Thailand Sport Magazine Sponsored
Categories: ว่ายน้ำ

“อะตอม สัมพันธภาพ” เพื่อนสนิท “แตงโม นิดา” ลั่น “กระติก” ควรนอบน้อมกับคุณแม่มากกว่านี้ – Sanook

Thailand Sport Magazine Sponsored
Thailand Sport Magazine Sponsored

ยังคงอยู่กันที่ประเด็นการจากไปของนักแสดงสาว แตงโม นิดา ที่เสียชีวิตหลังพลัดตกจากเรือสปีดโบ๊ทกลางแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งตอนนี้สังคมเกิดคำถามมากมายกับบุคคลทั้ง 5 คนที่อยู่บนเรือก่อนสาว แตงโม จะพลัดตกลงมาเสียชีวิต วันนี้ คุณอะตอม สัมพันธภาพ เพื่อนสนิทแตงโมตั้งแต่เด็ก และ โม อมีนา ร่วมวีดีโอคอลทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บ SHOW ออกอากาศทางช่องวัน 31 ที่มี หนิง ปณิตา, ชมพู่ ก่อนบ่าย และพีเค ปิยะวัฒน์ เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

หลังจากที่ดูคลิป ปอ-โรเบิร์ต-กระติก มากราบขอโทษคุณแม่ ขอขมารู้สึกยังไง?

โม : “คุณแม่เป็นคนตัดสินใจ พวกโมเคารพในการตัดสินใจของคุณแม่ ถ้าคุณแม่เห็นดีแล้วว่าควรให้อภัยก็ให้อภัยค่ะ โมแค่แยกออกมาจากความถูกต้องความยุติธรรมในเรื่องของกฏหมายโมว่ามันคนละส่วนกัน คุณแม่ให้อภัยพวกหนูก็ไม่ได้ติดใจอะไร แต่ง่าความยุติธรรมความถูกต้องและกฏหมายเนี่ยอีกเรื่องนึงค่ะ ตอนนี้ถือว่ายังรอพิสูจน์อยู่ ยังไม่รู้ผลต่างๆ ที่จะออกมา ยังไม่อยากที่จะตัดสินอะไรค่ะ อันนี้โมว่าน่าจะเป็นความรู้สึกของคุณแม่ซะมากกว่า”

คนอื่นรู้สึกยังไงบ้าง?

โม : “เพื่อนๆ หลายๆคนในกลุ่มก็ต่างความคิด ต่างความรู้สึก แต่ทีนี้เนี่ยพี่โมเหลือแม่แค่คนเดียว ถ้าคุณแม่ตัดสินใจอะไรเราก็เห็นด้วยไปกับคุณแม่ แต่อย่างที่โมบอก โมแยกในเรื่องของความถูกต้องและความยุติธรรมออก ผิดไม่ผิดเดี๋ยวค่อยว่ากันอีกทีนึง แต่ความรู้สึกของคุณแม่ รู้สึกว่าให้อภัยได้แล้วก็ให้อภัย แต่ว่าในฝั่งเพื่อน หลายๆคนรวมถึงตัวโมน่าจะยังรอความถูกต้องก่อนว่าเค้าผิดจริงหรือไม่จริง รอหลักฐานรอทุกอย่าง รอความจริงปรากฏ แล้วเราค่อยตัดสินใจอีกทีค่อยว่ากัน”

ตอนแรกคุณแม่โกรธมาก แปลกใจมั้ยทำไมคุณแม่ใจอ่อนเร็ว?

อะตอม : “ผมไม่ได้สงสัยใครเลย ผมค่อนข้างจะทึ่งในสิ่งที่แม่แสดงออกเมื่อวานมีความเป็นผู้ใหญ่ที่สมผู้ใหญ่พอสมควร ผมคิดว่าที่คุณแม่มีความรู้สึกมันไม่ใช่เรื่องผิดเพราะเขาเพิ่งสูญเสียลูกไป ที่เขาแสดงออกมาแบบนั้นไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรือดูไม่ดีเลย ต้องรอฟังอีกทีว่าผลสรุปแล้วตอนท้ายมันออกมาเป็นอย่างไร”

สำหรับหนิงกับชมพู่ให้อภัยมั้ย?

