Thailand Sport Magazine Sponsored
Categories: ว่ายน้ำ

“เล็บบอกโรค” เช็กสัญญาณเตือนสุขภาพ!

Thailand Sport Magazine Sponsored
Thailand Sport Magazine Sponsored

เคราตินหรือเซลล์ที่ร่างกายสร้างออกมา ถ้าเป็นผิวจะนุ่ม แต่ถ้าเป็นเล็บตัวเซลล์สร้างเล็บจะแข็ง คลุมปลายนิ้วเพื่อป้องกันเวลาที่เราไปกระทบกับสิ่งของต่าง ๆ จะต้องมีความแข็งแรง ปกติเซลล์ที่ตายไปแล้วจะไปสามารถหลุดลอกเองได้ เราต้องตัดถึงจะหลุดออกไป แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีความผิดปกติของเซลล์ที่สร้างเล็บ ก็จะทำให้เกิดความผิดปกติของเล็บ ซึ่งจะเราจะเห็นสัญญาณต่าง ๆ ที่บ่งบอกถึงสุขภาพร่างกายของเรา 

คอนเทนต์แนะนำ

หน้าที่ของเล็บ 
1.) ป้องกัน (Protection)  อันตรายที่จะเกิดต่อนิ้วส่วนปลาย (Distal  phalanges)
2.) รับความรู้สึก  ทำให้ระบบ Tactile discrimination ดีขึ้น
3.) ทำให้นิ้วมือสามารถหยิบจับสิ่งของได้ดี โดยเฉพาะสิ่งของที่มีขนาดเล็ก
4.) เป็นอาวุธของร่างกายอย่างหนึ่งตามธรรมชาติ ในการขีด, ข่วน  เพื่อต่อสู้กับอันตราย
5.) เล็บนิ้วเท้ายังช่วยให้การเคลื่อนไหวของเท้าได้ดียิ่งขึ้น  (Pedal  biomechanics)
6.) เป็นแหล่งข้อมูลต่างๆ  เช่น 

  • 6.1 การเจ็บป่วยของร่างกาย เล็บก็จะหยุดการเจริญเติบโตทำให้เห็นเป็นร่องของเล็บ (Beau’s tine)  เป็นอาการแสดง (Signs) อย่างหนึ่งที่ตรวจพบได้
  • 6.2 ใช้ตรวจหายาหรือสารพิษ (Toxic substances) ที่สะสมในร่างกายได้ เนื่องจากยาหรือ สารพิษจะมาสะสมที่เล็บ
  • 6.3 ในโรคบางโรคที่เป็น metabolic  diseases การตรวจวิเคราะห์เล็บ (Nail plate analysis) ก็ช่วยในการวินิจฉัย หรือติดตามการรักษาได้
  • 6.4 การตัดแผ่นเล็บไปตรวจหาหมู่เลือด (Blood groups),  สกัด DNA (DNA extraction)  จากแผ่นเล็บ, หรือตรวจ genotypic จากแผ่นเล็บ เป็นต้น

ลักษณะของเล็บที่ดี
เล็บจะต้องมีสีชมพูจาง ๆ จากสีผิวของเนื้อข้างใต้เล็บ มีพื้นผิวที่เรียบ ผิวหนังรอบเล็บมีความแข็งแรงไม่ถอยร่น และเล็บมีความหนาไม่มากไปและไม่น้อยจนเกินไป แสดงถึงหลอดเลือดที่ดี ระบบไหลเวียนที่ดี หากผิดปกติไปจากนี้แสดงว่า เล็บผิดปกติ เช่น ลักษณะเหล่านี้จะบ่งบอกโรคทางอายุรกรรม

ลักษณะของเล็บที่ผิดปกติ “เสี่ยงเป็นโรค” อะไรได้บ้าง? 

