูในอีกยุค โดนใจคนหมู่มากกลายเป็นหนังดีปากต่อปาก และผู้คนก็หลงรักหนังเรื่องนี้กันในที่สุด

ที่มาของหนัง “It’s a Wonderful Life” มาจากเรื่องสั้น “The Greatest Gift” ในปี 1943 ของนักเขียนคนหนึ่งที่เสนอเรื่องไปแล้วไม่ได้รับการตีพิมพ์ เขาเลยตัดสินใจนำต้นฉบับที่มีความยาว 21 หน้า ไปตีพิมพ์เอง และส่งไปในรูปแบบแทนการ์ดอวยพรคริสต์มาสให้เพื่อนๆ กระทั่งมีโปรดิวเซอร์ฮอลลีวู้ดได้อ่านเรื่องสั้นชิ้นนี้เข้า จึงขอซื้อลิขสิทธิ์มาสร้างหนัง แต่โปรเจ็กต์นี้ก็ถูกดองไว้ระยะหนึ่งกว่าจะมาถึงมือ “แฟรงก์ คาปรา” และระหว่างช่วงพัฒนาบทหนัง ทีมเขียนบทยังขัดแย้งกับ “แฟรงก์ คาปรา” จนเขียนบทไม่เสร็จ สุดท้ายก็ต้องไปเสริมทีมนักเขียนอื่นๆ มาช่วยพัฒนาบทต่อจนแล้วเสร็จ จึงได้เริ่มสร้างหนังเรื่องนี้ในเดือนเมษายนปี 1946 ซึ่งในยุคสมัยนั้น หนังเรื่องนี้จัดว่าใช้พื้นที่เซตฉากประกอบใหญ่โตมโหฬารมาก เพื่อสร้างเป็นฉากหลัก “เมืองเบดฟอร์ด ฟอลล์” ในเรื่อง ที่มีตึกและอาคารก่อสร้างต่างๆ มากถึง 75 หลัง สร้างถนนในเมืองให้ดูสมจริง ลงต้นโอ๊คใหญ่ยักษ์หลายสิบต้น ทั้งยังต้องเต็มไปด้วยบรรยากาศของหิมะในฤดูหนาวที่ทีมสร้างไม่อยากจะใช้วิธีทาสีขาวทำแผ่นหิมะปลอมๆ แบบที่ทำกันดั้งเดิม แต่ลองคิดค้นนวัตกรรมใช้เครื่องพ่นสารเคมีให้เกิดไอละอองขาวประหนึ่งพายุหิมะที่ทำให้หนังคริสต์มาสเรื่องนี้ดูน่าเชื่อถือมากขึ้น

หนัง “It’s a Wonderful Life” เป็นเรื่องราวชีวิตของชายที่ชื่อ “จอร์จ เบลีย์” (รับบทโดย เจมส์ สจ๊วต) ชาวเมืองเบดฟอร์ด ฟอลล์ ที่ตั้งแต่เล็กจนเติบใหญ่ เขาคือคนที่โอบอ้อมอารีเห็นอกเห็นใจผู้อื่น รักการผจญภัย และใฝ่ฝันจะได้ออกเดินทางข้ามทวีปไปเห็นโลกอันกว้างใหญ่ในดินแดนต่างๆ แต่แล้วโชคชะตาและการตัดสินใจของเขาเองก็ทำให้ “จอร์จ” ไม่ได้ออกไปทำตามความฝันเลยแม้สักครั้ง เพราะต้องเลือกรับผิดชอบและสานต่อธุรกิจของครอบครัว จนถึงจุดที่เขารู้สึกสูญสิ้นทุกอย่าง เขาไม่ได้เป็นอะไรสำหรับใคร เขาไม่ได้เป็นฮีโร่ไปร่วมรบในสงครามโลกเฉกเช่นน้องชายด้วยข้อจำกัดทางร่างกาย เขาไม่ได้ออกไปท่องโลกกว้างใหญ่แบบที่ตั้งใจ แต่ต้องมาติดอยู่ในเมืองบ้านเกิดสานต่อธุรกิจสถาบันการเงินของพ่อ ซึ่งมีคอนเซ็ปต์เป็น “ธุรกิจเพื่อสังคม” ทำให้เขาต้องคอยช่วยเหลือชาวเมืองพร้อมกับต่อกรกับมหาเศรษฐีขี้งกที่เป็นศัตรูไม้เบื่อไม้เมากันมาเนิ่นนาน จนเกิดเรื่องราวที่ทำให้เขารู้สึกสูญสิ้นศรัทธาในตัวเอง ในวันคริสต์มาสปีนั้น “จอร์จ” ตัดสินใจกระโดดสะพานข้ามแม่น้ำเพื่อลาจากโลกนี้ แต่แล้วก็มีปาฏิหารย์เมื่อมีลุงเทวดา วาร์ป มาปรากฏตัวเพื่อช่วยเขา โดยที่เทวดาก็ว่ายน้ำไม่เป็นสุดท้ายจึงเป็นจอร์จที่ช่วยเทวดาที่เขาคิดว่าเป็นลุงคนหนึ่งขึ้นมา