หนิง : “การให้อภัยเป็นเรื่องที่ดี เราจะได้ไม่ทุกข์ไม่ผูกเวรต่อกันไปอีก แต่ในฐานะคนเป็นแม่คนเหมือนกันใครทำลูกหนิงตาย หนิงจะให้อภัยต่อเมื่อความจริงทั้งหมดมันถูกพิสูจน์ออกมาให้เห็นแล้วว่ามันคืออะไร หนิงจะไม่ให้อภัยในตอนที่ความจริงมันยังไม่พิสูจน์ แต่สิ่งที่หนิงทำคือหนิงจะยอมคุยด้วยกับคนที่เข้ามา พยายามที่จะเคลียร์ พยายามที่จะแสดงความรับผิดชอบ แต่ละคนความรู้สึกไม่เหมือนกันจะเอามาวัดกันทั้งหมดไม่ได้ แต่มันเป็นการดี ที่อะไรที่มันเกิดขึ้นมา ปัญหามันเกิดขึ้น เราต้องเข้าไปเคลียร์ ไม่ใช่หนีปัญหา คนที่กล้าเข้าไปเคลียร์มันจะกระจ่างมากกว่าคนที่หนีปัญหาแล้วก็เถียงตลอด”

ชมพู่ : “การเข้ามาเคลียร์ การให้อภัยมันเป็นสิ่งที่ดีอยู่แล้ว แต่ติดใจเล็กๆ ว่าความจริงสรุปเป็นยังไง ความรู้สึกเราจะเปลี่ยนไปขนาดไหน คือตอนนี้อาจจะให้อภัยได้ในเบื้องต้นที่กล้าเข้ามากล้าที่จะให้อภัย แต่บทสรุปของคดีก็ต้องมาดูอีกทีนึง ถ้า ณ ตอนนั้นคดีมันคลี่คลายว่าเป็นอุบัติเหตุอันนี้สบายใจ แต่ถ้ามันมีอะไรแบบที่พวกเรายังติดอยู่ในใจอยู่ ความรู้สึกมันก็ไปๆ มาๆ อยู่อีก”

สิ่งที่เกิดขึ้นเหมือนละครบทนึง?

อะตอม : “ผมไม่สามารถที่ตะพูดแบบนั้นได้ว่าเป็นละครบทนึงหรือเปล่า แต่ในความรู้สึกของผมผมเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ แต่เชื่อว่าทำไมเวลานักข่าวมาสัมภาษณ์พวกคุณเองที่อยู่บนเรือ 5 คนเท่านั้นที่รู้ความจริง ทำไมถึงพูดไม่ตรงกันเกือบทุกครั้งที่สัมภาษณ์ มันเลยทำให้สังคมเกิดข้อสงสัยและตั้งประเด็นคำถามขึ้นมา ทั้งในโลกโซเชียลเองรวมถึงเพื่อนของแตงโมเองด้วย ว่าทำไมมันคลาดเคลื่อนกันแบบนี้ แล้วพูดไม่ตรงสักครั้งนึงมากกว่าครับ”

บางคนคิดว่าเป็นบทละครหรือเปล่า มีการจัดฉากหรือเปล่า โมคิดในมุมนี้ยังไง?