1.) เล็บมีสีขาวดอกเล็บ พบบ่อยในเด็ก อาจจะมาจากการขาดสารอาหารบางอย่างหรือภาวะขาดโปรตีนได้ จะเห็นลักษณะเป็นจุดขาว ๆ ที่พบว่าคือเกิดจากการกระแทกหรือติดเชื้อราก็ได้เช่นเดียวกัน เชื้อราบางอย่างเข้ามาด้วยสีขาว ส่วนเล็บขาวล้วนทั้งหมดของตัวเล็บ อาจเกิดจากพันธุกรรม หรือเล็บซีด แทนที่จะเป็นสีชมพูก็สามารถพบได้ 
2.) เล็บเหลือง (Yellow Nails Syndrome) เกิดจากภาวะต่อมน้ำเหลืองโต หรือกลุ่มคนไข้ที่เป็นโรคถุงลมโป่งพอง โรคปอด หรือโรคไซนัสอักเสบเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ส่วนเล็บที่เหลืองจากการทาเล็บบ่อย จะเกิดจากสารเคมีเข้าไปทำลายตัวเล็บ
3.) เล็บสีเขียว ส่วนใหญ่จะเกิดจากการติดเชื้อ จากแบคทีเรียบางประเภททำให้เห็นเป็นลักษณะสีเขียว ๆ ม่วง ๆ 
4.) เล็บสีน้ำตาล กลุ่มโรคที่เกี่ยวกับเม็ดสี บางทีจะเห็นเป็นเส้นสีน้ำตาลในกลุ่มคนไข้มะเร็งของเล็บ อยู่ในกลุ่มของมะเร็งไฝ ซึ่งมาจากมะเร็งที่ตัวเล็บได้
เล็บสีน้ำตาล กลุ่มโรคของการติดเชื้อ เหมือนกับเล็บเหลืองจะเห็นเป็นผิวขรุขระใต้เล็บ ซึ่งจะเจอได้ในกลุ่มคนไข้ที่เป็นสะเก็ดเงิน สังเกตได้จาก ผิวเล็บที่หนาตัวขึ้นเป็นสะเก็ดหรือมีเชื้อรา จะเห็นเล็บร่อนแยกออกจากกันเพราะมีความหนาตัว
5.)  ดอกเล็บเกินครึ่งหนึ่งของเล็บ (Half nail) ซึ่งเราจะพบในกลุ่มคนไข้ไตวาย
6.) เล็บขาวเกือบทั้งเล็บ เห็นสีชมพูอยู่นิดเดียว พบในคนไข้โรคตับแข็ง และหัวใจวาย
7.) เล็บเป็นคัปปลิ้ง (Clubbing) หรือนูน ๆ ขึ้นมา หรือไม่นูนแต่เป็นร่อง Spoon คล้าย ๆ ช้อน จะพบในกลุ่มคนไข้ที่ขาดสารอาหาร เช่น การขาดธาตุเหล็ก เป็นต้น
8.) เล็บเป็นจุดเล็ก บุบลงไป พบในคนไข้ที่เป็นสะเก็ดเงิน ภูมิแพ้ผิวหนัง หรือในกลุ่มคนไข้ที่ผมร่วงเป็นหย่อม เป็นความผิดปกติทางด้านผิดหนังทำให้ผิดของเล็บไม่สม่ำเสมอเป็นร่อง
9.) เล็บเป็นขุย ๆ เล็ก ๆ อยู่ข้างบน เป็นร่องเล็ก ๆ เล็บบางลง จะเป็นโรคที่มีความผิดปกติทางภูมิคุ้มกัน 
10.) เล็บขบ เกิดได้จากภาวะการติดเชื้อที่มาจากการตัดเล็บ หรือบางครั้งที่พบบ่อยอาจเกิดจากการที่เราใส่รองเท้าคับเกินไป เล็บที่จะงอกขึ้นมา พองอกไม่ได้ก็จะทิ่มลงไปในบริเวณผิวหนังที่อยู่รอบ ๆ เล็บ ทำให้เจ็บขึ้นมา ปวด บวม และติดเชื้อ บางทีพอติดเชื้อก็จะทำให้เนื้อบริเวณนั้นนูนขึ้นมาอีกด้วย ทั้งติดเชื้อ มีหนอง และเลือดออก ซึ่งเจ็บมาก