ก่อนที่เรื่องราวชีวิตของ “จอร์จ เบลีย์” จะถูกร้อยเรียงให้เราเห็นว่า เขาเป็นคนธรรมดาใช้ชีวิตผ่านทั้งความผิดหวัง สมหวัง สุขๆ ทุกข์ๆ แต่ทั้งหมดอยู่บนพื้นฐานของชายจิตใจดีที่เลือกให้ค่าและนึกถึงคนอื่นก่อนเสมอ ปาฏิหาริย์ของลุงเทวดา ทำให้จอร์จมีโอกาสได้เห็นอีกด้านของเรื่องราว ด้านที่ถ้าไม่มีจอร์จอยู่บนโลกใบนี้ตั้งแต่ต้น ชีวิตคนอื่นๆ ในเมืองจะเป็นอย่างไร และนั่นก็ทำให้ “จอร์จ” ได้เห็นคุณค่าของการที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

เราอาจจะเป็นใครสักคนที่มีความหมายต่อผู้อื่นก็ได้ แม้จะไม่ได้เป็นคนสลักสำคัญ และถ้าชีวิตไม่เป็นอย่างที่เราตั้งความหวัง เราก็แค่ต้องใช้ชีวิตต่อไป แต่ต้องเป็นชีวิตที่ไม่ทำร้ายตัวเอง ไม่ทำร้ายคนอื่น นั่นคือหนึ่งในสิ่งที่ “It’s a Wonderful Life” อยากจะบอกกับทุกคน

คริสต์มาสปีนี้หนังเรื่องนี้มีอายุยาวนานครบ 75 ปี และเฉกเช่นทุกปีคุณค่าของหนังเรื่องนี้ก็เหมือนเพื่อนที่คอยกระซิบข้างหูเราเสมอในทุกปีท่ามกลางบรรยากาศส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ว่า “ชีวิตยังมีหวังเสมอ”

นี่คือหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดตลอดกาลทั้งให้กำลังใจ ส่งพลังบวก และสร้างรอยยิ้มความหวังให้กับเรา

ติสตู
(ภาพประกอบ Youtube Video / Paramount Movies)

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก
Line @Matichon ได้ที่นี่

Thailand Sport Magazine Sponsored
ผู้สื่อข่าว กีฬา

ข่าวกีฬา นักกีฬา กีฬา ในร่ม indoor outdoor ต้องทำ sport ให้เป็น กีฬา หลักของประเทศ ดูข้อมูล กอล์ฟ บาสเก็ตบอล ฟุตบอล ว่ายน้ำ วอลเล่ย์บอล มวย แข่งรถ แบดมินตัน และ อีสปอร์ต Dedicated to all sport news from Thailand, with news updates, stories and event reports on many different types of sporting activities that the Thailand currently holds, across all of the asia.

This website uses cookies.