โม : “ตอนนี้โมยังเชื่อในความจริงที่โมรออยู่ โมรอผลและหลักฐานต่างๆ เพื่อให้ตัวเองแน่ใจว่าเราควรจะทำอะไรต่อในขั้นต่อไป โมมองว่าถ้ามีหลักฐานที่ถูกต้องการสันนิษฐาน การวิเคราะห์ที่ถูกต้อง ถูกจุด เราก็จะมองกันออกเองว่าเรื่องราวต่อไปมันจะเป็นแบบนี้ ความถูกต้องมันจะไปยังไง ผลสรุปมันจะเป็นยังไง โมรอความจริงอยู่ เพราะโมเชื่อว่าตำรวจไทยแล้วเจ้าหน้าที่ทุกๆ ฝ่าย หรือแม้กระทั่งแพทย์ทุกๆ คนเขามีจรรยาบรรณที่ดีพอ แล้วสามารถรวบรวมหลักฐานได้ทั้งหมดแล้ว ที่เหลือโมว่าเราแค่รอความจริง”

เมื่อวานโมให้สีมภาษณ์ว่าโมรู้หมดแล้ว และมีหลักฐานสำคัญ แต่โมยังพูดไม่ได้?

โม : “เมื่อวานด้วยความที่โมได้ไป สภ.นนทบุรี แล้วเมื่อวานฝั่งเขาอยู่กันทั้งหมดเลย แล้วโมเนี่ยไม่ได้โดนเรียกสอบปากคำนะคะ คือพี่เบิร์ดโทรหาโมบอกว่าโมพาเราไปหน่อย เราไม่ไหว เรายังไม่อยากคุยกับใคร ยังไม่อยากบอกอะไรใคร พี่เบิร์ดน่าจะรู้ว่ามีสื่ออยู่ตรงนั้น ด้วยความที่เราเห็นใจ โอเคในเมื่อพี่เราไม่อยู่แล้ว พี่เบิร์ดก็เหมือนพี่ชายเรา เราก็พาไป โมตะโกนบอกนักข่าวตลอดทางว่าพี่โมขออนุญาตไม่ให้สัมภาษณ์นะคะ ให้ความเป็นส่วนตัวพี่เบิร์ดนะ พี่เบิร์ดคุยกับเจ้าหน้าที่แป๊บนึงนะคะ ก็พาเข้าไป เผอิญเจอทั้งหมดเลย หนูก็เลยขอสอบถามไปในบางเรื่องที่เราอยากจะทราบ ตอนนี้ก็ให้รอความจริงอย่างเดียวว่ายังไง แต่โมเชื่อว่าหลักฐานเนี่ย ตำรวจเก่งมาก เก็บได้หมดแน่ๆ ชัวร์ๆ”

ส่วนเรื่องคุณกระติกที่ได้ฟังการสนทนากับคุณแม่ทั้งหมด โมรู้สึกยังไงบ้าง?

โม : “โมบอกตามตรงนะคะ เมื่อคืนโมเห็นแค่ผ่านไป ผ่านมา โมเห็นแค่ประโยคเล็กๆ โมรู้สึกว่าโดยพื้นฐานที่รู้จักมาก่อนหน้านี้ เขาเป็นคนที่ดีและจริงใจกว่านี้ ในความรู้สึกโม ส่วนตัวที่โมรู้จักมา แต่โมแค่รู้สึกวันนั้น…โมเป็นคุณแม่โมก็ไม่โอเคเหมือนกัน ก็เหมือนที่คุณแม่ตัดสินใจ ก็เห็นด้วยกับสิ่งที่คุณแม่ตัดสินใจ”

แสดงว่าโมคิดว่ากระติกเปลี่ยนไปตั้งแต่คืนวันพฤหัสที่ผ่านมา สมัยก่อนเขาไม่ใช่แบบนี้?

โม : “ไม่ใช่นะคะ พี่ติกเป็นคนโอเคกว่านี้ น่ารักกว่านี้”

เห็นกระติกคุยกับแม่ คิดว่ายังไง?