เคล็ดลับการดูแลเล็บให้สุขภาพดี ห่างไกลโรค

นอกจากการดูแลความสะอาดของเล็บในทุก ๆ วันแล้ว การบำรุงเล็บด้วยวิธีการเหล่านี้ อาจช่วยเพิ่มความแข็งแรงของเล็บ และช่วยให้เล็บเงางาม มีสุขภาพดีในระยะยาวได้

1.หลีกเลี่ยงการกัดเล็บ ซึ่งอาจทำให้ผิวหนังบริเวณรอบ ๆ ถูกทำลาย เชื้อโรคจึงเข้าสู่ผิวหนังได้ง่ายขึ้น และเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้สูงขึ้น นอกจากนี้ หากมือของเราสกปรก เชื้อโรคในเล็บยังอาจเข้าสู่ช่องปาก และทำให้ร่างกายได้รับเชื้อโรคได้เช่นกัน

2.หลีกเลี่ยงการตัดหนังบริเวณโคนเล็บ เนื่องจากทำให้เกิดช่องเปิดระหว่างเล็บและโคนเล็บ ซึ่งทำให้เชื้อโรคเข้าสู่ผิวหนังและเกิดการติดเชื้อได้ง่าย หรือเกิดความผิดปกติของเล็บ เช่น เล็บเป็นคลื่น (Nail Ridges) และเกิดจุดขาวบนเล็บได้

3.หากมีเล็บฉีก ไม่ควรกัดเล็บหรือดึงเล็บให้ขาด เพราะอาจทำให้เกิดแผลได้ ควรใช้กรรไกรตัดเล็บที่สะอาดตัดเล็มบริเวณที่ฉีกออก

4.ไม่ใช้เล็บแงะหรือแกะสิ่งของ อย่างการเปิดฝากระป๋องน้ำอัดลม เพราะอาจทำให้เล็บหักได้

5.สวมถุงมือทุกครั้งเพื่อป้องกันเล็บและมือขณะทำกิจกรรมต่าง ๆ เช่น เมื่อทำงานบ้านหรือทำสวน

6.สวมรองเท้าที่พอดีและเหมาะสมกับรูปเท้า ไม่คับหรือบีบหน้าเท้าจนเกินไป

7.สวมรองเท้าทุกครั้งเมื่อออกไปนอกบ้าน หรือเมื่อเดินในบริเวณสระว่ายน้ำหรือห้องอาบน้ำสาธารณะ

8.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเฉพาะอาหารที่มีวิตามินบี 7 หรือไบโอติน (Biotin) วิตามินบี 12 โอเมก้า 3 โปรตีน ธาตุเหล็ก และซิงค์ (Zinc) สูง เช่น เนื้อสัตว์ต่าง ๆ ถั่ว ธัญพืชชนิดไม่ขัดสี นม ไข่ ผักใบเขียว และผลไม้ ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงเล็บให้แข็งแรงขึ้นได้ 

ที่มา : ศูนย์ผลิตและพัฒนาสื่อคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา (C.A.I.) คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณะแพทยศาสตร์ มหาวิยาลัยเชียงใหม่, Pobpad

Thailand Sport Magazine Sponsored
ผู้สื่อข่าว กีฬา

ข่าวกีฬา นักกีฬา กีฬา ในร่ม indoor outdoor ต้องทำ sport ให้เป็น กีฬา หลักของประเทศ ดูข้อมูล กอล์ฟ บาสเก็ตบอล ฟุตบอล ว่ายน้ำ วอลเล่ย์บอล มวย แข่งรถ แบดมินตัน และ อีสปอร์ต Dedicated to all sport news from Thailand, with news updates, stories and event reports on many different types of sporting activities that the Thailand currently holds, across all of the asia.

This website uses cookies.