อะตอม : “เราควรที่จะนอบน้อมมากกว่านี้ในฐานะที่เรามีส่วนอยู่ในเหตุการณ์ และทำลูกเขาเสียชีวิต เราต้องยอมรับทุกอย่าง เราไม่ควรที่จะไปเถียงคุณแม่เลยหนือทำเสียงแข็งใส่คุณแม่เลยแม้แต่นิดเดียว ต้องน้อมรับถ้าเราอยู่ในสถานการณ์ที่อาจจะไม่ใช่ที่คนอื่นเข้าใจก็ได้ แต่ว่าคุณต้องครองสติดีๆ ในการโต้ตอบกับคุณแม่ ส่วนตัวผมรู้จักกระติกมานาน ตั้งแต่อายุ 15-16”

สมัยก่อนเป็นแบบนี้ไหม?

อะตอม : “ไม่ครับ เขาก็เป็นคนใจๆ คนนึงครับ แล้วก็มันเกิดข้อสงสัยในตัวผมหลายอย่างว่าทำไมคุณถึงไม่ช่วยคนที่เขารักคุณ ทำไมคุณถึงไม่ช่วยคนที่ให้โอกาสชีวิตคุณมาก ทำไมคุณถึงไม่ช่วยเขา คุณปล่อยไปได้ยังไง”

เห็นกระติกคุยกับแม่รู้สึกยังไง?

หนิง : “ก็โมโหนะ แล้วแชทในกรุ๊ปไลน์เพื่อนๆ หลายๆ กลุ่มเมื่อวาน ก็มีดาราคนนึงขออนุญาตไม่เอ่ยชื่อโทรมาหาหนิงบอกว่า อีป้า เขาเรียกหนิงว่าอีป้า บอกว่าอย่าไปโกรธติกอะไรมันขนาดนั้น เพราะว่าจริงๆ แล้วมันก็แย่เหมือนกัน หนูเพิ่งได้คุยกับมัน มันก็นั่งร้องไห้กับหนูเหมือนกัน แล้วหลายๆ เรื่องไม่ว่าจะมีเรื่องกรมธรรม์อะไรออกมามันก็รู้สึกแย่มาก เพราะว่าลูกมันต้องมาโดนด้วย มันไม่กล้าให้ลูกไปโรงเรียน เพราะไม่รู้จะไปมองหน้ายังไง มันก็ถูกพิพากษาแล้ว พวกมึงก็อย่าไปโกรธมันให้โอกาสมันหน่อย หนิงตอบกลับไปว่า ใช่ เข้าใจ แต่มันต้องแยกแยะ ระหว่างความถูกต้องกับสิ่งที่มันเกิดขี้น คือเข้าใจและเห็นด้วยเลยว่าตอนนี้หลายๆ คนไปลงที่ลูกเขา ซึ่งนี่ในฐานะคนเป็นแม่เหมือนกันไม่โอเค แต่มารยาททางสังคมที่ควรจะมีกับผู้ใหญ่ แล้วอย่างที่คุณอะตอมบอกว่าเราอยู่ในเหตุการณ์ที่ทำให้เขาเสียลูก ความนอบน้อมคือสิ่งสำคัญที่สุด และการยอมรับฟังจากใจไม่ใช่เถียง”

ชมพู่ : “เห็นด้วยเหมือนกันในเรื่องของการแสดงออก ณ ตอนนี้ ในเมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ถ้าเป็นการแนะนำก็จะบอกว่าความนอบน้อม การขอโทษจากใจจริง ความสำนึกที่มาจากข้างในจริงๆ สำคัญที่สุดในการแสดงออก เมื่อคุณแสดงออกแบบนั้นคนอาจจะให้อภัยคุณมากขึ้น แต่แสดงออกในแบบที่คุณอยากแสดงออก ตรงๆ ไปในมุมที่คุณคิด การให้อภัยมันอาจจะช้าลง แล้วจะโดนข้อพิพากเพิ่มไปอีก ก็แนะนำในครั้งต่อไปถ้ามีการพบคุณแม่แล้วออกสื่ออีก”

อะตอมเป็นเพื่อนกระติกตั้งแต่ 15 ยังเจอกันอยู่ไหม ตั้งแต่มีเรื่องได้คุยไหม?

อะตอม : “ได้คุยล่าสุดหลังจากที่ผมประสบอุบัติเหตุ แต่ไม่ได้คุยประเด็นอื่นกัน ถามกันว่าเป็นยังไงบ้างมากกว่า”

ได้ฟังสิ่งที่คุณกระติกแสดงออกหลายๆ อย่าง อยากบอกอะไรคุณกระติกไหม?

อะตอม : “ต้องบอกว่าผมกับกระติกพูดกันมึงกู กูก็เสียใจมากที่มันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น อยากจะถามมึงว่าทำไมมึงถึงไม่กระโดดน้ำลงไปช่วย แตงโมมันให้โอกาสมึงทุกอย่างหรืออยู่กับแฟนมันจนกว่าจะเจอมันแล้ว ตอนที่ไปเจอแต่น้องโม อมีนา เจอแต่เพื่อนสนิทแตงโม แต่ทำไมไม่เจอพวกมึงที่อยู่ในเหตุการณ์เลย มึงไปไหนกัน ไปทำอะไรกัน”

รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กๆ เขาว่ายน้ำเป็นไหม?

อะตอม : “ตรงนี้ต้องบอกเลยว่าไม่เคยเห็นเลยครับ แล้วเราไม่สามารถที่จะพูดได้ในสิ่งที่เราไม่รู้”

กระติกบอกว่าว่ายน้ำไม่เป็นรู้สึกยังไงบ้าง?

โม : “หนูก็เห็นเขาเล่นน้ำกับอีสเตอร์บ่อยนะ แต่หนูไม่เห็นเขาว่ายน้ำแบบแข็งแรงอะไรขนาดนั้น”

คุณอะตอมเล่าให้ฟังว่า แตงโมไม่ได้ให้แค่โอกาสคุณกระติก เหมือนให้ชีวิตใหม่ด้วยในการดึงเข้ามาทำงาน?

โม : “ใช่ค่ะ เมื่อก่อนพี่กระติกเป็นนางแบบ แล้วได้มารู้จักกับพี่โม เขาเป็นเพื่อนกันแล้วมันจะมีอยู่ข่วงนึงที่พี่โมพูดว่าเดี๋ยวจะเอาติกมาทำงาน มาเป็นผู้จัดการส่วนตัว เพราะว่า เขารักกันอยู่แล้ว สนิทกันอยู่แล้ว มันไม่ยากที่จะดูแลกัน เขาก็ดูแลกันมาเรื่อยๆ โมว่าเป็น 10 ปีแล้วนะที่เขาดูแลกันมาจนมีอีสเตอร์  พี่โมรักอีสเตอร์เหมือนลูกในไส้จริงๆ  จริงๆ โมก็อยากจะวอนชาวเน็ตว่าแบบ ต่อให้พี่โมไม่อยู่แล้ว ฝั่งเราเราก็ยังเอ็นดูอีสเตอร์ เพราะเรารู้สึกว่าเด็กไม่เกี่ยว โมก็รักอีสเตอร์มากจริงๆ”

สมัยก่อนที่กระติกมาเจอแตงโม เขาทำอาชีพอะไรบ้าง?

อะตอม : “เมื่อก่อนผมเห็นเขาแต่งชุดคล้ายๆ พนักงานเชียร์หรือว่าเสิร์ฟเครื่องดื่มบางอย่าง”

แตงโมให้โอกาสคือว่า จากการทำงานเป็นเด็กเชียร์เบียร์มาทำงานเป็นผู้จัดการดารา อันนี้ใช่ไหมที่อะตอมหมายความว่าคือการให้ชีวิตใหม่กับคุณกระติก?

อะตอม : “นี่แหละครับคือการให้ชีวิตใหม่ จริงๆ ต้องบอกว่ามันคนละด้านเลยนะ ระหว่างคุณเป็นพนักงานเชียร์เครื่องดื่มกับคุณเป็นผู้จัดการดารา เป็นผู้จัดการนางเอกอย่างแตงโม

ต้องบอกว่าที่เราพูดตรงนี้เราไม่ได้ดูถูกอาชีพใคร ทุกอาชีพมีคุณค่า?

อะตอม : “ถูกต้องครับ ต้องบอกว่าเราไม่ได้ดูถูก แล้วทุกอาชีพก็มีคุณค่า”

คุณอะตอมเห็นว่าคุณแตงโมให้ชีวิตขนาดนั้น ทำไมวันที่เกิดเหตุถึงไม่ลงทุนช่วยให้เต็มที่กว่านี้?

อะตอม : “ถึงไม่ลงทุนก็ไม่เป็นไร แต่ว่าทำไมคุณต้องกลับบ้าน ถ้าเป็นเราเอง เราต้องอยู่ แต่ว่าเราไปจุดเกิดเหตุอีกวันนึงกลับเจอแฟนแตงโม และน้องโม อมีนา แล้วพวกคุณไปไหนกัน พวกคุณบอกว่าไปพักผ่อน ไปนู้น ไปนี่ คุณทนกันได้ยังไง ขนาดเรารู้ตอนเช้า เรายังรีบไปเลย”

เมื่อวานแซนออกมาไลฟ์สด โมได้ฟังแล้วรู้สึกยังไงบ้าง?

โม : “โมบอกก่อนนะคะว่าโมไม่รู้จักคนคนนี้ แต่โมแค่รู้สึกว่าเขาควรมีความสำนึกได้มากกว่านี้ อันนี้มันดูแบบ…จริงๆ เขาไม่ต้องไลฟ์ก็ได้ เขาไลฟ์เหมือนเขาฆ่าตัวเองเลย” 

พวกเราช่วยกันวิเคราะห์ อย่างคนที่อยู่บนเรือ 5 คน ไม่ใช่คนในวงการ เขาอาจจะตื่นตกใจ ประหม่ากับกล้อง พวกเราเองเวลาเจอเรื่องหนักๆ เวลาตอบคำถามยังแย่เลย มันเป็นไปได้ไหมว่าเขาก็ไม่รู้ว่าเขาจะทำตัวยังไง เขาก็พยายามออกมาพูดในมุมของเขา?

โม : “แต่ว่าอันนั้นเขาไลฟ์ส่วนตัวนะ นึกออกไหมเวลาเราอยู่หน้ากล้องกับไลฟ์ส่วนตัว มันก็จะคนละอย่าง ทีนี้โมไม่ได้มองว่าเขาพูดอะไร โมมองพฤติกรรมสายตาของเขามันดูไม่จริง โมก็ไม่รู้หรอกนะว่าเขาพูดจริงหรือไม่จริง เพราะสุดท้ายมันไม่มีพยานอื่น ขะหาพยายอื่นได้ก็คือพยานสิ่งแวดล้อมกับพยานวัตถุที่พอจะชี้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง  ทีนี้พอเป็นพยานบุคคล มันมีแค่คนบนเรือ เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาจะพูดอะไรกันก็ได้ ใครอยากพูดอะไรพูดเลย เพราะมันไม่มีใครรู้เรื่องกับพวกคุณอยู่แล้ว”

โมกำลังจะบอกว่าพยานที่ดีที่สุดคือพยานบุคคลที่อยู่บนเรือ แต่บางทีพยานบุคคลที่อยู่บนเรือ บางทีตอบคำถามตั้งแต่วันเกิดเรื่องจนวันนี้ แต่ละครั้งมันไม่ค่อยสอดคล้องและไม่ไปในทิศทางเดียวกัน?

โม : “ใช่ค่ะ แค่อย่างเมื่อวานไลฟ์สดโมอยากเห็นเขาแสดงความจริงใจสักนิดสักหน่อยก็ยังดี”

เหมือนอย่างที่คุณปอทำ?

โม : “ใช่ค่ะ อย่างน้อยๆ พี่ปอเขายังมีความนอบน้อม เข้าหาอย่างถูกวิธี แต่ว่าพี่กระติกกับแซนเนี่ยโมโนคอมเมนต์จริงๆ”

ชาวเน็ตบอกว่าการไลฟ์สดของคุณแซนมีบางคำที่พูดไม่รู้เรื่อง มีการมองตาคนอื่นเพื่อบอกสคริปต์ มีความไม่มั่นใจ ไม่จริงใจ อันนี้อะตอมรู้สึกยังไง?

อะตอม : “ต้องบอกว่าผมไม่ได้ดูไลฟ์สดเลย ดูแค่คุณแซนสัมภาษณ์ข่าวถึงกู้ภัยแล้วตัวผมก็เป็นกู้ภัยด้วย แล้วมีเพื่อนผมที่เป็นกู้ภัยเหมือนกันที่เป็นชุดที่ไปดำเจอร่างแตงโม ผมไม่โอเคตรงที่ว่าคุณแซนไปพูดถึงกู้ภัยไม่ค่อยดี”

โมคิดว่ามีคนคอยบอกบทหลังกล้องไหม ?

โม : “โมไม่ทราบหรอกว่าเขาจะเตี๊ยมกันยังไง โมแค่รู้สึกว่าโมเห็นสายตาก็ไม่ใช่แล้ว”

ตอนนี้ความคืบหน้าในเรื่องของคดีไปถึงไหนแล้ว?

โม : “ตอนนี้เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ที่เขารวบรวมหฃักฐาน แล้วก็พิสูจน์ในเรื่องต่างๆ โมง่าจากเมื่อวานที่โมไปเห็นด้วยตา อยากจะขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกๆ คนที่พยายามช่วยกันทำงานในแบบที่หนูไมาเคยเห็นมาก่อน คือโมไม่อยากให้ชาวเน็ตพูดว่า หลักฐานมีให้เอามาใช้อย่างนั้น อย่างนี้ แต่หนูว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานอย่างดีที่ทุดแล้ว”

เมื่อคือกระติกไปจำลองเหตุการณ์ลงเรือ มันมีอะไรผิดปกติไหม?

โม : “อย่างที่หนูบอกแหละพี่ คนที่รู้เรื่องมีอยู่แค่นี้ เพราะฉะนั้นต่อให้เขาลงเรือไปเพื่อบอกจุดนี้อย่างนั้น จริงไม่จริงเขารู้อยู่แก่ใจ โมหรือคนอื่นไปตัดสินไม่ได้ว่าใช่หรือไม่ใช่ เพราะสุดท้ายแล้วก็ต้องฟังจากคนบนเรือ มันจะโชคดีมากถ้าเกิดว่ามีสิ่งแวดล้อมข้างๆ ที่เห็นแล้วมาบอก มาค้านได้ แต่อันนี้มันมีแต่คนตรงนั้นจริงๆ โมและคนอื่นก็รอฟังว่ามันจะออกมาเป็นยังไง”

พูดถึงคำพูดของคนบนเรือ อะตอมบอกว่าไม่เชิ้อ รอพิสูจน์อย่เดียวเลย?

อะตอม : “ใช่ เพราะต้องบอกว่าส่วนตัวผม มีตวามเชื่อในตำรวจและคุณหมอมาก เราก็รอฟังอยู่ว่าจากการที่เขาได้หาละหลักฐานมาพิสูจนรู้แล้วว่าผลจะออหมาเป็นยังไง เราก็จะเชท่ออย่างนั้น เราจะไม่ปักเชื่อ”

ได้มีโอกาสคุยกับหมอพรทิพย์ด้วย

อะตอม : “ใช่ครับมีโอกาสำด้คุนกับคุณหมอผ่านทางเฟซบุ๊ก เขาบอกว่ามีรุ่นน้องที่ตรวจสอบ  หรือมีประเด็นอะไรไม่เข้าใจให้แจ้วท่านได้ท่าน แต่ส่วนตัวผมอยากใหคถณหมอพรทิพย์ท่านมาดูเอง เราเชื่อมั่นในตัวของเราหาข้อมูลมาหลายคดี”

เรื่องเงินประกัน 1 ล้านบาท จริงใช่ไหม?

โม : “จริงค่ะ ทุกคนต้องยอมรับในจุดนี้ว่าพี่โมรักกระติกและอีสเตอร์มากจริงๆ”

พรุ่งนี้เรารับปริญญา เสียใจขนาดไหนที่แตงโมไมาได้ไป?

โม : “โมได้มีการพูดคุยกับพี่เขา ช่วงเดือนมกราคมเราเจอกันบ่อยมาก แล้วเราก็คุยกันว่าพี่โม เดี๋ยวพี่รับปริญญาอันนี้ ตัวโมจะรับวันนี้ อยากให้พี่มาจริงๆ ถ้าพี่ไม่อยากตื่นเช้า พี่มา 4 โมงเย็นก็ได้หนูออกจากห้องประชุมแล้ว เรารู้ว่าพี่เป็นคนชอบนอน เป็นคนไม่ตื่นเช้าถ้าไม่ได้ทำงาน หนูไปงานพี่ พี่มางานหนูนะ ก็ตกลงอะไรกันไว้เรียบร้อย ปรึกษาแม้กระทั้งพี่เขาอยากทำยูทูบ เราก็บอกว่าสโคปมันเท่านี้พอ อมีนาวาเลนไทน์เราถ่ายแบบกันสัก1เซ็ตไหม นู่น นี่ นั่น หนูยังคุยกันอยู่เลย”

อะตอมมีแพลนจะบวชในช่วง 20 มีนาคม แล้วได้มีการคุยกับโมไว้?

อะตอม : “ใช่ครับ โมจะเป็นคนมาถือร่มให้ อันนี้เพิ่งคุยกันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วเองว่าหลังจากที่ผมไปหาหมอครั้งสุดท้ายแล้วจะรู้ว่าจะได้บวชเมื่อไหร่ ก็ได้ฤกษ์บวช 20 มีนาคม นี้ แล้วสัปดาห์นี้มีการนัดเจอกันด้วย แล้วให้ผมมาอัปเดตเรื่องบวชว่าต้องเตรียมอะไรยังไงบ้าง”

แต่ตอนนี้โมไม่อยู่แล้ว?

อะตอม : “อยากให้ดวงจิตวิญญาณของมันมาอยู่ในงานด้วย หรือว่ามาดูความปลื้มปิติของเราและครอบครัวด้วย เหมือนกับที่มันเคยช่วยเรามาเทื่อก่อน แล้วตัวผมเองตั้งใจจะแผ่บุญให้มันในทุกวัน ครั้งนี้บวช 1 เดือน แล้วทุกวันผมจะแผ่บุญให้มัน”

ติดตามรายการคุยแซ่บ Show ได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ 13.05-14.05 น. ทางช่อง one31 Facebook Page : คุยแซ่บShow รับชมย้อนหลังได้ที่ Youtube Channel : Orange

Thailand Sport Magazine Sponsored
ผู้สื่อข่าว กีฬา

ข่าวกีฬา นักกีฬา กีฬา ในร่ม indoor outdoor ต้องทำ sport ให้เป็น กีฬา หลักของประเทศ ดูข้อมูล กอล์ฟ บาสเก็ตบอล ฟุตบอล ว่ายน้ำ วอลเล่ย์บอล มวย แข่งรถ แบดมินตัน และ อีสปอร์ต Dedicated to all sport news from Thailand, with news updates, stories and event reports on many different types of sporting activities that the Thailand currently holds, across all of the asia.

This website uses cookies.